ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6
ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน–นครราชสีมา ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่กำลังก่อสร้างขนาด 4–6 ช่องจราจร เชื่อมต่อจากกรุงเทพมหานครไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เส้นทางเริ่มต้นจากอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปสิ้นสุดที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มก่อสร้างช่วงบางปะอิน–นครราชสีมาเป็นช่วงแรก เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559 มีระยะทางในช่วงนี้ประมาณ 196 กิโลเมตร ทางหลวงพิเศษสายนี้มีลักษณะเส้นทางขนานไปกับถนนพหลโยธินและถนนมิตรภาพ ส่วนกำหนดการเปิดใช้บริการทั้งโครงการใน พ.ศ. 2568 ประวัติทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 เป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายเส้นทางในแผนแม่บทระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2540 ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างเส้นทาง 3 สายต่อเนื่องกัน (ระยะทางตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2540) ได้แก่ สายบางปะอิน–นครราชสีมา, สายนครราชสีมา–ขอนแก่น และสายขอนแก่น–หนองคาย ทั้ง 3 เส้นทางนี้จะมีระยะทางรวมกัน 535 กิโลเมตร โดยทางหลวงพิเศษสายบางปะอิน–นครราชสีมา เป็นโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ที่เริ่มดำเนินการเป็นโครงการแรกซึ่งมี พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รายละเอียดของเส้นทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างเส้นทาง 3 สายต่อเนื่องกัน ได้แก่
บางปะอิน–นครราชสีมาทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ช่วงบางปะอิน-ปากช่อง เริ่มต้นจากปลายถนนกาญจนาภิเษก (ด้านตะวันออก) ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เบี่ยงออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ คู่ขนานไปกับถนนพหลโยธินทางฝั่งเหนือ ผ่านจุดตัดโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 สายบางปะอิน–นครสวรรค์ ผ่านพื้นที่อำเภอวังน้อย อำเภออุทัย และเข้าสู่จังหวัดสระบุรีที่อำเภอหนองแค ผ่านบ้านหินกองและเบนไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อย จากนั้นตัดถนนพหลโยธินแล้วใช้เขตทางและซ้อนทับไปกับทางเลี่ยงเมืองสระบุรีด้านตะวันออก ที่อำเภอเมืองสระบุรี ก่อนแยกออกจากแนวทางเลี่ยงเมือง ตรงไปผ่านบ้านห้วยแห้ง แล้วขนานกับถนนมิตรภาพทางฝั่งใต้ ผ่านอำเภอแก่งคอย ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3222 (แก่งคอย–บ้านนา) ผ่านบ้านโคกกรุง ผ่านด้านเหนือของวิทยาลัยเกษตรสงเคราะห์สระบุรี เข้าสู่เขตพื้นที่นิคมสร้างตนเองทับกวาง แล้วเข้าสู่เขตพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จากนั้นเข้าสู่เขตจังหวัดนครราชสีมา ตัดผ่านพื้นที่บ้านคั่นตะเคียน บ้านกลางดง ตัดผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2220 (ทางเข้าวัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม) ตัดผ่านบริเวณบ้านหนองน้ำแดง ผ่านพื้นที่เขตทหาร ไปสิ้นสุดเส้นทางบริเวณอำเภอปากช่อง รวมระยะทางประมาณ 109 กิโลเมตร เส้นทางช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ และอำเภอเมืองนครราชสีมา โดยแนวเส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนตัดใหม่และใช้แนวเส้นทางถนนมิตรภาพบางส่วน เริ่มจากจุดสิ้นสุดเส้นทางตอนที่ 1 ที่อำเภอปากช่อง โดยเส้นทางขนานไปกับถนนมิตรภาพและห่างออกมาทางทิศใต้ ประมาณ 2 กิโลเมตร ตัดบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 2 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) จนกระทั่งถึงกิโลเมตรที่ 115 แนวเส้นทางจะเลี้ยวเข้าขนานกับถนนมิตรภาพในรูปแบบถนนระดับดิน จากนั้นบริเวณก่อนถึงอ่างเก็บน้ำลำตะคองจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบทางยกระดับเหนือถนนมิตรภาพไปจนถึงหน้าเรือนจำคลองไผ่ จากนั้นจะเบี่ยงออกไปขนานกับถนนมิตรภาพฝั่งเหนือ และลดลงสู่ระดับดินบนแนวเส้นทางตัดใหม่ มุ่งหน้าสู่อำเภอสีคิ้ว ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอสูงเนินและอำเภอขามทะเลสอ ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2068 และ 2198 ไปสิ้นสุดเส้นทางบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 204 ในพื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 87 กิโลเมตร การเปิดทดลองใช้งานชั่วคราวเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมอบหมายให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และกรมทางหลวง พิจารณาการเปิดทดลองใช้งานชั่วคราว ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ในบางตอนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและตรวจรับงานแล้ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ได้แก่ เทศกาลปีใหม่, เทศกาลสงกรานต์ รวมถึงเทศกาลวันหยุดยาวอื่น ๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ณ ขณะนั้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น[2] โดยตอนที่สามารถเปิดให้ทดลองใช้งานชั่วคราวได้นั้น คือ ตอนที่ 24-37 ช่วงถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 65 บริเวณศูนย์พักพิงสุนัขชัยบุรินทร์ อ.ปากช่อง ถึงทางแยกต่างระดับสีคิ้ว (ทล.201) อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร โดยการใช้ช่องจราจรเดินรถในเส้นทางจะใช้ช่องจราจรฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ เพียงฝั่งเดียว เนื่องจากช่องจราจรฝั่งขาออกจะสงวนไว้สำหรับรถฉุกเฉินกรณีมีเหตุฉุกเฉินในเส้นทาง ในส่วนทิศทางการเดินรถในเส้นทาง จะแบ่งออกเป็นช่วงวันขาออกกรุงเทพฯ เปิดทดลองใช้งานทิศทางขาออก และช่วงวันขาเข้ากรุงเทพฯ เปิดทดลองใช้ทิศทางขาเข้า[3] หลังจากที่เปิดทดลองใช้งานชั่วคราวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 มีปริมาณรถเข้าใช้งานเส้นทางรวม 206,105 คัน สามารถแบ่งเบาภาระการจราจรของถนนมิตรภาพ ช่วง อ.ปากช่อง ถึง อ.สีคิ้ว ได้ประมาณ 20 - 30% โดยได้รับเสียงตอบรับจากผู้ทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565 ได้มีการขยายเส้นทางการทดลองใช้งาน จากเดิมถึง อ.สีคิ้ว (ทล.201) สิ้นสุดที่ อ.ขามทะเลสอ (ทล.2068)[4][5][6] ในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป กรมทางหลวงได้เปิดให้ทดลองวิ่งฟรี ช่วงปากช่อง - สีคิ้ว - ขามทะเลสอ - ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ระยะทาง 77 กิโลเมตร ไปจนกว่าด่านเก็บค่าผ่านทางจะแล้วเสร็จ โดยเปิดให้ทดลองวิ่งทั้ง 2 ทิศทาง[7][8][9][10][11][12][13] ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางตลอดเส้นทางเป็นระบบปิด (Close System) มีอาคารเก็บค่าผ่านทางทั้งหมด 9 แห่ง ได้แก่ ด่านบางปะอิน ด่านวังน้อย ด่านหินกอง ด่านสระบุรี ด่านแก่งคอย ด่านมวกเหล็ก ด่านปากช่อง ด่านสีคิ้ว และด่านขามทะเลสอ การจัดเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง โดยมีวิธีการจัดเก็บค่าผ่านทางดังนี้
โดยมีการปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านทางตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ทุก 7 ปี ค่าธรรมเนียมผ่านทางนี่คืออัตราค่าผ่านทางของทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ใน 8 ด่าน. อัตราค่าผ่านทางเป็นสกุลเงินบาท (รถยนต์ 4 ล้อ/รถยนต์ 6 ล้อ/รถยนต์เกิน 6 ล้อ).[14] รูปแบบการก่อสร้างใช้พื้นผิวคอนกรีต ขนาด 4-6 ช่องจราจร เขตทางทั่วไปกว้างประมาณ 70 เมตร (บริเวณที่มีการออกแบบทางบริการจะเพิ่มความกว้างเขตทางออกไปด้านละ 20 เมตร) มีความกว้างช่องจราจร 3.60 เมตร ความกว้างของไหล่ทางด้านใน 1.50 เมตร และความกว้างของไหล่ทางด้านนอก 3.00 เมตร
บริการการพัฒนาพื้นที่ริมทางโดยรัฐบาลจะเปิดการประกวดราคาเป็นรูปแบบ PPP Net Cost ระยะเวลา 30 ปี แบบมีเงื่อนไขโดยรัฐบาลจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นตามปริมาณการจราจรที่เข้าพักริมทางหลวง อย่างไรก็ตามการลงทุนและบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) ไม่ได้รวมอยู่ในการร่วมทุนในส่วนงานระบบดำเนินงานเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ริมทางมีรูปแบบดังนี้
ทางแยกที่สำคัญ
โครงการในอนาคตนครราชสีมา–ขอนแก่นกรมทางหลวงโดยสำนักแผนงาน ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ขณะนี้เส้นทางนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม คาดผลการศึกษาแล้วเสร็จภายใน พ.ศ. 2562 จากนั้นจะเสนอเข้า ครม.เพื่ออนุมัติการก่อสร้าง คาดนำเสนอเข้า ครม. ปี 2567 โดยแนวเส้นทางผ่านจังหวัดนครราชสีมา มหาสารคาม และขอนแก่น[15] ขอนแก่น–หนองคายปัจจุบันกรมทางหลวงโดยสำนักแผนงานยังไม่มีแผน เริ่มดำเนินการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม สายขอนแก่น-หนองคาย[16] โดยคาดว่าจะเริ่มศึกษาก็ต่อเมื่อสายนครราชสีมา-ขอนแก่นได้รับการอนุมัติโครงการจาก ครม. ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |
Portal di Ensiklopedia Dunia