อนุพงษ์ เผ่าจินดา
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา (เกิด 10 ตุลาคม พ.ศ. 2492)[1] ชื่อเล่น ป็อก เป็นทหารบกและนักการเมืองชาวไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ครม.61 และ ครม.62) อดีตผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้มีบทบาทในรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 และการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อปีพ.ศ. 2551 และถูกมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในการเมืองไทย โดยเป็นหนึ่งใน "3 ป." ประวัติอนุพงษ์ เผ่าจินดา เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เป็นบุตรชายของ พ.อ.พิเศษ ประเชาวน์ กับนางบุญเรือน เผ่าจินดา มีชื่อเล่นว่า ป็อก ต่อมาได้สมรสกับนางกุลยา เผ่าจินดา มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ
อนุพงษ์ เผ่าจินดา ชอบวงดนตรีคือเดอะบีทเทิลส์ ส่วนเครื่องดนตรีที่ชอบคือกลอง พล.อ. อนุพงษ์ มีน้องสาว 3 คน และน้องชายหนึ่งคน ได้แก่
การศึกษา
บทบาททางราชการและทางการเมืองเขาเป็นหนึ่งในทหารผู้ก่อการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 โดยขณะนั้น พล.ท. อนุพงษ์ (ยศในขณะนั้น) และเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ถูกมองว่าแม้จะเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 (ตท.10) เหมือน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพวก แต่กลับไม่เข้าร่วมหรือเห็นดีเห็นชอบด้วยกับการกระทำของกลุ่ม จึงถูกมองว่าเป็นฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ด้วยจนถูกเรียกว่าเป็น ตท.10/1 ในคืนเกิดเหตุรัฐประหาร พล.ท. อนุพงษ์ เป็นผู้ดำเนินการ เพราะกองทัพภาคที่ 1 มีขอบเขตหน้าที่ดูแลกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ๆ ในภาคกลางอยู่แล้ว โดยใช้แผน "ปฐพี 149" โดยวางกำลังเป็นจุด วางเป้าหมาย รวมถึงจัดกำลังจากหน่วยทหารต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และมีกองกำลังจากกองทัพภาคที่ 3 ของ พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นฝ่ายประสาน โดยผู้ที่คิดวางแผนให้ใช้ริบบิ้นเหลืองผูกปลายปืนก็คือ อนุพงษ์ เอง เพื่อเป็นการป้องกันกองกำลังของฝ่ายที่ต่อต้าน[ต้องการอ้างอิง] หลังจากเหตุการณ์ พล.ท. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข[2](คปค.)และเป็นผู้ช่วยเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ภายหลังเหตุการณ์ ได้เลื่อนยศเป็น พล.อ. ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หรือที่เรียกว่า 5 เสือ ทบ. พล.อ. อนุพงษ์ เป็นนายทหารที่อยู่ในสายงานคุมกำลังรบมาตั้งแต่เริ่มรับราชการใหม่ เคยเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์, เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ก่อนจะได้เลื่อนเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ. อนุพงษ์ ยังได้ศึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากหลักสูตรทางด้านการทหารและได้จบปริญญาตรีทางด้าน รัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และจบปริญญาโทจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 26 พล.อ. อนุพงษ์ ได้รับเลือกให้เป็น ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2550 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 พล.อ.อนุพงษ์ ได้รับตำแหน่งเป็น หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 2 กันยายน[3] - 14 กันยายน พ.ศ. 2551 และรับตำแหน่งผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 4 กันยายน[4] - 14 กันยายน พ.ศ. 2551 ในปี พ.ศ. 2552 เขาเป็นผู้ปฏิบัติงานในกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 98/2552 ในเหตุการณ์ ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย เมษายน พ.ศ. 2552[5] เขาเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2553[6] และเป็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการ คณะกรรมการในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เขาจึงเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ดำรงตำแหน่งนี้นานที่สุดของประเทศไทย เขาดำรงตำแหน่งดังกล่าว 5 เดือน 23 วัน และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ครองตำแหน่งยาวนานเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจาก จอมพล ประภาส จารุเสถียร ที่ครองตำแหน่งยาวนานกว่า 14 ปี 11 เดือน 3 สัปดาห์ หลังรัฐประหาร พ.ศ. 2557วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา[7] เขายังเป็นคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เขาออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 591/2557 แต่งตั้งคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย และในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เขาออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 604/2557 แต่งตั้งคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย สายสุรีย์ บุนนาค[8] ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เขาออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 633/2557 แต่งตั้งคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (สุธี มากบุญ) ประกอบด้วย[8] ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558 เขาออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 32/2558 แต่งตั้งคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย[8]
ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 เขาออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 163/2558 แต่งตั้งคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย ก.อ. ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย[8] ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559 ก.ญ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ลงนามในคำสั่งกองบัญชาการกองรักษาดินแดนที่ 57/2559 เรื่องจัดตั้งส่วนราชการในกองบัญชาการกองรักษาดินแดน จัดตั้ง กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559[9] โดยเปลี่ยนชื่อจาก กองร้อยบังคับการและบริการส่วนหน้าจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อควบคุมความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยโดยมี ก.ต. ปารเมศ เห้งสวัสดิ์ เป็น ผู้บังคับกองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 คนแรก ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนแรกที่ได้เป็น ประธานกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายพรบ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 หลังเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. 2565 เขาระบุว่ามาตรการเพิ่มความปลอดภัยของศูนย์เด็กเล็กทำได้ยาก พร้อมกับถามนักข่าวกลับว่าจะให้ครูพกปืนหรือไม่[10] และชี้ว่าอย่ามองเฉพาะประเด็นเรื่องอาวุธปืน แต่ให้มองที่ประเด็นสุขภาพจิตของผู้ก่อเหตุ โดยระบุว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องของจิตใจภายใน คนที่ก่อเหตุเช่นนี้ เป็นคนที่มีจิตใจภายใน ข้างในที่ผิดปกติ ซึ่งก็ต้องหามาตรการที่จะควบคุมให้ได้ ที่สำคัญลองคิดดูว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ใช้อาวุธปืนอย่างเดียว แต่มีการใช้มีดด้วย แล้วอย่างนี้จะต้องให้เราห้ามใช้มีดด้วยหรือ อย่าลืมว่าครั้งนี้เขาใช้มีดทำร้ายเด็ก ถ้าเรามองผลที่เกิดขึ้นในขณะนี้มันไม่ใช่ไปดูเรื่องปืนเพียงอย่างเดียว จะต้องดูว่าทำไมคนถึงมีจิตใจข้างในอย่างนี้ได้ สังคมเราจะต้องทำให้ไม่มีคนเป็นแบบนี้ เพราะเขาไม่รู้จักความมีเมตตาปราณี ไม่รู้ในเรื่องจิตใจของคน ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์จะไปทำร้ายใคร ผมคิดว่าน่าจะเป็นพื้นฐานในตัวของผู้ที่ก่อเหตุ"[11] เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
ต่างประเทศ
วัฒนธรรมสมัยนิยม
ดูเพิ่มอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia