วุยก๊ก
วุยก๊ก[4][c] (ค.ศ. 220–266) ในภาษาจีนกลางเรียกว่า เว่ย์ (จีน: 魏[d]) เป็นหนึ่งในรัฐราชวงศ์ที่สำคัญของจีนในยุคสามก๊ก วุยก๊กก่อตั้งในปี ค.ศ. 220 โดยโจผี ก่อตั้งขึ้นจากรากฐานที่โจโฉบิดาของโจผีวางไว้ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น นครหลวงของวุยก๊กเริ่มต้นคือฮูโต๋[a]หรือสฺวี่ชาง (許昌) ภายหลังย้ายไปลกเอี๋ยง (洛陽 ลั่วหยาง) ชื่อ "วุย" หรือ "เว่ย์" เดิมมีความเกี่ยวข้องกับโจโฉเมื่อโจโฉได้รับการตั้งให้เป็นวุยก๋ง (魏公 เว่ย์กง) โดยราชสำนักของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในปี ค.ศ. 213 และกลายเป็นชื่อรัฐเมื่อโจผีสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิในปี ค.ศ. 220 นักประวัติศาสตร์มักเติมหน่วยคำอุปสรรคว่า "เฉา" (曹; หมายถึงชื่อสกุล "เฉา" หรือ "โจ") นำหน้าคำว่า "เว่ย์" เพื่อแยกความแตกต่างจากรัฐจีนอื่น ๆ ที่เรียกด้วยชื่อว่า "เว่ย์" อำนาจปกครองของตระกูลโจอ่อนแอลงอย่างมาก ภายหลังจากโจซอง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของโจฮองจักรพรรดิลำดับที่ 3 ของวุยก๊ก ถูกปลดและประหารชีวิต สุมาอี้ที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกคนค่อย ๆ รวบรวมอำนาจรัฐให้กับตนเองและเหล่าญาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 249 เป็นต้นมา โดยจักรพรรดิส่วนใหญ่ในช่วงปลายของวุยก๊กกลายเป็นผู้ปกครองหุ่นเชิดของตระกูลสุมา ในปี ค.ศ. 266 สุมาเอี๋ยนหลานชายของสุมาอี้บังคับจักรพรรดิโจฮวนให้สละราชบัลลังก์ สุมาเอี๋ยนสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิจิ้นอู่ตี้แห่งราชวงศ์จิ้นที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ ประวัติจุดเริ่มต้นและการสถาปนาในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ภาคเหนือของจีนอยู่ใต้การปกครองของโจโฉ อัครมหาเสนาบดีในพระเจ้าเหี้ยนเต้ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ฮั่น ในปี ค.ศ. 213 พระเจ้าเหี้ยนเต้สถาปนาโจโฉขึ้นเป็น "วุยก๋ง" (魏公 เว่ย์กง) และพระราชทานเมืองให้ปกครองสิบเมือง พื้นที่นี้ถูกเรียกว่า "วุย" (เว่ย์) ขณะนั้นภาคใต้ของจีนถูกแบ่งเป็นสองพื้นที่ที่ปกครองโดยอีกสองขุนศึกคือเล่าปี่และซุนกวน ในปี ค.ศ. 216 พระเจ้าเหี้ยนเต้เลื่อนโจโฉขึ้นเป็น "วุยอ๋อง" (魏王 เว่ย์หวาง) และมอบอาณาเขตให้ปกครองมากขึ้น โจโฉถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 220 โจผีขึ้นสืบทอดตำแหน่งวุยอ๋อง หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน โจผีบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้สละราชสมบัติ โจผีขึ้นครองราชย์แทนและสถาปนาวุยก๊ก (รัฐวุย) ขึ้น เล่าปี่ตอบโต้การอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ของโจผีทันทีโดยการสถาปนาตนเป็น "จักรพรรดิแห่งจ๊กก๊ก" ในปีถัดมา ซุนกวนดำรงตำแหน่งอ๋องภายใต้วุยก๊ก แต่ก็ได้ประกาศตนเป็นอิสระในปี ค.ศ. 222 และสถาปนาตนเป็น "จักรพรรดิแห่งง่อก๊ก" ในปี ค.ศ. 229 เพื่อแยกความแตกต่างของรัฐจากรัฐอื่น ๆ ในประวัติศาสร์จีนที่มีชื่อเดียวกัน นักประวัติศาสตร์ได้เพื่ออักขระที่เกี่ยวข้องกับชื่อเดิมของรัฐ: รัฐที่เรียกตัวเองว่า "เว่ย์"(魏) ยังเป็นที่รู้จักกันคือ "เฉา เว่ย์" (曹魏) รัชสมัยพระเจ้าโจผีและพระเจ้าโจยอยโจผีทรงปกครองมาเป็นเวลาหกปีจนกระทั่งสวรรคตในปี ค.ศ. 226 และถูกสืบราชสมบัติโดยราชโอรสของพระองค์ โจยอย ทรงปกครองจนกระทั่งทรงสวรรคตใน ค.ศ. 239 ตลอดรัชสมัยของโจผีและโจยอย วุยก๊กต้องต่อสู้รบในสงครามหลายครั้งกับสองรัฐที่เป็นคู่แข่งกันคือ จ๊กก๊กและง่อก๊ก ระหว่างปี ค.ศ. 228 และ ค.ศ. 234 จูกัดเหลียงผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีและผู้แทนพระองค์ของจ๊กก๊ก ได้นำชุดของการทัพทางทหารห้าครั้งเพื่อเข้าโจมตีชายแดนทางตะวันตกของวุยก๊ก (ภายในมณฑลกานซู่และฉ่านซีในปัจจุบัน) โดยมีเป้าหมายเพื่อพิชิตเตียงอั๋น เมืองยุทธศาสตร์ซึ่งอยู่บนถนนสู่นครลกเอี๋ยง เมืองหลวงของวุยก๊ก การบุกครองของจ๊กก๊กได้ถูกขับไล่โดยกองทัพวุยก๊กที่นำโดยแม่ทัพ โจจิ๋น สุมาอี้ เตียวคับ และอื่น ๆ จ๊กก๊กไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ อย่างมีนัยสำคัญในการทัพครั้งนี้เลย บนชายแดนทางใต้และตะวันออก วุยก๊กได้ต่อสู้รบกับง่อก๊กในชุดของความขัดแย้งทางอาวุธตลอดช่วงปี ค.ศ. 220 และ ค.ศ. 230 รวมทั้งยุทธการที่ต๋งเค้า (ค.ศ. 222-223) กังเหลง (ค.ศ. 223) และเซ็กเต๋ง (ค.ศ. 228) อย่างไรก็ตาม การสู้รบส่วนใหญ่ส่งผลก่อให้เกิดหนทางตันและทั้งสองฝ่ายไม่สามารถขยายอาณาเขตของตนได้มากนัก การบุกเลียวตั๋งของสุมาอี้ภายหลังจากบู๊ขิวเขียม ได้ล้มเหลวในการปราบปรามตระกูลกองซุนในเมืองเลียวตั๋ง ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 238 สุมาอี้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไท่เว่ย์( 太尉 หรือ มหาเสนา) เปิดฉากการบุกครองพร้อมกับทหารจำนวน 40,000 นาย ตามรับสั่งของจักรพรรดิโจยอยในการเข้าปะทะกับเลียวตั๋ง ซึ่งจุดที่แห่งนี้ได้ถูกหยั่งรากอย่างเหนียวแน่นภายใต้การควบคุมของตระกูลกองซุนมาเป็นเวลายาวนานถึงสี่ทศวรรษ ภายหลังจากการโอบล้อมเป็นเวลาสามเดือน โดยได้รับความช่วยเหลือจากอาณาจักรโคกูรยอ สุมาอี้สามารถเข้ายึดเมืองหลวงเซียงเป๋งได้ ส่งผลทำให้สามารถพิชิตจังหวัดภายในช่วงปลายเดือนกันยายนของปีเดียวกัน ศึกโคกูรยอ-วุยก๊กในช่วงเวลานั้น เมื่ออาณาจักรโคกูรยอรวบรวมอำนาจ ได้ดำเนินการพิชิตดินแดนบนคาบสมุทรเกาหลีซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของจีน โคกูรยอได้ริเริ่มสงครามโคกูรยอ-เว่ย์ ใน ค.ศ. 242 โดยพยายามตัดขาดเส้นทางในการเข้าถึงดินแดนเกาหลีของจีน โดยพยายามเข้ายึดป้อมปราการของจีน อย่างไรก็ตาม เว่ย์ได้ตอบโต้ด้วยบุกรุกและเอาชนะโคกูรยอ ฮวันโดได้ถูกทำลายจากการล้างแค้นโดยกองทัพเว่ย์ใน ค.ศ. 244 การบุกครองครั้งนี้ทำให้กษัตริย์หลบหนีไป และทำลายความสัมพันธ์แบบรัฐบรรณาการระหว่างโคกูรยอและชนเผ่าอื่น ๆ ของเกาหลีซึ่งก่อให้เกิดเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของโคกูรยอ แม้ว่ากษัตริย์จะหลบหนีจากการถูกจับกุมและไปตั้งรกรากในเมืองหลวงแห่งใหม่ในที่สุด โคกูรยอก็ได้ถูกลดความสำคัญลงจนเหลือเพียงครึ่งทศวรรษ หลังจากนั้นมาก็ไม่มีการเอ่ยถึงรัฐในตำราประวัติศาสตร์จีน การล่มสลายของวุยก๊กในปี ค.ศ. 249 ในรัชสมัยของทายาทผู้สืบทอดต่อจากโจยอยคือโจฮอง สุมาอี้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ยึดอำนาจควบคุมรัฐมาจากโจซอง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกคนนึงในการก่อรัฐประหาร เหตุการณ์นี้เป็นการบ่งบอกถึงการล่มสลายของอำนาจจักรพรรดิในวุยก๊ก เนื่องจากบทบาทของโจฮองถูดลดทอนลงเหลือเพียงผู้ปกครองหุ่นเชิด ในขณะที่สุมาอี้ควบคุมอำนาจรัฐอย่างมั่นคงไว้ในกำมือของเขา หวาง หลิง แม่ทัพแห่งวุยก๊ก ได้พยายามที่จะก่อกบฏต่อต้านสุมาอี้ แต่ถูกปราบปรามอย่างรวดเร็วและต้องปลิดชีพตนเอง สุมาอี้ได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 251 โดยส่งอำนาจต่อให้แก่สุมาสูบุตรชายคนโตของเขาในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ สุมาสูได้ปลดโจฮองออกจากราชบัลลังก์ใน ค.ศ. 254 ด้วยเหตุผลในการวางแผนก่อกบฏต่อต้านเขาและแต่งตั้งโจมอขึ้นมาเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แทน ในผลตอบสนอง บู๊ขิวเขียมและบุนขิมได้ร่วมมือกันก่อกบฏ แต่กลับถูกปราบปรามอย่างราบคาบโดยสุมาสู ด้วยเหตุการณ์นี้ยังได้ส่งผลอย่างมากต่อสุขภาพของสุมาสู ซึ่งได้รับการผ่าตัดที่ดวงตาช่วงก่อนการจลาจล ทำให้เขาต้องเสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 255 แต่ได้มีการส่งมอบอำนาจต่อและตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปให้กับสุมาเจียวน้องชายคนเล็กของเขา ในปี ค.ศ. 258 สุมาเจียวได้ปราบปรามการก่อกบฏของจูกัดเอี๋ยน เป็นการยุติสิ่งที่ถูกเรียกว่า กบฏสามครั้งในฉิวฉุน ใน ค.ศ. 260 โจมอได้พยายามจะยึดอำนาจควบคุมรัฐกลับคืนมาจากสุมาเจียวในการก่อรัฐประหาร แต่กลับถูกสังหารโดยเซงเจ แม่ทัพทหารนายกองซึ่งรับใช้อยู่ภายใต้กาอุ้นซึ่งเป็นผู้ติดตามของตระกูลสุมา ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของโจมอ โจฮวนได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิวุยก๊กองค์ที่ห้า อย่างไรก็ตาม โจฮวนก็ยังคงเป็นเพียงผู้ปกครองหุ่นเชิดภายใต้การควบคุมของสุมาเจียวเช่นเดียวกับจักรพรรดิองค์ก่อน ใน ค.ศ. 263 กองทัพวุยก๊กซึ่งนำโดยจงโฮยและเตงงายสามารถพิชิตจ๊กก๊กมาได้ ภายหลังจากนั้นจงโฮยและเกียงอุยอดีตแม่ทัพแห่งจ๊กก๊ก ได้ร่วมมือกันและวางแผนเพื่อขับไล่สุมาเจียวลงจากอำนาจ อย่างไรก็ตาม แม่ทัพทหารวุยก๊กหลายคนได้หันมาต่อต้านพวกเขา เมื่อพบว่าเกียงอุยยุแยงจงโฮยให้กำจัดแม่ทัพทหารเหล่านี้ก่อนที่จะเริ่มก่อรัฐประหารตามแผน สุมาเจียวเองได้รับและในที่สุดก็ยอมรับบรรดาศักดิ์เก้าขั้นและได้รับสถาปนาเป็น จิ้นก๋ง ใน ค.ศ. 264 และต่อมาได้รับพระราชทานยศตำแหน่งเป็น จิ้นอ๋อง โดยโจฮวนใน ค.ศ. 264 แต่เขาได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 265 โดยทิ้งไว้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายของการแย่งชิงอำนาจให้กับสุมาเอี๋ยนบุตรชายคนโตของเขา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 266 สุมาเอี๋ยน บุตรชายของสุมาเจียว ได้บีบบังคับให้โจฮวนสละราชบัลลังก์ และตัวเขาเองก็ขึ้นครองราชย์และสถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นมาแทนที่ราชวงศ์วุยก๊ก เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 266 ส่วนโจฮวนเองทรงรอดชีวิตและมีพระชนม์ชีพอยู่จนถึง ค.ศ. 302 ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ ราชสำนัก
วัฒนธรรมลายสือศิลป์แบบไข่ชูได้รับการพัฒนาในระหว่างช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและราชวงศ์วุยก๊ก ผู้เชี่ยวชาญลายสือศิลป์แบบไข่ชูที่เป็นที่รู้จักคือจงฮิว ขุนนางแห่งวุยก๊ก[8] รายชื่ออาณาเขต
รายพระนามกษัตริย์
พงศาวลีวุยก๊ก
หมายเหตุ
อ้างอิง
ดูเพิ่ม |
Portal di Ensiklopedia Dunia