เวทีทอง

เวทีทอง
เป็นที่รู้จักกันในชื่อ
  • เวทีทอง
  • เวทีทอง เนเวอร์ดาย
  • เวทีทอง เมจิก
  • เวทีทอง ซิกส์ทีน
  • เวทีทอง เวทีเธอ
ประเภทเกมโชว์
พิธีกรดูในบทความ
ประเทศแหล่งกำเนิดประเทศไทย
ภาษาต้นฉบับภาษาไทย
จำนวนฤดูกาล10
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิต
สถานที่ถ่ายทำ
ความยาวตอน60 นาที
บริษัทผู้ผลิตเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
ออกอากาศ
เครือข่าย
ออกอากาศดูในบทความ

เวทีทอง เป็นรายการเกมโชว์และรายการโทรทัศน์รายการแรกของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2532 ทางช่อง 7 และย้ายไปออกอากาศทางช่อง 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2541 และย้ายไปออกอากาศทางช่อง 5 เมื่อวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2542 จนกระทั่งออกอากาศครั้งสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 โดยได้นำรายการ ตู้ซ่อนเงิน ขึ้นมาแทน

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2559 ได้กลับมาออกอากาศอีกครั้งทางช่องเวิร์คพอยท์[1][2] ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ" ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 13:00 - 14:00 น.[3] ก่อนเปลี่ยนชื่อรายการกลับมาเป็น "เวทีทอง" อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ช่องเวิร์คพอยท์ได้นำรายการใหม่คือรายการ Game Room ห้องชนเกม มาออกอากาศตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 จนถึงวันที่ 29 มกราคม 2566 จึงได้นำละครซิทคอมใหม่เรื่อง เจ๊ไฝยอดนักสืบ มาออกอากาศแทน

ประวัติ

รายการเวทีทองออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2532 โดยรูปแบบรายการเวทีทองในยุคแรก (14 ตุลาคม 2532 - 25 สิงหาคม 2533) เป็นการเปิดโอกาสให้นักแสดงอาชีพ,ดารา,ผู้เข้าแข่งขันทางบ้านที่มีความสามารถมาแสดงอะไรก็ได้บนเวที หต่อมาในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 ได้ปรับรูปแบบรายการเป็นรายการเกมโชว์เกี่ยวกับภาษาซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 3 คน โดยได้เปลี่ยนพิธีกรจาก ปัญญา นิรันดร์กุล เป็น ซูโม่เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม และผู้เข้าแข่งขันกลุ่มแรกในยุคเกมโชว์ได้แก่ ดิเรก อมาตยกุล , มยุรา ธนะบุตร และ จุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก ซึ่งรายการมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการอยู่หลายครั้ง[ต้องการอ้างอิง] โดยมีการเปลี่ยนชื่อรายการด้วย ดังนี้

ชื่อ ช่วงปี ระยะเวลาของชื่อรายการ ออกอากาศ หมายเหตุ
เวทีทอง 14 ตุลาคม 2532 - 28 พฤษภาคม 2537 4 ปี 7 เดือน 14 วัน ช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2545 ได้เปลี่ยนชื่อรายการกลับมาเป็น "เวทีทอง" จนถึงปี 2547
และใช้อีกครั้งตั้งแต่ปี 2548 - ปี 2550 และกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกครั้งตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปี 2565
4 พฤษภาคม 2545 - 31 มกราคม 2547 2 ปี 8 เดือน 27 วัน ช่อง 5
20 สิงหาคม 2548 - 13 มกราคม 2550 1 ปี 4 เดือน 24 วัน
1 กันยายน 2562 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 2 ปี 5 เดือน 12 วัน ช่องเวิร์คพอยท์
เวทีทอง เนเวอร์ดาย (NEVER DIE) 4 มิถุนายน 2537 - 30 พฤษภาคม 2541 ช่อง 7
ช่อง 3
เวทีทอง เมจิก (MAGIC) 6 มิถุนายน 2541 - 27 เมษายน 2545
ช่อง 5
เวทีทอง ซิกส์ทีน (16TH) 7 กุมภาพันธ์ 2547 - 13 สิงหาคม 2548 1 ปี 6 เดือน 6 วัน
เวทีทอง เวทีเธอ 10 มกราคม 2559 - 25 สิงหาคม 2562 3 ปี 7 เดือน 15 วัน ช่องเวิร์คพอยท์ รายการ "เวทีทอง" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ" หลังจากที่ห่างหายไปถึง 8 ปี 11 เดือน 28 วัน

ภายหลังจากยุคเวทีทองในยุคที่ กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ และ หม่ำ จ๊กมก-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา เป็นพิธีกรผ่านพ้นไปแล้ว เวทีทองในยุค แอนดี้ เขมพิมุก และ DJภูมิ-ภูมิใจ ตั้งสง่า นั้น กระแสความนิยมเริ่มลดลง แม้ว่าในช่วงซิกซ์ทีนจะยังคงได้รับความนิยมอยู่ก็ตาม ทั้งนี้ ด้วยองค์ประกอบหลายๆ ด้าน ตลอดจนกระแสของรายการเกมโชว์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมส่งผลทำให้รายการเวทีทอง ได้รับผลกระทบอย่างมาก[4] โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกย้ายเวลามาอยู่ในวันเสาร์ เวลา 22.00 น.[ต้องการอ้างอิง]

ในปี 2559 ช่องเวิร์คพอยท์ได้ผลิตรายการใหม่เพิ่มอีกหลายรายการ รวมทั้งการนำรายการเวทีทองกลับมาทำใหม่ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ"[2] ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2559 โดยมีพิธีกรคู่ใหม่ คือ เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ แจ๊ส ชวนชื่น-ผดุง ทรงแสง[5] ก่อนที่จะเปลี่ยนพิธีกรอีกครั้งจากเสนาหอยเป็น อุล-ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2562 และเปลี่ยนชื่อรายการกลับมาเป็น "เวทีทอง" อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565

ผู้ดำเนินรายการ

ชื่อ ชื่อในวงการ ช่วงปี ระยะเวลาที่เป็นพิธีกร หมายเหตุ
ปัญญา นิรันดร์กุล 14 ตุลาคม 2532 - 24 กุมภาพันธ์ 2533 4 เดือน 10 วัน
วัชระ ปานเอี่ยม ซูโม่เจี๊ยบ 3 มีนาคม 2533 - 25 เมษายน 2535 1 ปี 1 เดือน
เสกสรรค์ ชัยเจริญ หนุ่มเสก 16 พฤษภาคม - 12 กันยายน 2535 3 เดือน 27 วัน เป็นพิธีกรที่อยู่ได้สั้นที่สุด
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หนุ่มหม่ำ 16 พฤษภาคม 2535 - 31 มกราคม 2547 11 ปี 8 เดือน 15 วัน (ช่วงแรกใช้ชื่อว่า หนุ่มหม่ำ เพื่อให้คล้องจองกับ หนุ่มเสก) เป็นพิธีกรที่อยู่ได้นานที่สุดคู่กับซูโม่กิ๊ก

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2547 และวันที่ 16 ธันวาคม 2561 หม่ำ จ๊กมก ได้กลับเข้ามาในรายการเวทีทองอีกครั้งในฐานะผู้เข้าแข่งขันในยุคซิกซ์ทีนและยุคเวทีทอง เวทีเธอ

หม่ำ จ๊กมก
เกียรติ กิจเจริญ ซูโม่กิ๊ก 19 กันยายน 2535 - 31 มกราคม 2547 11 ปี 4 เดือน 11 วัน เป็นพิธีกรที่อยู่ได้นานที่สุดคู่กับหม่ำ ในช่วงที่ซูโม่กิ๊กรับหน้าที่เป็นพิธีกร เขายังรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของรายการด้วย
แอนดี้ เขมพิมุก แอนดี้ DRAGON FIVE 7 กุมภาพันธ์ 2547 - 13 มกราคม 2550 2 ปี 11 เดือน 6 วัน
ภูมิใจ ตั้งสง่า DJ ภูมิ
เกียรติศักดิ์ อุดมนาค เสนาหอย 10 มกราคม 2559 - 30 มิถุนายน 2562 3 ปี 5 เดือน 20 วัน
ผดุง ทรงแสง แจ๊ส ชวนชื่น 10 มกราคม 2559 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 6 ปี 1 เดือน 3 วัน
ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา อุล หกฉาก 14 กรกฎาคม 2562 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 2 ปี 7 เดือน 6 วัน

รูปแบบรายการ

รายการเวทีทองจะแบ่งเป็น 3 ช่วงหลัก ๆ โดยจะเปลี่ยนแปลงตามรูปแบบของรายการและปีที่ออกอากาศ ดังนี้

ชื่อช่วง ช่วงปี หมายเหตุ
ช่วงที่ 1
โชว์ความสามารถ 2532 - 2533
สกัดดาวรุ่ง 2533 - 2535
ภาพปริศนา (ปริศนาจ๊กมก) 2536 - 2550
2559 - 2565
ช่วงที่ 2
โชว์ความสามารถ ช่วงที่ 2 2532 - 2533
หาดาวทอง (คำปริศนา) 2533 - 2545
พาดหัวข่าว 2545 - 2547
คำปริศนา 2547 - 2550
2559 - 2565
ข้อความปริศนา
รอบตกรอบ (หาดาวเทียม) 2533 - 2535
กล่องทองคำ (1 บาท / 5 บาท) 2535 - 2539
เปิดแผ่นป้ายสะสมทอง 2539 - 2550
ช่วงที่ 3 (รอบ JACKPOT,BONUS)
ช่วงชิงชนะเลิศ 2532 - 2533
ชั่งทอง 2533 - 2545
2562 - 2565
เปิดแผ่นป้ายชิงทอง 2545 - 2550
กล่องทองคำปริศนา (ชิงทอง) 2559 - 2562

กติกา

ยุคซูโม่เจี๊ยบ (2533 - 2535) / หนุ่มเสก-หนุ่มหม่ำ (2535)

สกัดดาวรุ่ง

กติกา คือ ทางรายการจะมีคำปริศนา 2 คำ โดยจะมาในรูปแบบ VTR มาให้ผู้เข้าแข่งขันได้ดูเพื่อจับใจความถึงคำๆ นั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องกดปุ่มให้ไฟติด โดยจะมี 3 ปุ่ม แต่ละปุ่มจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน (หน้า/ล่าง/หลัง) และปุ่มของแต่ละโพเดียมจะมีสัญลักษณ์ต่างกัน (สามเหลี่ยม/วงกลม/สี่เหลี่ยม) หากไฟติดที่ใคร คนนั้นจะมีสิทธิ์ตอบก่อน ต่อมาเป็นปุ่มเหยียบในช่อง สี่เหลี่ยม 25 ปุ่ม หากตอบถูกจะได้ผ่านเข้ารอบไปก่อน หากไม่มั่นใจก็สามารถโยนสิทธิ์ให้ผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นได้ แต่ถ้าหากตอบผิด คะแนนจะติด –1 หากตอบผิดครบ 4 ครั้ง คะแนนจะกลายเป็น -4 (ต่อมาลดเหลือ 3 ครั้ง คะแนนจะกลายเป็น -3) หรือ ทำคะแนนได้น้อยกว่าผู้เข้าแข่งขัน 2 คนที่เหลือ ผู้เข้าแข่งขันท่านนั้นจะตกรอบทันที หลังจากนั้นทางรายการจะมีคำใบ้มาให้ผู้เข้าแข่งขันเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคนที่ตอบถูก แต่ในบางสัปดาห์ก็จะมีผู้เข้าแข่งขันจากทางบ้านมาร่วมแข่งขันกับดารารับเชิญ

หาดาวทอง (คำปริศนา)

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่น CD 4 แผ่น แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ามาก่อนมีสิทธิ์เลือกแผ่น CD [ต่อมาในเวทีทอง ยุคที่ 3 เปลี่ยนจาก CD เป็นพีรมิตข้อมูล] และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 45 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นความหมายหรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำๆ นี้ หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" พิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ และพออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด หลังจากตอบคำปริศนาครบทั้ง 2 ชุด ผู้แข่งขันคนใดทำคะแนนได้มากกว่า จะกลายเป็นดาวทองหรือแชมป์ประจำสัปดาห์ทันที หากผู้แข่งขันทำคะแนนเสมอกัน จะต้องตอบคำถามชุดพิเศษ หากผู้แข่งขันคนใดได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นดาวทอง แต่หากเสมอกันอีกก็ต้องแข่งกันจนกว่าจะมีผู้ชนะ ในช่วงปี 2535 หากผู้เข้าแข่งขันทำคะแนน 30 คะแนนได้รับทอง 1 บาท

ชั่งทอง

ก่อนจะเข้าไปเล่นเกมชั่งทอง ผู้แข่งขันที่เป็นดาวทองจะได้รับเหรียญดาวทองในการรักษาตำแหน่ง และดาวทองยังมีสิทธิ์กลับมารักษาตำแหน่งดาวทองจนกว่าจะมีดาวทองคนใหม่ หากผู้เข้าแข่งขันดาวทองสามารถรักษาตำแหน่งทุก 3 สมัย จะได้รับตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น จากสายการบิน ANA ออล นิปปอน แอร์เวย์ ในส่วนของแผ่นป้ายนั้น มีแผ่นป้ายทั้งหมด 10 แผ่นป้าย โดยแต่ละแผ่นป้ายจะมีสิ่งของที่มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยเลือกมา 1 แผ่นป้าย เปิดเจออะไรจะได้ของชิ้นนั้น และนำไปแปรสภาพเป็นทองคำหนัก 1 กิโลกรัม ต่อมาเปลี่ยนแผ่นป้ายเป็น 5 ครั้ง 8 แผ่นป้าย ที่เหลือเป็นเลข 4 และเลข 6 โดยเลือกมา1ป้าย ถ้าเจอเลข 4 ผิดได้ 1 ครั้ง ถ้าเจอเลข 5 ผิดได้ 2 ครั้ง ถ้าเจอเลข 6 ผิดได้ 3 ครั้ง หากสามารถหยิบของที่มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัมขึ้นไป ครบทั้ง 3 ชิ้น จากทั้งหมด 15 ชิ้น โดยกำหนดการชั่งไว้ที่ 5 ครั้ง สามารถผิดได้ 2 ครั้ง หากหยิบของนำมาชั่งผิดเป็นครั้งที่ 3 เกมจะยุติลงทันที ต่อมาได้เป็นผิดเกินจำนวนครั้งที่กำหนดจากป้าย ในส่วนของตาชั่งนั้น จะกำหนดเขตไว้ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นสีทองคือเขตของน้ำหนัก 1 กิโลกรัมขึ้นไป และส่วนที่เป็นสีเทาคือเขตของน้ำหนักที่มีน้อยกว่า 1 กิโลกรัม

ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นการทายจำนวนน้ำหนัก โดยก่อนเล่นมี ป้าย ทั้งหมด 10 ป้าย เป็นเลข 5 อยู่ 8 ป้าย 4และ6 อย่างละป้าย โดยเลือกมา 1 ป้าย ถ้าเจอเลข 4 ผิดได้ 1 ครั้ง เลข 5 ผิดได้ 2 ครั้ง เลข 6 ผิดได้ 3 ครั้ง ก่อนจะทายน้ำหนักผู้เข้าขันต้องยกน้ำหนักสิ่งของ 30 วินาที พอยกเสร็จผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกของแล้วทายจำนวนน้ำหนัก หากทายให้น้ำหนักอยู่ในขีดทอง ครบ 3 ครั้ง ได้รับทองคำ 1 กก. ผิดเกินจำนวนครั้งที่กำหนด เกมจะยุติลง

ยุคกิ๊ก-หม่ำ (2535 - 2547)

ในยุคที่เปลี่ยนแปลงพิธีกรจาก หนุ่มเสก-เสกสรร ชัยเจริญ มาเป็น ซูโม่กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ รายการเวทีทองได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบและกติกาใหม่ตามปีที่ออกอากาศ ดังนี้

สกัดดาวรุ่ง (2535)

กติกา คือ ทางรายการจะมีคำปริศนา 2 คำ โดยจะมาในรูปแบบ VTR มาให้ผู้เข้าแข่งขันได้ดูเพื่อจับใจความถึงคำๆ นั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเหยียบปุ่มให้ไฟติด โดยจะมี 25 ปุ่มในช่องสี่เหลี่ยมคล้าย dancing pad หากไฟติดที่ใคร คนนั้นจะมีสิทธิ์ตอบก่อน หากตอบถูกจะได้ผ่านเข้ารอบไปก่อน หากไม่มั่นใจก็สามารถโยนสิทธิ์ให้ผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นได้ แต่ถ้าหากตอบผิด คะแนนจะติด –1 หากตอบผิดครบ 3 ครั้ง คะแนนจะกลายเป็น -3 หรือ ทำคะแนได้น้อยกว่า 2 คนที่เหลือ ผู้เข้าแข่งขันท่านนั้นจะตกรอบทันที หลังจากนั้นทางรายการจะมีคำใบ้มาให้ผู้เข้าแข่งขันเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคนที่ตอบถูก แต่ในบางสัปดาห์ก็จะมีผู้เข้าแข่งขันจากทางบ้านมาร่วมแข่งขันกับดารารับเชิญ

ปริศนาจ๊กมก (2536 - 2547)

ทางรายการจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 5 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น ซึ่งแต่ละภาพจะเป็นผลงานของทีมงานที่ทำขึ้นมาเองหรือจะเป็นผลงานจากทางบ้านก็ได้ โดยหม่ำ จ๊กมก จะเป็นผู้ที่คัดเลือกภาพผลงานของทางบ้านมา ในแต่ละสัปดาห์หากภาพผลงานของใครได้รับออกอากาศจะได้ของรางวัลจากทางรายการ (ในปี 2536 ยังเป็นภาพผลงานที่คิดขึ้นเองจากทีมงาน) และซูโม่กิ๊กจะเป็นผู้อธิบายภาพ คอยให้คำใบ้ไปคร่าว ๆ และบอกว่าภาพนี้มีกี่พยางค์ ผู้แข่งขันจะต้องเหยียบปุ่มไฟที่พื้น 25 ปุ่ม ต่อมาลดเหลือ 16 ปุ่ม หากไฟติดที่ใคระมีสิทธิตอบก่อน และต้องตอบออกมาภายในเวลา 7 วินาที หากคำตองยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ หากยังตอบไม่ได้อีก พิธีกรจะใบ้เพิ่มและหากผู้เข้าแข่งขันตอบได้ 2 คะแนนก่อนจะได้เข้ารอบ สำหรับผู้ที่ตกรอบจะได้รับทองคำหนัก 1 บาทจากทางรายการ

คำปริศนา (2535 - 2545)

กติกา คือ ทางรายการจะมีพีรมิดข้อมูล 4 ชุด แบ่งเป็นคู่ละ 2 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน [ในช่วงปี 2536 - 2541 (เวทีทอง ยุคที่ 3 สมัยกิ๊ก-หม่ำและยุค NEVER DIE) เปลี่ยนจากพีรมิตข้อมูลมาเป็นแผ่นดิสก์ และเปลี่ยนจากแผ่นดิสก์เป็นแผ่น CD ตั้งแต่ปี 2541 (เวทีทอง MAGIC)และในช่วงปี40 มี4ชุด แบ่งเป็นคู่ละ 2 ชุด ชุดละ 8 คำ ชุดที่1,2จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน ชุดที่3,4 จะมีคะแนนชุดละ 4 คะแนน] ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบมาก่อนจะมีสิทธิ์เลือกชุดคำปริศนา ส่วนคนที่มีคะแนนน้อยกว่าหลังจากเล่นชุด1,2 มีสิทธิ์เลือกชุดคำปริศนา(ในช่วงปี2540ก่อนเล่นใครมีคะแนนน้อยจากรอบทายตัวอักษรมีสิทธิ์ได้เล่นก่อน)และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 45 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นความหมายหรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำๆ นี้ หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด หลังจากตอบคำปริศนาครบทั้ง 2 ชุด ผู้แข่งขันคนใดทำคะแนนได้มากกว่า จะกลายเป็นผู้ชนะทันที (ในปี 2535 ผู้ชนะจะได้รับเหรียญดาวก่อนชั่งทอง) หากผู้แข่งขันทำคะแนนเสมอกัน จะต้องตอบคำถามชุดสำรองอีกคนละ 1 ชุด หากผู้แข่งขันคนใดได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ โดยทั้ง 2 รอบ หากผู้แข่งขันคนใดสามารถทำคะแนนได้ครบ 30 คะแนน จะได้รับทองคำหนัก 1 บาท จะได้ทองคำพิเศษหนัก 1 บาท (2537 ช่วงที่โทรทัศน์สี DISTAR เป็นผู้สนับสนุนมอบรางวัล รางวัลพิเศษที่ได้ไป คือ โทรทัศน์สีขนาด 14 นิ้ว 1 เครื่องและในช่วงปี40จะเป็น96คะแนนหรือมากกว่า 96 คะแนนโดยจะสะสมคะแนนจากรอบทายตัวอักษร)

ทายตัวอักษร (2540)

กติกา คือ โดยก่อนที่จะเล่นจะต้องเลือกแผ่นป้ายจากผู้สนับสนุน 10 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายจะมีเวลากำหนดไว้ 3 เวลา คือ 30 วินาที , 60 วินาที อย่างละ 1 แผ่นป้าย และ 45 วินาที 8 แผ่นป้าย โดยเลือกมารอบละ 1 แผ่นป้าย ได้เวลาเท่าไหร่จะเป็นเวลากำหนดในการอ่านประโยคปริศนา และในส่วนของชุดประโยคนั้นจะมีทั้งหมด 4 ชุด แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 1 วรรคต่อ 1 แผ่น รวมทั้งหมด 10 แผ่น โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน โดยแต่ละวรรคตอน ตัวอักษรจะแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอักษรตัวนั้น (เช่น ตัวอักษร ช.ช้าง จะเป็นรูปช้างมาแทนที่ , ตัวอักษร ซ.โซ่ จะเป็นรูปโซ่มาแทนที่ เป็นต้น) และจะต้องอ่านให้ถูกต้องตามเวลาที่ได้มา หากอ่านวรรคไหนไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" พิธีกรก็จะนำวรรคที่อ่านไม่ได้ไปซ้อนไว้ข้างหลัง และอ่านวรรคใหม่ ส่วนวรรคที่อ่านได้ถูกต้องจะนำมาวางไว้ข้างล่าง และพอครบ 10 วรรค พิธีกรจะนำวรรคเดิมที่อ่านไม่ได้วนกลับมาอีกครั้ง โดยทั้ง 2 รอบ

พาดหัวข่าว (2545 - 2547)

กติกา คือ จะมีโจทย์จากภาพหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ แบ่งเป็นรอบละ 2 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 มีคะแนนตำแหน่งละ 1 คะแนน ส่วนฉบับที่ 3 และฉบับที่ 4 มีคะแนนตำแหน่งละ 2 คะแนน ในแต่ละโจทย์จะแยกออกมาเป็น 9 คำ โดยจะต้องเรียงหัวข้อข่าวให้ถูกต้องภายในเวลา 45 วินาที หากทั้ง 2 รอบ ผู้แข่งขันสามารถเรียงหัวข้อข่าวให้ถูกครบ 9 ตำแหน่ง ภายในครั้งแรก จะได้รับทองคำพิเศษหนัก 1 บาท (ในรอบนี้มีคะแนนเต็มทั้งหมด 27 คะแนน)

ชั่งทอง (2535 - 2545)

ก่อนจะเข้าไปเล่นเกมชั่งทอง จะมีแผ่นป้ายผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 10 แผ่นป้าย [ในปี 2539 เพิ่มจำนวนป้ายเป็น 12 แผ่นป้าย ในปี 2541-2542 เปลี่ยนเป็นป้ายเลข 1-12 ที่ประกอบด้วยผู้สนับสนุนรายการเดี่ยว 12 แผ่นป้าย(ในวันที่ 6 มิถุนายน 2541 เป็นKopiko ต่อมาช่วง กรกฎาคมเป็น แผ่นอนามัย โซฟี) และกลับมาใช้เป็นป้ายผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้ายอีกครั้ง] โดยแต่ละแผ่นป้ายจะมีพีระมิดเลข 5 อยู่ 1 แผ่นป้าย และพีระมิดเลข 6 อยู่ 9 แผ่นป้าย [ในปี 2539 เพิ่มเป็น 11 แผ่นป้าย และในช่วงก่อนวันที่ 6 มิถุนายน 2541 ได้เปลี่ยนจากพีระมิดเป็นแผ่นป้าย] โดยเลือกมา 1 แผ่นป้าย หากผู้แข่งขันเปิดเจอเลข 6 จะต้องชั่งของทั้งหมด 6 ครั้ง แต่ถ้าหากเปิดเจอเลข 5 จะได้รับทองคำพิเศษหนัก 1 บาท และมีโอกาสชั่งของทั้งหมด 5 ครั้ง จากของทั้งหมด 6 ชุด (ในช่วงปี2536-2537,2541-2544ไม่มีการแจกทองคำพิเศษ โดยเริ่มมีการแจกทองคำพิเศษในช่วงปี 2537 - 2540,2544-2545)

ในส่วนของการชั่งของนั้น จะมีของทั้งหมด 6 ชุด โดยแต่ละชุดจะมีน้ำหนักไม่เท่ากันทั้งหมด และในแต่ละชุดหากทายมาแล้วมีน้ำหนักมากกว่าชุดก่อนหน้า โดยแน่นอนว่าของชุดที่ 1 น้ำหนักจะมากกว่า 0 กิโลกรัมแน่นอน จะได้รับทองคำชุดละ 1 บาท (ในกรณีได้ชั่งของ 5 ครั้ง หากสามารถทายถูกในชิ้นที่ 4 จะได้รับทองคำหนัก 2 บาท [ในช่วงที่จะเตรียมชั่งของนั้น คุณหม่ำถือสร้อยคอทองคำไว้ 5 เส้น และตั้งแต่ปี 2544 คุณหม่ำถือสร้อยคอทองคำไว้ 10 เส้น(ผู้ร่วมสนับสนุนทองคำ คือ ลิโพ ต่อมาเป็น ดีแม็ค เจล และเพี๊ยซโฟม ตามลำดับ จาก 2539 ไปจนถึง 2540)] และตั้งแต่ปี 2544 ได้เพิ่มเป็นทองคำครั้งละ 2 บาท ต่อของ 1 ชุด และหากสามารถทายถูกในชิ้นที่ 4 ในจำนวนครั้งของการชั่งของ 5 ครั้ง จะได้รับทองคำหนัก 4 บาท) หากทายลำดับสิ่งของผิดลำดับ เกมจะยุติลงและรับทองเท่าทำได้ หากผู้แข่งขันทายลำดับสิ่งของจากน้ำหนักน้อยไปหาน้ำหนักมากได้ครบ 5 หรือ 6 ชุด (ตามจำนวนครั้งที่ได้จากการเปิดป้าย) จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม[ในยุคเวทีทองปี41-42ผู้เข้าแข่งขันทำแจ๊คผอตแตกจะได้รับทองคำหนัก2กิโกกรัม10บาท โดยจะแบ่งคนละ1กก.ให้กับทางบ้านและผู้เข้าแข่งขัน ส่วนทางร้านค้ารับทอง 10 บาท(ผู้สนับสนุนหลักในการชิงโชค คือ โกดัก ต่อมาเป็นห้างทองทวีชัย5 แดนเนรมิต ดัชมิลล์ โกปิโก้ เบงเบง ไบก้อน และ เบญจา ตามลำดับ)]

ส่วนในยุค 2535 ในรอบชั่งทองเป็นการทายจำนวนน้ำหนัก โดยก่อนเล่นมี ป้าย ทั้งหมด 10 ป้าย เป็นเลข 5 อยู่ 8 ป้าย 4และ6 อย่างละป้าย โดยเลือกมา 1 ป้าย ถ้าเลือกเลข 5 ผิดได้ 2 ชิ้น ถ้าเลือกเลข 6 ผิดได้ 3 ชิ้น ถ้าเลือกเลข 4 ผิดได้ 1 ชิ้น พอเลือกป้ายเสร็จแล้ว ก่อนจะทายน้ำหนักผู้เข้าขันต้องยกน้ำหนักสิ่งของ 30 วินาที พอยกเสร็จผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกของแล้วทายจำนวนน้ำหนัก หากทายให้น้ำหนักอยู่ในขีดทอง ครบ 3 ครั้ง ได้รับทองคำ 1 กก. ผิดเกินป้ายจำนวนครั้งที่กำหนด เกมจะยุติลง

ก่อนเล่นเกมชั่งทองในปี 2535 หากได้รับดาวทองครบ 3 สมัย รับทอง10บาท

เปิดแผ่นป้ายชิงทอง (2545 - 2547)

กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย ในช่วงแรกจะเป็นการเปิดป้ายเพื่อประกอบตัวอักษรเป็นข้อความ โดยจะมีตัวอักษร 2 ชุด ชุดละ 6 แผ่นป้าย ชุดหนึ่งจะเป็นตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อของผู้สนับสนุนหลัก (ผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ ผลิตภัณฑ์โอวัลติน โดยจะแยกเป็น โ-อ-วั-ล-ติ-น) และอีกชุดหนึ่งจะเป็นตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อรายการ (เ-ว-ที-ท-อ-ง) สำหรับเกมนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเปิดแผ่นป้าย 6 แผ่นป้าย ให้ได้ชุดตัวอักษรที่เป็นชื่อผู้สนับสนุนรายการหลัก ซึ่งแต่ละแผ่นป้ายที่เปิดได้จะได้ทองคำหนัก 2 บาท แต่ถ้าเปิดเจอชุดอักษร (เ-ว-ที-ท-อ-ง) จะไม่ได้รับทองคำในแผ่นป้ายนั้น แต่ถ้าหากผู้เล่นสามารถเปิดเจอชุดอักษรที่ประสมกันเป็นชื่อผู้สนับสนุนรายการ (โ-อ-วั-ล-ติ-น) ได้ครบ 6 แผ่นป้าย และถูกตำแหน่ง จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม

ต่อมาได้มีการเปลี่ยนกติกาใหม่เล็กน้อยโดยมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อรายการ เวทีทอง 6 แผ่นป้าย และอีกชุดหนึ่ง จะเป็นแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนหลัก 6 แผ่นป้าย (ผู้สนับสนุนหลักในการชิงโชค คือ ผลิตภัณฑ์โอวัลติน) โดยถ้าผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดได้ชุดตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อของรายการเวทีทอง และถูกตำแหน่ง จะได้รับทองคำหนัก 2 บาท แต่ถ้าเปิดได้แผ่นป้ายของผู้สนับสนุนหลัก จะได้รับกิ๊ฟเซ็ทของผู้สนับสนุนหลักไปแผ่นป้ายละ 1 ชุด หากเปิดได้ตัวอักษรคำว่า เ-ว-ที-ท-อ-ง ครบทั้ง 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม

แต่ถ้าหากเจอผู้สนับสนุนหลักครบทั้ง 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 1 กิโลกรัม พร้อมกับกิ๊ฟเซท6ชุด โดยทางผู้เข้าแข่งขันได้รับแค่ฝ่ายเดียว ส่วนผู้เข้าแข่งขันรับทองคำหนัก 1 บาท ปกติ

ในช่วงปลายปี 2545 จนถึงปี 2547 ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยไม่มีแผ่นป้ายตัวอักษร เ-ว-ที-ท-อ-ง แต่เป็นการเปิดแผ่นป้ายจากผู้สนับสนุนรายการเพียงอย่างเดียว (ผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ ผลิตภัณฑ์วาสลีน ฮาร์โมนี โดยจะแบ่งเป็น 3 สูตร สูตรละ 2 แผ่นป้าย ต่อมาเปลี่ยนผู้สนับสนุนหลักเป็นผงซักฟอกโอโม และ น้ำรสผลไม้ QOO ตามลำดับ) ซึ่งจะมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก 6 แผ่นป้าย ส่วนอีก 6 แผ่นป้ายเป็นป้ายทองหลอก 6 แผ่นป้ายซึ่งจะมี ดังนี้

  1. ต้นทองพันชั่ง
  2. ปลาทอง (ในรายการจะเรียกว่า ทองหัววุ้น)
  3. มะม่วงทองดำ
  4. ทองคำเปลว
  5. ก๊อกน้ำทองเหลือง
  6. ทองม้วน

โดยเลือกมา 6 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายหากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 บาท แต่ถ้าหากเปิดเจอแผ่นป้ายทองหลอก จะได้รับรางวัลเป็นสิ่งของซึ่งมาจากป้ายทองหลอกนั้น (เช่น ถ้าเปิดได้ปลาทอง จะได้ปลาทอง เป็นต้น เช่นเดียวกับรอบตกรอบปี 2548 - 2549) แต่ถ้าหากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดได้แผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักครบทั้ง 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม

ยุคแอนดี้-ภูมิ (เวทีทอง ซิกส์ทีน) (2547 - 2550)

ในยุคที่เปลี่ยนแปลงพิธีกรจาก ซูโม่กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ และ หม่ำ จ๊กมก-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา มาเป็น แอนดี้ เขมพิมุก และ VJ ภูมิ-ภูมิใจ ตั้งสง่า รายการเวทีทองได้เปลี่ยนแปลงฉากในบรรยากาศสนามบาสเกตบอล (2547-2548) ต่อมาปรับฉากเล็กน้อยเป็นโรงเรียน High School (2548-2550) แต่กติกายังคงรูปแบบเดิม

ภาพปริศนา

ทางรายการจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 5 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น ซึ่งแต่ละภาพจะเป็นผลงานของทีมงานที่ทำขึ้นมาเองหรือจะเป็นผลงานจากทางบ้านก็ได้ ในแต่ละสัปดาห์หากภาพผลงานของใครได้รับออกอากาศจะได้เงินรางวัล 1,000 บาทจากผู้สนับสนุน โดยก่อนตอบนั้นผู้แข่งขันจะต้องเหยียบปุ่มไฟ ทั้งหมด 4 ปุ่ม หากไฟติดที่ใครจะมีสิทธิตอบก่อน และต้องตอบออกมาภายในเวลา 7 วินาที หากคำตอบยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ หากยังตอบไม่ได้อีก พิธีกรจะใบ้เพิ่ม และหากผู้เข้าแข่งขันตอบได้ 2 คะแนนก่อนจะได้เข้ารอบ สำหรับผู้ที่ตกรอบจะได้รับทองคำหนัก 1 บาทจากทางรายการ

คำปริศนา

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่น CD 4 แผ่น แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบมาก่อนจะมีสิทธิ์เลือกแผ่น CD และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 45 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นภาพที่สื่อถึงคำ ๆ นั้น เช่น ภาพหน้าเว็บไซต์ หน้าหนังสือต่างๆ เป็นต้น หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด หลังจากตอบคำปริศนาครบทั้ง 2 ชุด ผู้แข่งขันคนใดทำคะแนนได้มากกว่า จะกลายเป็นผู้ชนะทันที หากผู้แข่งขันทำคะแนนเสมอกัน จะต้องตอบคำถามชุดสำรองอีกคนละ 1 ชุด หากผู้แข่งขันคนใดได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ โดยทั้ง 2 รอบ หากผู้แข่งขันคนใดสามารถทำคะแนนได้ครบ 30 คะแนน จะได้ทองคำพิเศษหนัก 1 บาท (ตั้งแต่ปี 2549 ได้เปลี่ยนรูปแบบการแจกทองคำหนัก 1 บาทมาเป็นทองคำมูลค่า 10,000 บาท)

เปิดแผ่นป้ายชิงทอง

กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก 6 แผ่นป้าย (ผู้สนับสนุนในรอบนี้คือ น้ำรสผลไม้ QOO) และแผ่นป้าย "คุณครูครับ" 6 แผ่นป้าย โดยเลือกมา 6 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายหากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 บาท แต่ถ้าหากเปิดเจอแผ่นป้าย "คุณครูครับ" จะต้องตอบคำถามจากคุณครูที่ดังขึ้นในห้องส่ง และถ้าตอบถูก จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 1 สลึง ถ้าตอบผิดจะไม่ได้รับทองคำในแผ่นป้ายนั้นไป หากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักครบ 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม แต่ในกรณีกลับกัน หากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดเจอแผ่นป้าย "คุณครูครับ" ครบ 6 แผ่นป้าย และตอบถูกทั้ง 6 ครั้ง จะได้รับทองคำหนัก 1 บาท 2 สลึง โดยจะได้เฉพาะผู้เข้าแข่งขัน

ต่อมาเปลี่ยนกติกาเล็กน้อย โดยจะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก 9 แผ่นป้าย (ผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้คือ แป้งเย็นชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ โดยจะแบ่งเป็น 3 สูตร สูตรละ 3 แผ่นป้าย) และแผ่นป้าย "สุดหล่อสุดร้อน" 3 แผ่นป้าย โดยจะมีแผ่นป้ายตัวตั้ง และเลือกมา 6 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายหากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักที่สีตรงกัน กลิ่นตรงกัน จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 บาท แต่หากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักที่สีและกลิ่นไม่ตรงกัน จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 สลึง แต่ถ้าหากเปิดเจอแผ่นป้าย "สุดหล่อสุดร้อน" จะไม่ได้รับทองคำในแผ่นป้ายนั้นไป หากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักผู้สนับสนุนหลักที่สีตรงกัน กลิ่นตรงกันครบ 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 1 กิโลกรัม (ในปี 2549 ได้เปลี่ยนรูปแบบการแจกทองคำหนัก 1 กิโลกรัม เป็นทองคำมูลค่า 600,000 บาท)

ยุคเสนาหอย-แจ๊ส (เวทีทอง เวทีเธอ) (2559 - 2562) / ยุคแจ๊ส-อุล (2562 - 2565)

ในปี 2558 นั้น มีข่าวมาว่ารายการในตำนานอย่าง "เวทีทอง" จะกลับมาอีกครั้ง โดยเดิมนั้นได้เปิดเผยชื่อแรกที่ใช้ว่า "เวทีทอง 2015" พร้อมทั้งมีการคาดเดาถึงคนที่จะมาเป็นพิธีกร เช่น กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์, พัน พลุแตก, ศิลป์ รุจิรวนิช (อาร์ต ตลก 6 ฉาก), แจ็ค เชิญยิ้ม รวมทั้งพิธีกรคู่หูในตำนานอย่าง เกียรติ กิจเจริญ และ หม่ำ จ๊กมก ก็ถูกคาดเดาที่จะให้มาเป็นพิธีกรเช่นกัน[6] จนในปี 2559 นั้น ช่องเวิร์คพอยท์ได้ผลิตรายการใหม่เพิ่มอีกหลายรายการ รวมทั้งรายการ "เวทีทอง" ที่ได้นำกลับมาอีกครั้ง จนได้พิธีกรคู่ใหม่เป็น เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ แจ๊ส ชวนชื่น-ผดุง ทรงแสง พร้อมทั้งชื่อใหม่ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ" โดยรูปแบบเกมในยุคนี้ยังคงจากรูปแบบเดิมทุกประการ แต่ได้เพิ่มเกมใหม่ และเปลี่ยนรูปแบบเกมในรอบสุดท้าย รวมทั้งฉากและชุดพิธีกรที่มาในธีมยุค 70s (2559-2562) ต่อมาปรับฉากใหม่ในธีม EDM (2562-2565) แต่จะต่างจากยุคที่ผ่าน ๆ มาตรงที่รูปแบบนี้จะเล่นในรูปแบบสะสมคะแนน ซึ่งในรูปแบบก่อน ๆ จะเล่นในรูปแบบคัดออกในแต่ละรอบ รวมทั้งมีการนำเกมในตำนานอย่าง "ชั่งทอง" กลับมาอีกครั้งในปี 2562 อีกด้วย และในวันที่ 14 กรกฎาคม 2562 มีการเปลี่ยนพิธีกรจาก เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค มาเป็น อุล-ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา และเป็นพิธีกรคู่กันจนถึงเทปสุดท้ายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565

ภาพปริศนา

ทางรายการจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 2 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น ซึ่งแต่ละภาพจะเป็นผลงานของทีมงานที่ทำขึ้นมาเองหรือจะเป็นผลงานจากทางบ้านก็ได้ ในแต่ละสัปดาห์หากภาพผลงานของใครได้รับออกอากาศจะได้ของรางวัลจากทางรายการ โดยก่อนตอบนั้นผู้แข่งขันจะต้องเหยียบปุ่มไฟ หากไฟติดที่ใครจะมีสิทธิตอบก่อน และมีเวลาตอบภายในเวลา 7 วินาที หากคำตอบยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ หากยังตอบไม่ได้อีก พิธีกรจะใบ้เพิ่มต่อไป จนกว่าจะมีผู้ที่ตอบถูก โดยในแต่ละภาพจะมีคะแนนภาพละ 10 คะแนน โดยใครที่ได้คะแนนก่อนจะเป็นลำดับที่ 1 , 2 และ 3 ตามลำดับ

ต่อมามีการปรับกติกาเล็กน้อย โดยจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 4 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น แต่คะแนนในแต่ละภาพจะมีคะแนนภาพละ 5 คะแนน และมีเวลาตอบภายในเวลา 10 วินาทีเฉพาะครั้งแรก หากคำตอบยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ แต่เวลาตอบจะลดเหลือ 7 วินาที โดยผู้ที่ตอบได้ 2 ภาพก่อน จะได้สิทธิ์พักการเล่นเพื่อดูผู้แข่งขันท่านอื่นเล่นต่อไป

คำปริศนา

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่นดิสก์ 3 แผ่น (ในยุคแจ๊ส-อุล ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น USB Flash Drive) แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยแต่ละชุดจะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนเป็นลำดับที่ 1 จะมีสิทธิ์เลือกแผ่นดิสก์ และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 60 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นความหมายหรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำ ๆ นี้ หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด และคะแนนที่ได้ในรอบนี้จะนำไปรวมกับรอบที่ 1

ข้อความปริศนา

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่นดิสก์ 3 แผ่น (ในยุคแจ๊ส-อุล ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น USB Flash Drive) แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยแต่ละชุดจะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนเป็นลำดับที่ 3 จะมีสิทธิ์เลือกแผ่นดิสก์ และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 60 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะเป็นคำกำหนด แต่คำหลังจะเป็นคำใกล้เคียงที่เกี่ยวกับคำ ๆ นั้น เช่น ประโยคภาษาอังกฤษที่แปลเป็นคำ ๆ นั้น , คำตรงกันข้าม เป็นต้น หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด และคะแนนที่ได้ในรอบนี้จะนำไปรวมกับ 2 รอบก่อนหน้า ต่อมาปรับเปลี่ยนกติกาเล็กน้อย คือ ผู้ที่ทำคะแนนสูงที่สุดจะได้เข้าไปในรอบสุดท้าย และอีก 2 ท่านที่ทำคะแนน้อยที่สุดจะต้องตกรอบไป ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุดจะต้องตกรอบไป ส่วนอีก 2 ท่านจะได้เข้ารอบไปแข่งขันกันต่อในรอบสุดท้าย

กล่องทองคำปริศนา (ชื่อเดิม : ชิงทอง) (2559 - 2562)

กติกา คือ ทางรายการจะมีกระเป๋า 4 ใบ (ในรูปแบบแรกนั้นจะเป็นกระเป๋าที่มีหมายเลขกำกับ ต่อมาเปลี่ยนเป็นกระเป๋า 4 สี คือ สีเหลือง สีน้ำเงิน สีแดง และสีเขียว) ในแต่ละใบจะมีจำนวนทองตั้งแต่ 0-9 แท่ง โดยผู้แข่งขันที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้เลือกกระเป๋าก่อน และตามด้วยผู้แข่งขันที่มีคะแนนรองลงมา และแต่ละคนมีสิทธิ์ดูกระเป๋าที่ตัวเองได้เลือกมา โดยเริ่มเปิดกระเป๋าจากผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุด และมีสิทธิ์เปลี่ยนกระเป๋าจากผู้แข่งขันท่านอื่นคนละ 1 ครั้ง และจากนั้นจะมีการเฉลยกระเป๋าว่ากระเป๋าของใครมีจำนวนทองคำมากที่สุด โดยผู้ที่หยิบกระเป๋าที่มีจำนวนทองคำมากที่สุด จะได้รับทองคำมูลค่า 30,000 บาท[7] ต่อมาตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2559 เป็นต้นมา ได้ปรับกติกาเล็กน้อย โดยผู้ที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้รับทองคำเพิ่มเติม 1 แท่ง และมีสิทธิ์เปลี่ยนกระเป๋าจากใบที่ไม่ได้เลือกได้อีกด้วย โดยรูปแบบนี้ใช้ตั้งแต่ 17 มกราคม 2559 จนถึง 11 มิถุนายน 2560

ต่อมาตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2560 มีการปรับกติกาใหม่ คือ จะมีกระเป๋าทั้งหมด 4 ใบ โดยจะมีกระเป๋าที่มีทองคำ และกระเป๋าเปล่าอย่างละ 2 ใบ โดยผู้แข่งขันจะเปิดดูกระเป๋าก่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ผู้แข่งขันอีกท่านดู และจะมีสิทธิ์เปลี่ยนกระเป๋าคนละ 1 ครั้ง ว่าจะเปลี่ยนกระเป๋าสีอะไร โดยใครที่ได้กระเป๋าที่มีทองคำทั้ง 2 ใบ จะได้รับทองคำมูลค่า 30,000 บาท แต่ถ้าผู้แข่งขันทั้ง 2 ท่านได้กระเป๋าที่มีทองคำและกล่องเปล่าอย่างละ 1 ใบ ทองคำมูลค่า 30,000 บาท จะไม่มีใครได้ไป และถือว่าเสมอกัน ต่อมาลดรางวัลเหลือ 25,000 บาท

ชั่งทอง (2562 - 2565)

กติกา คือ จะมีของทั้งหมด 5 ชุด โดยแต่ละชุดจะมีน้ำหนักไม่เท่ากันทั้งหมด และในแต่ละชุดหากทายมาแล้วมีน้ำหนักมากกว่าชุดก่อนหน้า โดยของชุดที่ 1 จะเป็นน้ำหนักตั้งต้น และชุดต่อมาหากมีน้ำหนักมากกว่า จะได้รับทองคำมูลค่าชุดละ 5,000 บาท หากทายลำดับสิ่งของผิด เกมจะยุติลงและรับทองเท่าทำได้ หากผู้แข่งขันสามารถทายสิ่งของโดยเรียงน้ำหนักจากน้อยไปมากได้ครบ 5 ชุด จะได้รับทองคำมูลค่า 25,000 บาท โดยเกมนี้นำกลับมาอีกครั้งในรอบ 17 ปี แต่มีการปรับเปลี่ยนกติกาเล็กน้อยตามยุคสมัย

ต่อมาเปลี่ยนกติกาใหม่ จะมีของ 3 ชิ้น ผู้เข้าแข่งขัน 2 คน ที่เข้ารอบจาก คำปริศนา 2 ช่วง จะต้องทายจำนวนน้ำหนัก ถ้า ใครทายน้ำหนักได้ใกล้เคียง รับ ทองคำมูลค่า 5000 บาท ใครทายถูกต้อง จะเป็นผู้ชนะ และได้รับทองมูลค่า 10000 บาท

การดัดแปลงสู่แอปพลิเคชั่นเกม

รายการ "เวทีทอง" มีการดัดแปลงเป็นแอปพลิเคชัน ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ ON MOBILE" เป็นแอปพลิเคชั่นประเภทเกมสำหรับใช้งานบน SMART PHONE สร้างโดย Ammonite Studio ซึ่งจะเป็นการนำเกมที่ใช้ในช่วงภาพปริศนาของรายการ เวทีทอง ในยุคต่าง ๆ นำมาทำเป็นระบบหลักของเกมในแอปพลิเคชันนี้ โดยที่ผู้เล่นสามารถตอบได้ทั้ง 2 รูปแบบ คือ พิมพ์คำตอบลงไปและใช้ไมโครโฟนในตัวโทรศัพท์เพื่อพูดคำตอบ และสามารถใช้ไอเท็มในเกมช่วยเหลือได้ แอปพลิเคชันนี้เปิดบริการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559[8]

รางวัล

  • รางวัลเมขลา ครั้งที่ 9 ประจำปี 2532 สาขารายการส่งเสริมความสามารถดีเด่น มอบไว้ ณ วันที่ 13 มกราคม 2533[9]
  • รางวัลเมขลา ครั้งที่ 15 ประจำปี 2538 สาขารายการแข่งขันชิงรางวัลดีเด่น มอบไว้ ณ วันที่ 19 มกราคม 2539[ต้องการอ้างอิง]

อ้างอิง

  1. WorkpointOfficial (29 ธันวาคม 2558). เวทีทอง เวทีเธอ Teaser 1. Youtube.com. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite AV media}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. 2.0 2.1 "เสนาหอย - แจ๊ส ชวนชื่น นั่งแท่นพิธีกรเกมโชว์ในตำนาน[เวทีทอง เวทีเธอ Workpoint 23 การันตีความสนุก". Dara.Truelife.com. 7 มกราคม 2559. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-19. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  3. "ผังรายการเดือนมกราคม 2559". Workpointtv.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. "จวก'เวทีทอง' ภาษาไทยอ่อน". News.Sanook.com. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. admin (5 มกราคม 2559). "ช่องเวิร์คพอยท์ ส่งเกมโชว์ "เวทีทอง เวทีเธอ" ลงจอ เริ่ม 10 ม.ค.นี้". Zoomzogzag.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-07. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. "กลับมาแล้ว!! เวทีทอง 2015". Pantip. สืบค้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2567
  7. ในเกมนี้จะคล้ายคลึงกับเกมชิงบ๊วย ของรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ในช่วงปี 2533 - 2535
  8. Thaiware (1 ตุลาคม 2559). "เวทีทอง (App เกม เวทีทอง ตอบคำถามภาพปริศนาคำใบ้)". Thaiware.com. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  9. "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-02-12. สืบค้นเมื่อ 2022-02-12.

แหล่งข้อมูลอื่น

 

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia