จังหวัดระนอง
ระนอง เป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้ มีพื้นที่ประมาณ 3,298.045 ตารางกิโลเมตรมีพื้นที่ติดต่อทางตะวันออกติดต่อกับจังหวัดชุมพร ทางใต้ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดพังงา ทางตะวันตกติดกับประเทศพม่าและทะเลอันดามัน มีลักษณะพื้นที่เรียวและแคบ มีความยาวถึง 200 กิโลเมตร และมีความแคบในบริเวณอำเภอกระบุรี เพียง 9 กิโลเมตร ระนองเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเรืองอำนาจ เดิมเป็นหัวเมืองขนาดเล็กขึ้นกับเมืองชุมพร คำว่าระนองเพี้ยนมาจากคำว่า แร่นอง เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดมีแร่อยู่มากมาย ชื่อเรียกชื่อระนอง บ้างอธิบายหมายถึง "แร่เนืองนองคือท้องถิ่นมีแร่อุดมสมบูรณ์ จากแร่เนืองนอง" จึงกลายเสียงเป็นระนอง บ้างว่าอาจมาจากคนที่ชื่อ นายนอง เป็นผู้นำและเป็นหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงระนอง คำว่า "ระนอง" ยังมีเสียงใกล้เคียงภาษาอินโดนีเซียว่า "ระนาห์" (Ranah) หมายถึงทุ่งหญ้าหรือเทือกเขาที่ทอดยาว (Kamus Indonesia Inggris) ระนองอาจเป็นคำมลายู คือ "ระ" มาจากเสียงคำท้ายของกัวลา (Guala) แปลว่าปากน้ำ ส่วนคำว่า "นอง" หมายถึงชื่อของแม่น้ำนอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสั้น ๆ ไหลลงสู่ปากน้ำกระ ระนองจึงหมายถึงปากน้ำนองหรือปากแม่น้ำระนอง นอกจากนั้นยังสันนิษฐานว่าอาจเป็นคำยืมมาจากภาษาพม่าคำว่า "ระนัว" (Ranou) หมายถึงผู้ซึ่งอยู่ด้วยความหวัง[3] ประวัติเมืองระนองเคยเป็นชุมชนโบราณที่มีการติดต่อค้าขายกับอินเดียและจีน เป็นเส้นทางที่เดินลัดเทือกเขาตะนาวศรีจากต้นน้ำกระบุรีคือที่ปากจั่นไปยังต้นแม่น้ำชุมพร เป็นชุมชนโบราณอันดับสองรองจาก ชุมชนภูเขาทอง กำพวน กิ่งอำเภอสุขสำราญ ปรากฏคำว่า กระบุรี จารึกอยู่ที่ฐานพระพุทธรูปโบราณที่อำเภอไชยา และปรากฏหลักฐานบันทึกของจีนเรียกกระบุรี (อำเภอกระบุรีในปัจจุบัน) ว่าเกียโลหิ และครหิ (Ki - Lo - Hi - Karahi) จากหนังสือการค้าเมืองนานไฮ ระบุว่า เกียโลหิ ครหิ หรือกระบุรี เคยส่งทูตไปติดต่อค้าขายที่เมืองจีน เมื่อ พ.ศ. 1151 ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถกับสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ระหว่าง พ.ศ. 1991–2072 เมืองระนองมีลักษณะเป็นหัวเมืองขนาดเล็ก ขึ้นอยู่กับเมืองชุมพร ซึ่งเป็นหัวเมืองชั้นตรี นอกจากเมืองระนองแล้วยังมีเมืองตระ (อำเภอกระบุรี) เมืองระนองมีชื่อปรากฏอยู่ในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ว่าเป็นเมืองที่พม่ายกทัพผ่านเข้ามาเพื่อไปตีเมืองชุมพร เมืองระนองมีพลเมืองอยู่น้อย มีราษฎรจากเมืองชุมพรและเมืองหลังสวน อพยพเข้ามาขุดแร่ดีบุกไปขายมาแต่โบราณ ทางราชการได้ผ่อนผันให้ราษฎรส่งส่วยดีบุกแทนการรับราชการ โดยให้มีเจ้าอากรภาษีรับผูกขาดอากรดีบุก มีอำนาจที่จะซื้อและเก็บส่วยดีบุกแก่ทางราชการ ผู้รวบรวมและจัดส่งส่วยอากรแร่ดีบุกให้ทางราชการนั้น ราษฎรชาวเมืองได้ยกย่องให้ "นายนอง" ซึ่งเป็นผู้นำที่ดีและเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน นายนองมีความดีความชอบในภาระหน้าที่ดังกล่าว จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงระนอง" เจ้าเมืองคนแรก ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2387 มีคนจีนชื่อ คอซูเจียง ซึ่งต่อมาได้เป็นพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ได้เดินทางมาตั้งภูมิลำเนาอยูที่เมืองตะกั่วป่า ได้ยื่นเรื่องขอประมูลอากรดีบุกแขวงเมืองตระและระนองได้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองระนอง ในเวลาต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้ยกเมืองระนองและเมืองตระ ขึ้นเป็นหัวเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพและเลื่อนบรรดาศักดิ์พระรัตนเศรษฐี ขึ้นเป็น พระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนอง เมื่อ พ.ศ. 2405[4] สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองระนองได้โอนมาขึ้นกับมณฑลภูเก็ต[3] ภูมิประเทศสภาพภูมิประเทศของระนอง ประกอบด้วยภูเขาสูงในทางทิศตะวันออก และลาดลงสู่ทะเลอันดามันในทางทิศตะวันตก มีแม่น้ำและคลองสำคัญหลายสาย และมีภูเขาสูงสุดคือ ภูเขาพ่อตาโชงโดง แม่น้ำลำคลองที่สำคัญมีดังนี้
ภูมิอากาศจังหวัดระนองได้ชื่อว่าเป็นเมือง "ฝนแปด แดดสี่" นั่นคือมีฝนตก 8 เดือน และฝนแล้งเพียง 4 เดือน นับว่าเป็นจังหวัดที่ฝนตกชุกมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากอยู่ติดกับทะเลอันดามัน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อย่างมาก หน่วยการปกครองการปกครองแบ่งออกเป็น 5 อำเภอ 30 ตำบล 167 หมู่บ้าน
การปกครองส่วนท้องถิ่น
รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด
อุทยาน
บุคคลที่มีชื่อเสียง
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่นงานศึกษาที่เกี่ยวข้องเว็บไซต์
9°58′N 98°38′E / 9.97°N 98.63°E
|
Portal di Ensiklopedia Dunia