เจียวปั้น
เจียวปั้น[1][2] มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า เจี่ยง ปาน (จีน: 蔣班; พินอิน: Jiǎng Bān) เป็นนายทหารของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน ภายหลังเป็นขุนพลและขุนนางของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เจียวปั้นเคยเป็นนายทหารคนสนิทของจูกัดเอี๋ยน กบฏบู๊ขิวเขียมและบุนขิมในปี ค.ศ. 255 บู๊ขิวเขียมและบุนขิมขุนพลวุยก๊กก่อกบฏที่อำเภอฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน; ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว นครลู่อาน มณฑลอานฮุย) เพื่อต่อต้านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาสู ซุนจุ๋นมหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจฺวิน) แห่งง่อก๊กที่เป็นรัฐอริของวุยก๊กได้ข่าวเรื่องการก่อกบฏ จึงยกพลไปฉิวฉุนเพื่อสนับสนุนการก่อกบฏ พร้อมด้วยลิกี๋, เล่าเบา และขุนพลง่อก๊กคนอื่น ๆ แต่ยังไม่ทันที่จะยกพลไปถึง จูกัดเอี๋ยนขุนพลวุยก๊กก็เข้ายึดฉิวฉุนได้ก่อนแล้ว ซุนจุ๋นไม่สามารถเข้าโจมตีได้จึงล่าถอย จูกัดเอี๋ยนส่งเจียวปั้นให้นำทหารไล่ตามตี เจียวปั้นสังหารขุนพลเล่าเบาของง่อก๊กได้ที่กูเปย์ (菰陂)[3][4] กบฏจูกัดเอี๋ยนในปี ค.ศ. 257 สุมาเจียวผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งวุยก๊กออกพระราชโองในนามของราชสำนักให้จูกัดเอี๋ยนกลับมานครหลวงลกเอี๋ยงเพื่อให้มารับตำแหน่งเป็นเสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง) จูกัดเอี๋ยนได้รับราชโองการแล้วก็กลัวสุมาเจียวระแวงตน จูกัดเอี๋ยนจึงตัดสินใจก่อกบฏที่อำเภอฉิวฉุน ผู้ช่วยคนสนิทสองคนของจูกัดเอี๋ยนคือเจียวปั้นและเจียวอี้ (焦彝 เจียว อี๋) บอกกับจูกัดเอี่ยนว่า "จูอี้มาพร้อมทัพใหญ่แต่ไม่อาจทำการใดได้ ซุนหลิมประหารชีวิตจูอี้และกลับไปกังตั๋ง แท้จริงแล้วซุนหลิมกำลังจะสร้างแนวร่วมเมื่อส่งกำลังพลมาช่วยเรา การตัดสินใจของซุนหลิมที่จะถอยกลับไปแสดงให้เห็นว่าเขามีท่าทีจะรอและเฝ้าดู บัดนี้ในเมื่อทหารของเรายังมีขวัญกำลังใจสูงและกระหายที่จะออกรบ เราจึงควรมุ่งกำลังทั้งหมดไปที่การตีฝ่าวงล้อมไปทางด้านใดด้านหนึ่ง อย่างน้อยเราก็สามารถนำกำลังพลวางส่วนหลบหนีและเอาตัวรอดไปได้"[5] บุนขิมไม่เห็นด้วยและบอกจูกัดเอี๋ยนว่า "ทัพกังตั๋งเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการได้รับชัยชนะหลายครั้ง ข้าศึกของเราทางเหนือก็หยุดทัพกังตั๋งไม่ได้ ท่านควรนำทหารหมื่นกว่านายเข้าร่วมกับกังตั๋ง จวนตวน ตัวข้า และคนอื่น ๆ จากกังตั๋งก็ติดอยู่กับท่านที่นี่ ครอบครัวของเรายังคงอยู่ในกังตั๋ง แม้ว่าซุนหลิมไม่ต้องการช่วยพวกเรา ท่านคิดหรือว่าองค์จักรพรรดิและพระญาติวงศ์จะทอดทิ้งเรา ในอดีตมีเหตุที่ข้าศึกของเราประสบกับภัยโรคระบาดหลายครั้ง บัดนี้พวกเราติดอยู่ที่นี่มาเกือบปีแล้ว หากเราปลุกปั่นให้เกิดความรู้สึกแตกแยก ก็จะเกิดการก่อกำเริบภายในขึ้น เราควรยืนหยัดต่อไปและมีความหวังว่าความช่วยเหลือจะมาถึงในไม่ช้า"[6] บุนขิมโกรธมากเมื่อเจียวปั้นและเจียวอี้โน้มน้าวจูกัดเอี๋ยนหลายครั้งให้ปฏิบัติตามแผนของตน ด้านจูกัดเอี๋ยนก็รู้สึกรำคาญเจียวปั้นและเจียวอี้จึงขั้นต้องการจะประหารชีวิตทั้งคู่ เจียวปั้นและเจียวอี้กลัวพวกตนจะถูกสังหารและตระหนักว่าจูกัดเอี๋ยนมีชะตาต้องล้มเหลว ดังนั้นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 257 หรือมกราคม ค.ศ. 258 เจียวปั้นและเจียวอี้จึงหนีออกจากฉิวฉุนและยอมจำนนต่อสุมาเจียว[7][8] ยุทธการพิชิตง่อก๊กในปี ค.ศ. 279 สุมาเอี๋ยนจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้นตะวันตกมีรับสั่งให้ยกทัพครั้งใหญ่บุกง่อก๊ก ในปี ค.ศ. 280 เตี๋ยวเค้าอัครมหาเสนาบดีแห่งง่อก๊กตั้งทัพเพื่อเผชิญหน้ากับขุนพลราชวงศ์จิ้นอันได้แก่จาง ฮ่าน (張翰) ผู้พิทักษ์ทัพปราบง่อ (討吳護軍 เถ่าอู๋ฮู่จฺวิน) และโจว จฺวิ้น (周浚) ข้าหลวงมณฑลยังจิ๋ว (揚州刺史 หยางโจวชื่อฉื่อ) สิมเอ๋ง (沈瑩 เฉิ่น อิ๋ง) ขุนพลง่อก๊กนำทหารมากฝีมือแห่งเมืองตันเอี๋ยง (丹楊 ตานหยาง) 5,000 นายเรียกว่า "ทหารโพกผ้าเขียว" (青巾兵 ชิงจินปิง) เข้าบุกฝ่าแนวรบของทัพราชวงศ์จิ้น 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ทหารง่อก๊กที่เหลือเกิดความโกลาหลระหว่างล่าถอย เซฺว เชิ่ง (薛勝) และเจียวปั้นนายทหารฝ่ายราชวงศ์จิ้นถือโอกาสนี้เข้าโจมตีจนกระบวนทัพของง่อก๊กพังถูกตีแตกพ่ายกระจัดกระจาย[9][10] ดูเพิ่มอ้างอิง
บรรณานุกรม
|
Portal di Ensiklopedia Dunia