โจเป๋า
โจเป๋า[1][2][3] (ค.ศ. 195[a] - 30 มีนาคม ค.ศ. 273[b]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า ฉือ เปา (จีน: 石苞; พินอิน: Shí Bāo) ชื่อรอง จ้งหรง (จีน: 仲容; พินอิน: Zhòngróng) เป็นขุนพลของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน ภายหลังเป็นขุนพลและขุนนางของราชวงศ์จิ้นตะวันตก มีตำแหน่งสูงสุดเป็นเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู) ในยุคราชวงศ์จิ้นตะวันตก ประวัติช่วงต้นโจเป๋าเป็นชาวอำเภอลำพี้ (南皮縣 หนานผีเซี่ยน) เมืองปุดไฮ (渤海郡 ปั๋วไห่จฺวิ้น) ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอหนานผี มณฑลเหอเป่ย์[7] โจเป๋ารับราชการเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในอำเภอลำพี้อันเป็นบ้านเกิด โดยอยู่ในสังกัดของนายกองพันการเกษตร (典農司馬 เตี่ยนหนงซือหม่า)[8] ในปี ค.ศ. 218 หลังการก่อกบฏของเกียดเป๋ง กัว เสฺวียนซิ่น (郭玄信) ผู้เป็นราชทูต (謁者 เย่เจ่อ) ขอให้นายกองพันการเกษตรหาคนมาเป็นข้าราชบริพารของจักรพรรดิ นายกองพันการเกษตรจึงเลือกเตงงายและโจเป๋า[c] ทั้งสองติดตามกัว เสฺวียนซิ่นไปยังเงียบกุ๋น ตลอดทางเตงงายและโจเป๋าได้สนทนากับกัว เสฺวียนซิ่น ทั้งคู่ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากกัว เสฺวียนซิ่น[9] หลังมาถึงเงียบกุ๋น เรื่องการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางยังไม่ได้ข้อสรุป โจเป๋าจึงขายเหล็กในเงียบกุ๋นเพื่อเลี้ยงชีพ[10] เจ้า ยฺเหวียนหรู (趙元儒) หัวหน้าตลาด (市長 ชื่อจ่าง) ในเงียบกุ๋นมีชื่อเสียงในเรื่องการดูลักษณะบุคคล เมื่อเห็นโจเป๋าก็ชื่นชมเป็นอย่างมากแล้วผูกมิตรกับโจเป๋า[11] การรับราชการกับวุยก๊กในช่วงศักราชชิงหลง (青龍; ค.ศ. 233-237) ในรัชสมัยจักรพรรดิโจยอยแห่งรัฐวุยก๊ก โจเป๋ามาขายเหล็กที่เตียงอั๋น (長安 ฉางอาน) และได้พบกับสุมาอี้ สุมาอี้ชื่นชมโจเป๋าอย่างมากจึงตั้งโจเป๋าให้เป็นเจ้าพนักงานสำนักราชเลขาธิการ (尚書郎 ช่างชูหลาง)[12] ต่อมาโจเป๋าได้ดำรงตำแหน่งนายกองพัน (司馬 ซือหม่า) ในสังกัดของสุมาสูผู้เป็นผู้พิทักษ์ทัพกลาง (中護軍 จงฮู่จฺวิน) และบุตรชายคนโตของสุมาอี้[13] ต่อมาโจเป๋าได้ดำรงตำแหน่งขุนพลราชองครักษ์แห่งนิคมการเกษตร (典農中郎將 เตี่ยนหนงจงหลางเจี้ยง) ที่เงียบกุ๋น ในเวลานั้นอ๋อง (王 หวาง) ทุกพระองค์ในราชวงศ์ของวุยก๊กประทับอยู่ในเงียบกุ๋น และเตงปิดผู้เป็นราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู) เป็นผู้มีอำนาจมากโดยอาศัยการปกครองแบบเผด็จการของโจซอง แม้เวลานั้นเตงปิดและโจซองมีอำนาจมาก แต่โจเป๋าก็กล้าที่จะเขียนฎีการายงานราชสำนักเรื่องพฤติกรรมของทั้งสอง โจเป๋าจึงได้รับการยกย่องจากคนจำนวนมาก[14] ต่อมาโจเป๋าดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองตงไหล (東萊郡 ตงไหลจฺวิ้น) และเจ้าเมืองของเมืองลองเอี๋ยหรือลงเสีย (琅邪郡 หลางหยาจฺวิ้น) ตามลำดับ โจเป๋ามีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชมในทุกที่ที่ไปดำรงตำแหน่ง[15] ต่อมาย้ายไปเป็นข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลชีจิ๋ว[16] ในปี ค.ศ. 252 สุมาเจียวนำอ้าวจุ๋น จูกัดเอี๋ยน และคนอื่น ๆ เข้าโจมตีรัฐง่อก๊ก โจเป๋าได้ติดตามร่วมรบด้วย จูกัดเก๊กผู้เป็นราชครู (太傅 ไท่ฟู่) แห่งง่อก๊กนำทัพเข้าโจมตีทัพวุยก๊กและเอาชนะได้ในยุทธการที่ตังหิน กำลังทหารฝ่ายวุยก๊กแตกพ่าย ทหารถูกเหยียบย่ำหรือจมน้ำตายจำนวนมาก มีเพียงกองกำลังของโจเป๋าที่สามารถล่าถอยโดยไม่ได้รับความเสียหาย สุมาเจียวจึงชี้ไปที่ตราอาญาสิทธิ์ที่ตนถืออยู่แล้วพูดว่า "หวังว่าคงไม่ต้องมอบสิ่งนี้ให้ท่านเพื่อไปทำการใหญ่" ต่อมาไม่นานโจเป๋าได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลสำแดงยุทธ (奮武將軍 เฟิ่นอู่เจียงจฺวิน) ได้รับอาญาสิทธิ์ และได้รับหน้าที่ดูแลราชการทหารทั้งหมดในมณฑลเฉงจิ๋ว[17] ในปี ค.ศ. 257 จูกัดเอี๋ยนก่อกบฏในฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน; ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว นครลู่อาน มณฑลอานฮุย) โจเป๋าได้รับคำสั่งให้นำกำลังทหารจากมณฑลเฉงจิ๋วร่วมกับกำลังทหารของจิวท่ายและเฮาจิดเพื่อสกัดกั้นกำลังเสริมจากง่อก๊กนอกฉิวฉุนที่ยกมาสนับสนุนการก่อกบฏ ในไม่ช้าง่อก๊กก็ส่งขุนพลจูอี้ เตงฮอง และคนอื่น ๆ ยกพลมาสนับสนุนจูกัดเอี๋ยน จูอี้ให้กองลำเลียงเสบียงประจำอยู่ที่ตูลู่ (都陸) และนำกำลังพลหลักไปตั้งมั่นที่หลีเจียง (黎漿) โจเป๋านำพลเข้าโจมตีกองกำลังของจูอี้จนแตกพ่าย ในช่วงเวลาเดียวนั้น เฮาเหลก (胡烈 หู เลี่ย) เจ้าเมืองไทสัน (泰山 ไท่ชาน) นำทหารบุกเข้าเผาทำลายเสบียงอาหารของจูอี้ที่ตูลู่จนสิ้น จูอี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรวบรวมทหารที่เหลือล่าถอย ต่อมาซุนหลิมผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งง่อก๊กสั่งประหารชีวิตจูอี้ จูกัดเอี๋ยนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกพยายามตีฝ่าวงล้อมของทัพวุยก๊กแต่ไม่สำเร็จ และในที่สุดก็ถูกปราบปรามจนราบคาบในปีถัดมา ภายหลังการฟื้นฟูฉิวฉุน โจเป๋าได้เลื่อนยศเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันออก (鎮東將軍 เจิ้นตงเจียงจฺวิน) ได้รับบรรดาศักดิ์ตงกวางโหว (東光侯) และได้รับอาญาสิทธิ์[18] ในปี ค.ศ. 259 โจเป๋ารับหน้าที่ดูแลราชการทหารทั้งหมดในมณฑลยังจิ๋วแทนที่อองกี๋[19] ในปี ค.ศ. 260 เซียว เชิ่น (蕭慎) แม่ทัพเมืองจี๋หยาง (吉陽) ของรัฐง่อก๊กส่งหนังสือแสร้งยอมจำนนต่อโจเป๋า ขอให้โจเป๋ามาต้อนรับ แต่สุมาเจียวมองออกว่าเป็นกลลวง จึงให้โจเป๋าแสร้งทำเป็นต้อนรับและคอยจับตาระมัดระวังจากภายใน[20] ต่อมาโจเป๋าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมหาขุนพลโจมตีภาคตะวันออก (征東大將軍 เจิงตงต้าเจียงจฺวิน) และขุนพลม้าทะยาน (驃騎將軍 เพี่ยวฉีเจียงจฺวิน)[21] ในปี ค.ศ. 265 สุมาเจียวเสียชีวิต สุมาเอี๋ยนบุตรชายสืบทอดฐานันดรศักดิ์จีนอ๋อง (晉王 จิ้นหวาง) โจเป๋าและขุนพลตันเกี๋ยนทูลโจฮวนจักรพรรดิแห่งวุยก๊กหลายครั้งว่ารัฐวุยก๊กถึงคราวสิ้นสุดแล้ว โน้มน้าวพระองค์ให้คล้อยตามลิขิตฟ้าและสละราชบัลลังก์[22] การรับราชการกับราชวงศ์จิ้นในปี ค.ศ. 266 โจเป๋าเข้าร่วมในเหตุการณ์ที่สุมาเอี๋ยนบังคับโจฮวนจักรพรรดิแห่งวุยก๊กให้สละราชบัลลังก์ หลังสุมาเอี๋ยนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิและก่อตั้งราชวงศ์จิ้นตะวันตก โจเป๋าได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกลาโหม (大司馬 ต้าซือหม่า) และขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) ได้รับบรรดาศักดิ์เล่อหลิงจฺวิ้นกง (樂陵郡公)[23] ถูกสงสัยว่าจะก่อกบฏตั้งแต่การปราบกบฏจูกัดเอี๋ยนในปี ค.ศ. 258 โจเป๋าได้รับมอบหมายให้ดูแลภูมิภาคห้วยหนำ (淮南 หฺวายหนาน) ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งโจเป๋าปฏิบัติราชการอย่างขยันหมั่นเพียร และใช้คุณธรรมทำให้ผู้คนนับถือ แต่หวาง เชิน (王琛) ผู้ควบคุมทัพ (監軍 เจียนจวิน) ของภูมิภาคหฺวายเป่ย์ (淮北) ดูถูกชาติกำเนิดของโจเป๋าว่าต่ำต้อย[24] ในปี ค.ศ. 268 มีเพลงกล่อมเด็กในท้องถิ่นที่ร้องว่า "ม้า[d]ตัวใหญ่ในวังก็เหมือนลา ไม่อาจสบายภายใต้การกดทับของหิน[e]ก้อนใหญ่ได้" หวาง เชินจึงใช้เรื่องนี้ถวายฎีกาลับกล่าวหาว่าโจเป๋าทรยศราชวงศ์จิ้นและลอบติดตามกับง่อก๊ก หลังจากจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนได้รับฎีกาลับ และก่อนหน้านี้มีหมอดูที่สังเกตเมฆมาทูลคำทำนายว่า "ทางใต้จะมีทหารยกขึ้นมา" สุมาเอี๋ยนจึงรู้สึกไม่สบายพระทัยอย่างมาก[25] ในเวลานั้นซุนโฮจักรพรรดิแห่งง่อก๊กมีรับสั่งให้มหาขุนพลเตงงายและขุนพลจูกัดเจ้งยกทัพเข้าโจมตีหับป๋า (合肥 เหอเฝย์) เตงฮองเขียนจดหมายถึงโจเป๋าเพื่อจะส่งข่าวลวง เฮาเหลก (胡烈 หู เลี่ย) ข้าหลวงมณฑลเกงจิ๋วถวายรายงานแจ้งว่าง่อก๊กวางแผนจะบุกโจมตีครั้งใหญ่ โจเป๋าก็ได้ข่าวว่าง่อก๊กจะบุกโจมตี โจเป๋าจึงให้สร้างป้อมปราการกั้นแม่น้ำและเสริมการป้องกัน สุมาเอี๋ยนทรงทราบเรื่องที่โจเป๋าเสริมการป้องกันก็ยิ่งกังวล แม้ว่าเอียวเก๋าเชื่อมั่นว่าโจเป๋าไม่คิดวางแผนก่อกบฏ แต่สุมาเอี๋ยนก็ยังคงทรงรู้สึกไม่สบายพระทัย ประกอบกับเรื่องที่ฉือ เฉียว (石喬) บุตรชายของโจเป๋าถูกเรียกมาเข้าเฝ้าเป็นเวลาหลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่มา สุมาเอี๋ยนจึงทรงเชื่อว่าโจเป๋าคิดก่อกบฏและวางแผนจะลอบโจมตี จึงทรงออกพระราชโองการที่ระบุว่าโจเป๋าไม่คำนึงถึงสถานการณ์และทำให้ราษฎรเดือดร้อน จึงให้ปลดโจเป๋าจากตำแหน่ง พระองค์ยังทรงส่งสุมาปองผู้เป็นอ๋องแห่งงีหยง (義陽王 อี้หยางหวาง) และเสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) นำทัพใหญ่มุ่งไปโจมตีโจเป๋า และยังมีรับสั่งให้สุมาเตี้ยมผู้เป็นอ๋องแห่งลองเอี๋ย (琅邪王 หลางหยาหวาง) นำทหารจากแห้ฝือ (下邳 เซี่ยพี) ไปตั้งมั่นที่ฉิวฉุน ให้เตรียมใช้กำลังปราบปรามเมื่อโจเป๋าก่อกบฏขึ้น โจเป๋าทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจึงทำตามคำแนะนำของซุน ชั่ว (孫鑠) ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยการแยกออกมาจากกำลังทหารของตนและไปที่ตูถิง (都亭) เพื่อรอรับการลงโทษ สุมาเอี๋ยนจึงทรงไม่เตรียมการป้องกันการก่อกบฏของโจเป๋าอีก ภายหลังโจเป๋ากลับมาที่พระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าสุมาเอี๋ยนแล้วจึงกลับไปบ้าน จนถึงเวลานี้โจเป๋าไม่ได้โกรธสุมาเอี๋ยนที่ไม่ทรงไว้วางพระทัยตน แต่โจเป๋ากลับรู้สึกละอายใจที่ตนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ดีได้[26] หลังโจเป๋าถูกปลดจากตำแหน่ง กัว อี้ (郭廙) ถวายฎีการ้องเรียนเรื่องความอยุติธรรมที่โจเป๋าได้รับ โดยเห็นว่าราชสำนักควรเลื่อนตำแหน่งให้โจเป๋าเป็นเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู) สุมาเอี๋ยนทรงยอมรับคำร้องและแต่งตั้งให้โจเป๋าเป็นเสนาบดีมหาดไทย[27] โจเป๋ามีความจงรักภักดีและปฏิบัติราชการอย่างขยันหมั่นเพียร สุมาเอี๋ยนทรงไว้วางพระทัยโจเป๋าอย่างมาก[28] เสียชีวิตโจเป๋าเสียชีวิตในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 273[b] จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงให้จัดพิธีไว้ทุกข์ในท้องพระโรง พระราชทานเงิน ผ้าไหม และของใช้ในงานศพ พระองค์ยังให้นำโลงศพของโจเป๋าขึ้นรถม้าออกไปทางประตูเล็กด้านตะวันออกของพระราชวัง และพระราชทานสมัญญานามแก่โจเป๋าว่า "อู่กง" (武公)[29] ดูเพิ่มหมายเหตุ
อ้างอิง
บรรณานุกรม
|
Portal di Ensiklopedia Dunia