ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7
ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร−บ้านฉาง เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายแรกของประเทศไทย มีระยะทางยาว 149.300 กิโลเมตร ทางสายนี้เป็นโครงข่ายทางหลวงที่มีความสำคัญในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งกับพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก[1] แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่งในถนนสุขุมวิท และถนนเทพรัตน และเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ท่าอากาศยานสากลแห่งใหม่ คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถนนสายนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงเอเชียสาย 19 และทางหลวงเอเชียสาย 123 ในปัจจุบัน ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ได้ใช้การเก็บค่าผ่านทางระบบปิด โดยจะมีการเก็บค่าผ่านทางตามจำนวนกิโลเมตรที่ผู้ใช้ทางหลวงพิเศษ ปัจจุบันทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มีเส้นทางที่เก็บค่าผ่านทางตั้งแต่กรุงเทพมหานครไปถึงเพียงเมืองพัทยา ส่วนเส้นทางไปยังอำเภอบ้านฉาง (อู่ตะเภา) อยู่ในช่วงเปิดทดลองวิ่งโดยไม่เก็บค่าผ่านทาง นอกจากนี้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ในปัจจุบัน ยังถูกกำหนดในเส้นทางอื่นอีก ได้แก่ ทางแยกไปบรรจบถนนเทพรัตน, ทางแยกเข้าชลบุรี, ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าเมืองพัทยา รวมถึงทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (บ้านอำเภอ) รายละเอียดของเส้นทางเส้นทางหลักทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ในช่วงที่หนึ่ง ซึ่งเรียกถนนในช่วงแรกนี้ว่า ถนนกรุงเทพ–ชลบุรี หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ถนนกรุงเทพ–ชลบุรี สายใหม่ เป็นถนนขนาด 8 ช่องจราจร เริ่มต้นที่ปลายทางพิเศษศรีรัช ส่วน D และถนนพระราม 9 บริเวณจุดตัดกับถนนศรีนครินทร์ ที่ทางแยกต่างระดับศรีนครินทร์ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร มีแนวทางตัดไปทางทิศตะวันออก[2] ข้ามคลองบึงบ้านม้า เป็นเส้นแบ่งเขตการปกครองระหว่างเขตสะพานสูงกับเขตประเวศ ตัดกับทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษก) ที่ทางแยกต่างระดับทับช้าง ข้ามคลองแม่จันทร์เข้าสู่เขตลาดกระบัง ตัดกับถนนร่มเกล้าที่ทางแยกต่างระดับร่มเกล้า เบี่ยงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ข้ามทางรถไฟสายตะวันออก ก่อนเข้าสู่จังหวัดสมุทรปราการ ผ่านอำเภอบางเสาธง และอำเภอบางบ่อ แล้วผ่านอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ข้ามแม่น้ำบางปะกง จากนั้นเข้าสู่จังหวัดชลบุรี ผ่านอำเภอพานทอง เข้าสู่อำเภอเมืองชลบุรี และสิ้นสุดช่วงแรกที่ทางแยกต่างระดับคีรีนคร โดยมีเส้นทางตัดแยกออกไปยังเขตเทศบาลเมืองชลบุรี ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ในช่วงที่สอง ซึ่งเรียกถนนในช่วงนี้ว่า ถนนชลบุรี–พัทยา เข้าสู่อำเภอศรีราชา มีเส้นทางตัดแยกไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ที่ทางแยกต่างระดับหนองขาม โดยตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงบริเวณนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงเอเชียสาย 19 จากนั้นถนนมีช่องจราจรลดลงเหลือ 6 ช่อง (ปัจจุบันก่อสร้างขยายเป็น 8 ช่องจราจร เเล้วเสร็จ) และเข้าสู่อำเภอบางละมุง ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 ที่ทางแยกต่างระดับพัทยา (โป่ง) โดยตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ทางหลวงเอเชียสาย 123 และสิ้นสุดที่ทางแยกต่างระดับหนองปลาไหล ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ในช่วงที่สาม ซึ่งเรียกถนนในช่วงนี้ว่า ถนนพัทยา–มาบตาพุด เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ผ่านตำบลหนองปรือ แล้วจึงออกเขตเมืองพัทยาที่คลองหนองชมพู ผ่านตำบลห้วยใหญ่ และเข้าสู่อำเภอสัตหีบ ผ่านตำบลนาจอมเทียน และ ผ่านตำบลพลูตาหลวง จากนั้นเข้าสู่จังหวัดระยอง ผ่านอำเภอบ้านฉาง ไปสิ้นสุดที่ถนนสุขุมวิท ณ บริเวณทางแยกต่างระดับอู่ตะเภา บริเวณใกล้สะพานข้ามทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งจากนี้สามารถไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด นอกจากนี้ ยังมีการก่อสร้างทางบริการชุมชน มีลักษณะเป็นถนนคู่ขนานทั้งสองข้างของทางหลวงพิเศษในบางช่วง อยู่นอกเขตและไม่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษ สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับถนนอื่นที่ถูกตัดขาดออกจากกัน โดยได้รับการกำหนดเป็นทางหลวงแผ่นดิน[3] ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3701 และ 3702 ซึ่งเป็นทางบริการด้านซ้ายและด้านขวาของทางหลวงพิเศษตามลำดับ ทางเชื่อมต่อนอกจากสายหลัก ยังมีสายแยกที่เชื่อมต่อทางหลวงพิเศษสายหลักกับเมืองหรือเขตเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงเชื่อมต่อกับทางหลวงแผ่นดินที่มีแนวเส้นทางขนานกับทางหลวงพิเศษสายหลัก เช่น ถนนสุขุมวิท สายแยกดังกล่าวนี้ มีเส้นทางมุ่งสู่ชายทะเล และออกแบบเป็นทางหลวงพิเศษที่มีลักษณะกึ่งควบคุมการเข้า-ออก ทางเชื่อมต่อดังกล่าวมีดังนี้
ประวัติการก่อสร้างในช่วงแรกทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ในอดีตเคยถูกกำหนดหมายเลขสายทางเป็น "ทางหลวงพิเศษหมายเลข 36"[4] (ใช้เรียกรวมตลอดสายทางตั้งแต่กรุงเทพมหานคร (ลาดกระบัง) ไปจนถึงระยอง)[5][6] ถูกออกแบบและก่อสร้างเป็นทางหลวงพิเศษไม่มีทางเชื่อมควบคุมการเข้า-ออก เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ. 2534 ก่อสร้างแล้วเสร็จบางส่วนและเปิดการจราจรตลอดสายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2541[7] ก่อสร้างเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ต่อมา ได้มีการรวมแนวเส้นทางเก่าของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 (ถนนบายพาสสายชลบุรี พัทยา ระยอง) มาเป็นส่วนหนึ่งในช่วงชลบุรี–พัทยา[8] และก่อสร้างเพิ่มเติมจากเดิมสิ้นสุดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 เป็นสิ้นสุดที่ถนนสุขุมวิท บริเวณพัทยากลาง เปิดการจราจรเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นการเปิดการจราจรตลอดสาย ต่อมา กรมทางหลวงได้ขยายช่องจราจรหลักเพิ่มเติมบนถนนกรุงเทพฯ–ชลบุรี สายใหม่ ช่วงถนนศรีนครินทร์–ทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็น 8 ช่องจราจร ขยายเข้าหาศูนย์กลางบริเวณร่องน้ำ โครงการนี้มีแนวทางไปทางทิศตะวันออกมุ่งสู่ชลบุรี ลอดผ่านสะพานเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และทางเข้า-ออกสถานีขนส่งสินค้าร่มเกล้าผ่านข้ามทางรถไฟของสถานีขนส่งสินค้า ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว ด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางถาวรกรมทางหลวงได้มีการปรับปรุงทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ช่วงชลบุรี–พัทยาให้เป็นทางหลวงพิเศษควบคุมการเข้าออกเต็มรูปแบบ[9][10] ในช่วงสะพานข้ามทางรถไฟ–ทางแยกต่างระดับบางพระ หรือแยกวังตะโก มีเขตทาง 80 เมตร มีขนาด 4-8 ช่องจราจร วางช่องจราจรละ 3.60เมตร ไหลทางนอก 2.50-3.00 เมตร ไหลทางใน 1.00 เมตร ระยะทาง 4 กิโลเมตร จะมีการปรับปรุงเป็นทางรวมและกระจายการจราจร ปิดช่องกลับรถกลางถนน แล้วก่อสร้างจุดกลับรถในรูปแบบของทางลอด หรือสะพานกลับรถเกือกม้า มีจุดกลับรถ 1 จุด คือบริเวณสะพานข้ามทางรถไฟ นอกจากนี้ ยังมีปรับปรุงทางแยกต่างระดับคีรีนคร จากเดิมทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ช่วงกรุงเทพฯ–ชลบุรี สายใหม่ จะมาสิ้นสุดที่แยกนี้ จะเปลี่ยนแนวทางของสะพาน ให้สายทางแยกเข้าชลบุรีมาสิ้นสุดที่แยกนี้ และให้ถนนกรุงเทพฯ–ชลบุรี มีเส้นทางตรงลงพัทยาได้โดยไม่ต้องเลี้ยวซ้าย ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว รวมทั้งก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทาง 1 จุด ได้แก่ ด่านบางพระ บริเวณทางแยกต่างระดับบางพระ ช่วงทางแยกต่างระดับบางพระหรือแยกวังตะโก ถึงทางแยกต่างระดับหนองขาม มีเขตทาง 80 เมตร มีขนาด 8 ช่องจราจรวางช่องจราจรละ 3.60เมตร ไหลทางนอก 2.50-3.00 เมตร ไหลทางใน 1.00 เมตร และทางบริการ 2 ช่องจราจร ในบางส่วน ระยะทาง 21 กิโลเมตร และช่วงทางแยกต่างระดับหนองขาม–ทางแยกต่างระดับมาบประชัน มีเขตทาง 80 เมตร มีขนาด 8 ช่องจราจรวางช่องจราจรละ 3.60เมตร ไหลทางนอก 2.50-3.00 เมตร ไหลทางใน 1.00 เมตร และทางบริการขนาด 2-3 ช่องจราจร ในบางส่วน ระยะทาง 17 กิโลเมตร จะมีการปรับปรุงให้เป็นทางหลวงพิเศษที่ควบคุมการเข้า-ออก ก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทาง 2 จุด ได้แก่ ด่านหนองขาม และด่านพัทยา ในช่วงที่ 1 จะมีจุดกลับรถ 5 จุด และในช่วงที่ 2 จะมีจุดกลับรถ 9 จุด เป็นแบบทางลอดทั้งหมด มีรั้วกั้นระหว่างทางหลักกับทางบริการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ป้ายจราจร ไฟฟ้าส่องสว่าง มีสถานที่บริการทางหลวง 1 จุด บริเวณเทศบาลนครแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี กิโลเมตรที่ 98-99 และปรับปรุงทางแยกต่างระดับหนองขามให้มีทางเลี้ยวเพิ่มเติม[11] ในช่วงทางแยกต่างระดับหนองขาม–ทางแยกต่างระดับแหลมฉบัง มีเขตทาง 80 เมตร มีขนาด 8 ช่องจราจร วางช่องจราจรละ 3.60เมตร ไหลทางนอก 3.00 เมตร ไหลทางใน 1.00 เมตร และทางบริการหรือทางคู่ขนานบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3608-3611 2-3 ช่องจราจร ระยะทาง 8 กิโลเมตร โดยจะปรับปรุงให้เป็นทางรวมและกระจายการจราจรในลักษณะกึ่งควบคุม เพื่อแยกรถบรรทุกสินค้า และรถในท้องถิ่นออกจากกัน รวมทั้งจะกำหนดจุดเข้า-ออกทางสายหลักในตำแหน่งที่เหมาะสมอีกด้วย[12][13] ช่วงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณจุดบรรจบทางหลวงหมายเลข 3–ทางแยกต่างระดับมาบประชัน มีเขตทาง 70-170 เมตร มีขนาด 6 ช่องจราจร วางช่องจราจรละ 3.60เมตร ไหลทางนอก 2.50-3.00 เมตร ไหลทางใน 1.00 เมตร และทางบริการ 2 ช่องจราจร เฉพาะเชื่อมต่อการเดินทางท้องถิ่น ระยะทาง 6 กิโลเมตร มีจุดกลับรถ 1 จุด จะมีการก่อสร้างสะพานข้าม และทางลอดทางหลวงในบริเวณจุดตัดถนนเดิมสำหรับการสัญจรในท้องถิ่น เพื่อเน้นการให้บริการประชาชนในท้องถิ่น และก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทาง 1 จุด ได้แก่ ด่านพัทยา บริเวณถัดจากทางแยกต่างระดับมาบประชัน การก่อสร้างช่วงพัทยา–มาบตาพุดโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–บ้านฉาง ช่วงพัทยา –มาบตาพุด[14] เริ่มต้นจากถนนชลบุรี–พัทยา บริเวณกิโลเมตรที่ 124 เป็นแนวตรงจากทางแยกต่างระดับพัทยาไปยังสนามบินอู่ตะเภา นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และเทศบาลเมืองมาบตาพุด โดยมีเขตทาง 70 เมตร มีขนาด 4 ช่องจราจร ในช่วงที่มีการสร้างทางบริการจะมีเขตทาง 110 เมตร มีขนาด 6 ช่องจราจร และ 4 ช่องจราจรเมื่อพ้นสะพานข้ามถนนพรประภานิมิต จนถึงด่านเก็บค่าผ่านทางอู่ตะเภา และทางบริการ 2 ช่องจราจร ระยะทาง 32 กิโลเมตร และถนนรวมและกระจายการจราจร สายห้วยใหญ่–บ้านอำเภอจะมีเขตทาง 50 เมตร มีขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 7.856 กิโลเมตร ทางแยกต่างระดับของโครงการมีทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ ทางแยกต่างระดับมาบประชัน บริเวณจุดเริ่มต้น ทางแยกต่างระดับห้วยใหญ่ บริเวณแยกของถนนสายห้วยใหญ่–บ้านอำเภอ ทางแยกต่างระดับเขาชีโอน บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 และทางแยกต่างระดับอู่ตะเภา บริเวณจุดสิ้นสุด มีสถานที่บริการทางหลวง 1 จุด บริเวณตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตลอดเส้นทางมีด่านเก็บค่าผ่านทาง 3 จุด ได้แก่ ด่านห้วยใหญ่, ด่านเขาชีโอน และด่านอู่ตะเภา ตั้งอยู่บริเวณทางแยกต่างระดับทุกจุดของโครงการ มีด่านชั่งน้ำหนักสำหรับรถบรรทุก 3 จุด สำหรับการเชื่อมต่อชุมชนสองข้างทางจะออกแบบเป็นทางลอด ทางข้าม และสะพานข้ามถนนท้องถิ่นเช่นเดียวกับช่วงกรุงเทพฯ–ชลบุรี และชลบุรี–พัทยา ทางแยกที่สำคัญ
เขตการควบคุมทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 แบ่งเขตการควบคุมออกเป็น 11 ตอน ได้แก่
ที่พักริมทางเนื่องจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองแบบปิด คือมีการควบคุมการเข้าออกของสายทางแบบสมบูรณ์[15] ทำให้ไม่สามารถจอดแวะพักตามสถานบริการน้ำมันหรือร้านค้าต่าง ๆ ได้เหมือนทางหลวงแผ่นดินแบบปกติ ทำให้มีการกำหนดที่พักริมทางไว้ในระหว่างช่วงต่าง ๆ ของเส้นทาง หลายขนาดด้วยกันตามศักยภาพในการให้บริการ[15] ประกอบไปด้วย
จุดพักรถลาดกระบังจุดพักรถลาดกระบัง ถือเป็นที่พักริมทางขนาดเล็ก ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 21+700 ใกล้เคียงทางแยกต่างระดับลาดกระบังทั้ง 2 ทิศทาง ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน คือ ลานจอดรถ ห้องน้ำ และศาลาพักผ่อน[16] ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วและกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ คาดว่าให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2566[16] จุดพักรถลาดกระบัง มีเนื้อที่ที่พักริมทางดังนี้
สถานที่บริการทางหลวงบางปะกงแห่งใหม่สถานที่บริการทางหลวงบางปะกงแห่งใหม่ เป็นที่พักริมทางขนาดกลาง บริเวณกิโลเมตรที่ 47+000 ทางแยกต่างระดับบางปะกง บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ซึ่งภายในสถานที่บริการทางหลวงดังกล่าวจะประกอบด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบถ้วน ได้แก่ ที่จอดรถ ศาลาพักผ่อน ห้องน้ำบริการประชาชน ร้านอาหาร ร้านขายของ สถานีบริการน้ำมัน หน่วยกู้ภัย ศูนย์บริการ ระบบผ่านทางอัตโนมัติ และการบริการอื่น ๆ[17]
สถานที่บริการทางหลวงบางปะกงสถานที่บริการทางหลวงบางปะกง ถือเป็นที่พักริมทางขนาดกลาง ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 49+300 ใกล้เคียงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ตั้งอยู่ทั้ง 2 ทิศทางของทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว ประกอบไปด้วย ลานจอดรถ ห้องน้ำ ศาลาพักผ่อน สถานีบริการน้ำมัน หน่วยกู้ภัยทางหลวง ศูนย์บริการระบบผ่านทางอัตโนมัติ (M-Pass) และการบริการจัดการเชิงพาณิชย์ ประกอบไปด้วย ร้านค้าทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งของต่าง ๆ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างกรมทางหลวงและการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) สัญญาระเวลา 30 ปี (พ.ศ. 2541 - 2570)[17] หลังจากนั้นก่อนหมดสัญญา 5 ปี จะดำเนินการหาผู้เข้าจัดการพื้นที่ต่อไปตาม พรบ.การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562[17] สถานที่บริการทางหลวงบางปะกง มีเนื้อที่ที่พักริมทางดังนี้
จุดพักรถหนองรีจุดพักรถหนองรี ถือเป็นที่พักริมทางขนาดเล็ก ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 72+500 ใกล้เคียงทางแยกต่างระดับบ้านบึงทั้ง 2 ทิศทาง ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน คือ ลานจอดรถ ห้องน้ำ และศาลาพักผ่อน[18] ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วและกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ คาดว่าให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2566[18] จุดพักรถหนองรี มีเนื้อที่ที่พักริมทางดังนี้
ศูนย์บริการทางหลวงศรีราชาศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา มีชื่อโครงการว่า โครงการพัฒนาและบริหารจัดการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง ช่วงชลบุรี – พัทยา ถือเป็นที่พักริมทางขนาดใหญ่ที่อยู่ในขั้นตอนของโครงการพัฒนาและบริหารจัดการ ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 93+750 ระหว่างทางแยกต่างระดับบางพระ (คีรี) และทางแยกต่างระดับหนองขาม ประกอบไปด้วย ลานจอดรถ ห้องน้ำ ศาลาพักผ่อน สถานีบริการน้ำมัน หน่วยกู้ภัยทางหลวง ศูนย์บริการระบบผ่านทางอัตโนมัติ (M-Pass) และการบริการจัดการเชิงพาณิชย์ ประกอบไปด้วย ร้านค้าทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งของต่าง ๆ[19] ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนในการร่วมทุน โดยสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงปี พ.ศ. 2566 - 2568 มีแผนจะเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานในปี พ.ศ. 2567 และเปิดบริการพื้นที่พาณิชย์ในปี พ.ศ. 2568[19] สถานที่บริการทางหลวงศรีราชา มีเนื้อที่ที่พักริมทางดังนี้
จุดพักรถมาบประชันจุดพักรถมาบประชัน ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและออกแบบรายละเอียด และดำเนินการก่อสร้าง ถือเป็นที่พักริมทางขนาดเล็ก ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 119+200 ใกล้เคียงทางแยกต่างระดับมาบประชันทั้ง 2 ทิศทาง ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน คือ ลานจอดรถ ห้องน้ำ และศาลาพักผ่อน คาดว่าให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2566[20] จุดพักรถมาบประชัน มีเนื้อที่ที่พักริมทางดังนี้
สถานที่บริการทางหลวงบางละมุงสถานที่บริการทางหลวงบางละมุง มีชื่อโครงการว่า โครงการพัฒนาและบริหารจัดการสถานที่บริการทางหลวงบางละมุง บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร – บ้านฉาง ช่วงพัทยา – มาบตาพุด ถือเป็นที่พักริมทางขนาดกลางที่อยู่ในขั้นตอนของโครงการพัฒนาและบริหารจัดการ ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 137+800 ระหว่างทางแยกต่างระดับห้วยใหญ่ และทางแยกต่างระดับเขาชีโอน ประกอบไปด้วย ลานจอดรถ ห้องน้ำ ศาลาพักผ่อน สถานีบริการน้ำมัน หน่วยกู้ภัยทางหลวง ศูนย์บริการระบบผ่านทางอัตโนมัติ (M-Pass) และการบริการจัดการเชิงพาณิชย์ ประกอบไปด้วย ร้านค้าทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งของต่าง ๆ[21] ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนในการร่วมทุน โดยสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงปี พ.ศ. 2566 - 2568 มีแผนจะเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานในปี พ.ศ. 2567 และเปิดบริการพื้นที่พาณิชย์ในปี พ.ศ. 2568[21] สถานที่บริการทางหลวงศรีราชา มีเนื้อที่ที่พักริมทางดังนี้
ตารางอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทางนี่คืออัตราค่าผ่านทางของทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ใน 12 ด่าน. อัตราค่าผ่านทางเป็นสกุลเงินบาท (รถยนต์ 4 ล้อ/รถยนต์ 6 ล้อ/รถยนต์เกิน 6 ล้อ).[22] ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3701ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3701 คือทางหลวงที่เป็นถนนคู่ขนานของทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ตลอดแนวเส้นทาง แบ่งเขตการควบคุมออกเป็น 56 ตอน ได้แก่
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 |
Portal di Ensiklopedia Dunia