ประชาชนต่อแถวรอออกเสียงเลือกตั้ง
การเลือกตั้งในประเทศไทย เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ในการปกครองประเทศไทยทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น ในระดับชาติมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และอาจรวมถึงสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ในรัฐธรรมนูญบางฉบับ ปัจจุบันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนโดยใช้ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดและระบบบัญชีรายชื่อ แต่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไม่มีระบุในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือ พ.ศ. 2560 โดยใช้ระบบการเลือกกันเองใน 3 ระดับแทน ส่วนตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นนั้น ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยา นายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และสภา
กฎหมายที่กำหนดการเลือกตั้งในประเทศไทย มีทั้งรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชกฤษฎีกาและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในอดีตการจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะเปลี่ยนให้มาเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2538[1]
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
การเลือกตั้ง จัดขึ้นภายใต้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป (universal suffrage) ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่บางประการ
- มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด หรือแปลงสัญชาติเป็นไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง
ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ ต้องไม่เป็นพระสงฆ์ สามเณร นักพรตหรือนักบวช, ต้องไม่อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง, ต้องไม่ถูกคุมขังด้วยหมายของศาลหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย, ต้องไม่เป็นคนสติฟั่นเฟือน[2]
การเลือกตั้งทั่วไป
ระบบการเลือกตั้ง
| บทความนี้จำเป็นต้องปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน โปรดปรับปรุงบทความให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด |
จำนวนเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด (สำหรับการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2557) มีจำนวนเขตเลือกตั้งดังต่อไปนี้ (ข้อมูล ณ สิ้นปี พ.ศ. 2556) [3] [4]
ในระบบบัญชีรายชื่อ จะมีการคัดเลือกด้วยขั้นตอนดังนี้[5]
- ให้แต่ละพรรค ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครจำนวนไม่เกิน 150 คน
- บัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องประกอบด้วยรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม และต้องคำนึงถึงโอกาส สัดส่วนที่เหมาะสมและความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย
- รายชื่อในบัญชีต้องไม่ซ้ำกับบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองอื่นจัดทำขึ้น และไม่ซ้ำกับรายชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
- จัดทำรายชื่อเรียงตามลำดับหมายเลข (จาก 1 ลงไป)
- หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ให้นับคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองรวมกันทั้งประเทศ แล้วหารด้วย 125 จะได้คะแนนเฉลี่ยต่อผู้แทน 1 คน
- นำคะแนนของแต่ละพรรคการเมือง หารด้วยคะแนนเฉลี่ยที่คำนวณไว้ จะได้จำนวนผู้แทนระบบบัญชีรายชื่อของพรรคนั้น
- เศษทศนิยม ให้ปัดทิ้งทั้งหมด แต่ให้เก็บข้อมูลเศษทศนิยมของแต่ละพรรคไว้ (เช่น พรรค ก ได้ 52.7 คน ปัดทิ้งเหลือ 52)
- รวมจำนวนผู้แทนของทุกพรรค หากยังได้ไม่ครบ 125 ให้กลับไปดูที่เศษทศนิยมของแต่ละพรรค พรรคใดที่มีเศษเหลือมากที่สุด ให้เพิ่มจำนวนผู้แทนจากพรรคนั้น 1 คน หากยังไม่ครบ ให้เพิ่มผู้แทนจากพรรคที่มีเศษเหลือมากเป็นอันดับสองขึ้นอีก 1 คน ทำเช่นนี้ตามลำดับจนกว่าจะได้ครบ 125 คน (เช่น พรรค ก ได้ 52.7 คน ตอนแรกได้ 52 เศษ 0.7 แต่ถ้าจำนวนผู้แทนยังไม่ครบ และไม่มีพรรคใดมีเศษมากกว่า 0.7 พรรค ก จะได้เพิ่มเป็น 53 คน)
- เมื่อได้จำนวนผู้แทนในระบบนี้ที่ลงตัวแล้ว ผู้สมัครของพรรคนั้น จากอันดับหนึ่ง ไปจนถึงอันดับเดียวกับจำนวนผู้แทนของพรรคนั้น จะได้เป็นผู้แทนราษฎร (เช่น พรรค ก ได้ 53 คน ผู้ที่มีรายชื่อตั้งแต่อันดับ 1 ถึง 53 จะได้เป็นผู้แทน)
ระบบแบ่งเขต
เกณฑ์การแบ่งเขตเลือกตั้ง 375 เขตนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ได้ประกาศให้มีหลักเกณฑ์ในการแบ่ง ดังต่อไปนี้[6]
- นำจำนวนราษฎรทั้งประเทศ จากทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีก่อนการเลือกตั้ง หารด้วยจำนวนผู้แทนในระบบเขต (คือ 375) จะได้อัตราส่วนของราษฎรต่อผู้แทน 1 คน
- นำจำนวนราษฎรในแต่ละจังหวัด หารด้วยอัตราส่วนที่คำนวณไว้ จะได้จำนวนเขตเลือกตั้งที่มีในจังหวัด
- จังหวัดที่ผลหารต่ำกว่า 1 เขต (เช่น 0.86 เขต) ให้ปัดขึ้นเป็น 1 เขต (ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่มีจังหวัดใดเข้าข่ายกรณีนี้)
- จังหวัดที่ผลหารมากกว่า 1 และมีเศษทศนิยม ให้ปัดเศษทิ้งทั้งหมด แต่ให้เก็บข้อมูลของเศษทศนิยมไว้ (เช่น 4.93 ปัดทิ้งเหลือ 4)
- รวมจำนวนผู้แทนของทั้ง 77 จังหวัด หากยังไม่ครบ 375 เขต ให้เพิ่มจำนวนเขตในจังหวัดที่มีเศษทศนิยมเหลือมากที่สุดขึ้นไป 1 เขต หากยังไม่ครบอีก ให้เพิ่มจำนวนเขตในจังหวัดที่มีเศษทศนิยมเหลือเป็นอันดับสองขึ้นไปอีก 1 เขต ทำเช่นนี้ไปตามลำดับ จนกว่าจะได้จำนวนครบ 375
- จังหวัดใดมีจำนวนเขตมากกว่า 1 เขต จะต้องแบ่งเขตโดยให้พื้นที่ของแต่ละเขตติดต่อกัน และแต่ละเขตต้องมีจำนวนราษฎรที่ใกล้เคียงกันด้วย (หลังจากการเลือกตั้ง ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงที่สุดในแต่ละเขต จะได้เป็นผู้แทน)
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตั้ง
|
รูปแบบ
|
จำนวน ส.ส. ที่เลือกตั้ง
|
จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
|
ผู้มาใช้สิทธิ
|
พรรคที่ชนะ
|
จำนวน
|
ร้อยละ
|
พรรค
|
ที่นั่ง
|
คะแนน
|
ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2476)
|
ทางอ้อม
|
78 จาก 156
|
4,278,231
|
1,773,532
|
41.45
|
|
ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค
|
|
|
ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2480)
|
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด
|
91 จาก 182
|
6,123,239
|
2,462,535
|
40.22
|
|
ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค
|
|
|
ครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2481)
|
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด
|
91 จาก 182
|
6,310,172
|
2,210,332
|
35.05
|
|
ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค
|
|
|
ครั้งที่ 4 (มกราคม พ.ศ. 2489)
|
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด
|
96 จาก 192
|
6,431,827
|
2,091,827
|
32.52
|
|
ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค
|
|
|
เพิ่มเติม (สิงหาคม พ.ศ. 2489)
|
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด
|
82 จาก 186
|
5,819,662
|
2,026,823
|
34.92
|
|
แนวรัฐธรรมนูญ
|
57
|
|
ครั้งที่ 5 (พ.ศ. 2491)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด)
|
99 จาก 186
|
7,176,891
|
2,177,464
|
29.50
|
|
ประชาธิปัตย์
|
53
|
|
เพิ่มเติม (พ.ศ. 2492)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด)
|
21 จาก 207
|
3,518,276
|
870,208
|
24.27
|
|
ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค
|
|
|
ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2495)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด)
|
123 จาก 246
|
7,602,591
|
2,961,191
|
38.95
|
|
ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค
|
|
|
ครั้งที่ 7 (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด)
|
160 จาก 283
|
9,859,039
|
5,668,666
|
57.50
|
|
เสรีมนังคศิลา
|
86
|
|
ครั้งที่ 8 (ธันวาคม พ.ศ. 2500)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด)
|
160 จาก 281
|
9,917,417
|
4,370,789
|
44.07
|
|
สหภูมิ
|
44
|
|
ครั้งที่ 9 (พ.ศ. 2512)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด)
|
219
|
14,820,400
|
7,289,837
|
49.16
|
|
สหประชาไทย
|
75
|
|
ครั้งที่ 10 (พ.ศ. 2518)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
269
|
20,243,791
|
9,549,924
|
47.17
|
|
ประชาธิปัตย์
|
72
|
17.23%
|
ครั้งที่ 11 (พ.ศ. 2519)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
279
|
20,623,430
|
9,072,629
|
43.69
|
|
ประชาธิปัตย์
|
114
|
25.31%
|
ครั้งที่ 12 (พ.ศ. 2522)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
301
|
21,283,790
|
9,344,045
|
43.90
|
|
กิจสังคม (ฝ่ายค้าน)
|
88
|
21.26%
|
ครั้งที่ 13 (พ.ศ. 2526)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
324
|
24,224,470
|
12,295,339
|
50.76
|
|
ชาติไทย (ฝ่ายค้าน)
|
110
|
23.8%
|
ครั้งที่ 14 (พ.ศ. 2529)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
347
|
26,224,470
|
16,670,957
|
61.43
|
|
ประชาธิปัตย์
|
100
|
22.52%
|
ครั้งที่ 15 (พ.ศ. 2531)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
357
|
26,658,638
|
16,944,931
|
63.56
|
|
ชาติไทย
|
87
|
19.29%
|
ครั้งที่ 16 (มีนาคม พ.ศ. 2535)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
360
|
31,660,156
|
19,622,322
|
59.24
|
|
สามัคคีธรรม
|
79
|
19.27%
|
ครั้งที่ 17 (กันยายน พ.ศ. 2535)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
360
|
31,660,156
|
19,622,322
|
61.59
|
|
ประชาธิปัตย์
|
79
|
21.02%
|
ครั้งที่ 18 (พ.ศ. 2538)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
391
|
37,817,983
|
23,462,748
|
62.04
|
|
ชาติไทย
|
92
|
22.83%
|
ครั้งที่ 19 (พ.ศ. 2539)
|
แบ่งเขตหลายเบอร์
|
395
|
38,564,836
|
24,040,836
|
62.42
|
|
ความหวังใหม่
|
125
|
29.14%
|
ครั้งที่ 20 (พ.ศ. 2544)
|
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ)
|
500 (400+100)
|
42,759,001
|
29,909,271
|
69.95
|
|
ไทยรักไทย
|
248
|
39.91%
|
ครั้งที่ 21 (พ.ศ. 2548)
|
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ)
|
500 (400+100)
|
44,572,101
|
32,341,330
|
72.56
|
|
ไทยรักไทย
|
377
|
60.48%
|
ครั้งที่ 22 (พ.ศ. 2549)
|
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ)
|
500 (400+100)
|
44,778,628
|
29,088,209
|
64.77
|
|
ไทยรักไทย
|
461
|
59.91%
|
การเลือกตั้งเป็นโมฆะ[a]
|
ครั้งที่ 23 (พ.ศ. 2550)
|
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตหลายเบอร์+สัดส่วน)
|
480 (400+80)
|
44,002,593
|
32,792,246
|
74.52
|
|
พลังประชาชน
|
233
|
38.61%
|
ครั้งที่ 24 (พ.ศ. 2554)
|
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ)
|
500 (375+125)
|
46,939,549
|
35,220,208
|
75.03
|
|
เพื่อไทย
|
265
|
47.03%
|
ครั้งที่ 25 (พ.ศ. 2557)
|
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ)
|
500 (375+125)
|
43,024,042
|
20,531,073
|
47.72
|
การเลือกตั้งเป็นโมฆะ[b]
|
ครั้งที่ 26 (พ.ศ. 2562)
|
ระบบเสียงเดียวผสม (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ)
|
500 (350+150)
|
51,239,638
|
38,268,375
|
74.69
|
|
เพื่อไทย (ฝ่ายค้าน)
|
136
|
21.92%
|
ครั้งที่ 27 (พ.ศ. 2566)
|
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ)
|
500 (400+100)
|
52,287,045
|
39,293,867
|
75.22
|
|
ก้าวไกล (ฝ่ายค้าน)
|
151
|
36.54%
|
ที่มา: คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ, ect.go.th
|
การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
ในรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2560 ความส่วนหนึ่งคือจะมีคณะสรรหาคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา 250 คนและจะต้องผ่านการลงมติเห็นชอบจากทางสภาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจะมีเสียงในสภาโดยมีวาระ 5 ปี
ครั้งที่ |
วันที่ |
วิธีการเลือกตั้ง |
จำนวน ผู้สมัคร |
จำนวน ส.ว. |
ผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง |
ผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง |
ร้อยละ |
จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิมากที่สุด |
ร้อยละ |
จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิน้อยที่สุด |
ร้อยละ |
หมายเหตุ
|
1 |
4 มีนาคม พ.ศ. 2543 |
แบ่งเขต |
- |
200 |
|
|
|
|
|
|
|
|
2 |
19 เมษายน พ.ศ. 2549 |
แบ่งเขต |
1,477 |
200 |
|
|
|
|
|
|
|
|
3 |
2 มีนาคม พ.ศ. 2551 |
รวมเขต |
505 |
76 |
44,911,254 |
24,981,247 |
55.62 |
ลำพูน |
79.58 |
กรุงเทพมหานคร |
40.05 |
|
4 |
30 มีนาคม พ.ศ. 2557 |
รวมเขต |
471 |
77 |
48,786,842 |
20,873,688 |
42.79 |
ลำพูน |
68.39 |
ชลบุรี |
24.99 |
|
การเลือกตั้งท้องถิ่น
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
การเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา
การเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การลงประชามติ
ในประเทศไทยมีการลงประชามติแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2550 และ การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2559 เพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างในช่วงคณะรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง
หมายเหตุ
- ↑ การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เนื่องจากตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 ว่าพรรคไทยรักไทยได้ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง
- ↑ การเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557 เนื่องจากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งในวันเดียวกันได้ทั่วราชอาณาจักร จากกรณีปิดล้อมหน่วยเลือกตั้งในหลายพื้นที่โดยกลุ่ม กปปส.
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ "ความเป็นมา". สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอ่างทอง. สืบค้นเมื่อ 14 May 2022.
- ↑ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เก็บถาวร 2013-05-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. คณะกรรมการการเลือกตั้ง. สืบค้น 6-7-2554.
- ↑ เดลินิวส์. "กกต.ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละจังหวัดแล้ว" [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] 2556. 21 ธันวาคม 2556.
- ↑ ทำความรู้จัก375เขต. เดลินิวส์. (13 พฤษภาคม 2554). สืบค้น 16-5-2554.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2011-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘, ตอน ๑๓ก, ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔, หน้า ๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2011-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘, ตอน ๑๓ก, ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔, หน้า ๑
|
---|
ลำดับเหตุการณ์กราฟิก พ.ศ. 2475–2516 |
---|
|
| ลำดับเหตุการณ์กราฟิก พ.ศ. 2516–2544 |
---|
|
| ลำดับเหตุการณ์กราฟิก พ.ศ. 2544–ปัจจุบัน |
---|
ลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเมืองไทย พ.ศ. 2544–ปัจจุบัน แถวแรก: = รัฐประหาร (คลิกเพื่อดูบทความ), การเลือกตั้งทั่วไป (คลิกเพื่อดูบทความ); แถวสอง: รายชื่อนายกรัฐมนตรี; แถวสาม: รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่)
นายกรัฐมนตรีจากรัฐประหาร |
| |
---|
| | ตัวเอียง หมายถึง ฉบับชั่วคราว |
|
| | เหตุการณ์สำคัญทางการเมือง |
---|
|
|
|
---|
แบบเลือกตั้ง | |
---|
แบบเลือก | |
---|
แบบสรรหา | |
---|
|
---|
การเมือง | ระบอบการปกครอง | |
---|
อุดมการณ์ | |
---|
อื่น ๆ | |
---|
| |
---|
ศิลปะ-วัฒธรรม | |
---|
สถานที่ และสิ่งปลูกสร้าง | อนุสาวรีย์ | |
---|
ผังเมือง | |
---|
การศึกษา-กีฬา | |
---|
ศูนย์ราชการ | |
---|
การทหาร | |
---|
สาธารณสุข | |
---|
คมนาคม | |
---|
ศาสนสถาน | |
---|
เศรษฐกิจ | |
---|
|
---|
อื่น ๆ | |
---|
- (✗) = ไม่ปรากฏแล้ว, ถูกรื้อถอน, สูญหาย, ยกเลิก
- (∇) = เปลี่ยนชื่อ, เปลี่ยนแปลงความหมาย
|
|