อำเภอห้วยทับทัน
ห้วยทับทัน เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัด โดยมีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดสุรินทร์ อำเภอนี้มีผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก คือ ไก่ย่างไม้มะดันห้วยทับทัน[1] ที่มาของชื่อเดิมน่าจะชื่อว่า "ห้วยทัพทัน" เพราะมีความหมายสอดคล้องตำนานเมืองศรีสะเกษมากกว่า แต่ในปัจจุบันเพี้ยนมาเป็น "ห้วยทับทัน" จากตำนานที่ว่า สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทย เมื่อพระเจ้าเอกทัศครองราชย์อยู่นั้น ได้เกิดอาเพศช้างเผือกแตกโรงหนี แล้วมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออก มาถึงเขตดินแดนเขมรป่าดง (เขตจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ในปัจจุบัน) พระเจ้าเอกทัศทรงให้ทหารนายกองออกตามจับช้างเผือก ขบวนทหารร่วมกับหัวหน้ากลุ่มชนชาวเขมรป่าดงที่ชำนาญการจับช้าง ออกตามจับช้างจน "มาทัน" ที่ลำธารแห่งหนึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอห้วยทับทัน จึงเห็นตัวช้างแต่ยังจับไม่ได้ ชาวบ้านจึงเรียกชื่อลำธารที่นายกองจับช้างตามมาทันนั้นว่า ห้วยทัพทัน เพราะกองทัพตามจับช้างมาทันที่นั่น ช้างเผือกวิ่งหนีเลยไปทางทิศใต้ด้านเขาพนมดงรัก จึงไล่ติดตามจนจับช้างเผือกได้ที่เชิงเขาพนมดงรัก ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ปัจจุบัน เมื่อนำช้างเผือกมาถึงหมู่บ้านใหญ่บ้านหนึ่งซึ่งเป็นตัวเมืองศรีสะเกษปัจจุบัน ช้างเผือกได้รับบาดเจ็บ พอรักษาพยาบาลช้างจนหายแล้วจึงออกเดินทางนำช้างเผือกส่งถึงกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านเป็นชาวกูยจึงเรียกหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านเจียงอี" (ภาษากูย แปลว่า "บ้านช้างเจ็บ") และวัดในหมู่บ้านจึงได้ชื่อว่า "วัดเจียงอี" นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา[2] ประวัติอำเภอห้วยทับทันแยกออกมาจากอำเภออุทุมพรพิสัยและประกาศตั้งเป็นกิ่งอำเภอห้วยทับทัน เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2520 ต่อมาทำการเปิดกิ่งอำเภอเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 โดยใช้ใต้ถุนศาลาวัดประชารังสรรค์เป็นสถานที่ทำการกิ่งอำเภอ และได้รับงบประมาณก่อสร้างที่ว่าการอำเภอถาวรเมื่อ พ.ศ. 2524 ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ประกาศยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2529[3] ภูมิศาสตร์ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอห้วยทับทันตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
แหล่งน้ำห้วยทับทัน เป็นลำห้วยที่ไหลมาจากอำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดศรีสะเกษในเขตอำเภอห้วยทับทัน อำเภอเมืองจันทร์ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และ อำเภอบึงบูรพ์ไหลลงไปบรรจบแม่น้ำมูลบริเวณอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาคอำเภอห้วยทับทันแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 6 ตำบล 82 หมู่บ้าน ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่อำเภอห้วยทับทันประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 แห่ง (เทศบาลตำบล 2 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 5 แห่ง) ได้แก่
ประชากรสาธารณสุข
การศึกษา
การขนส่ง
อำเภอห้วยทับทันมีถนนสายหลักคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 (นครราชสีมา–อุบลราชธานี) ซึ่งเชื่อมระหว่างหัวยทับทัน–เมืองสุรินทร์ ระยะทาง 64 กิโลเมตร และเชื่อมระหว่างห้วยทับทัน–เมืองศรีสะเกษ ระยะทาง 37 กิโลเมตร
อำเภอห้วยทับทันมีสถานีรถไฟประจำอำเภอคือสถานีรถไฟห้วยทับทัน โดยรถไฟเกือบทุกขบวน (ยกเว้นรถด่วนพิเศษอีสานวัตนาที่ 23/24 และรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 21/22) จะหยุดรับ–ส่งผู้โดยสารที่สถานีนี้ การท่องเที่ยวปราสาทห้วยทับทันปราสาทบ้านปราสาท (ห้วยทับทัน) ถูกสำรวจพบและขึ้นทะเบียนโบราณสถานของชาติใน พ.ศ. 2478 โดยตั้งอยู่ที่วัดปราสาทพนาราม บ้านปราสาท หมู่ที่ 12 ตำบลปราสาท อยู่ห่างจากตัวจังหวัดศรีสะเกษประมาณ 39 กิโลเมตร ตัวปราสาทประกอบด้วยปรางค์อิฐ 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกันในแนวเหนือ-ใต้ มีกำแพงล้อมรอบพร้อมซุ้มประตู สันนิษฐานว่า เดิมมี 3 หรือ 4 ทิศ ปัจจุบันคงเหลือเพียงด้านทิศใต้เท่านั้น ก่อด้วยศิลาแลง ปรางค์สององค์ที่ขนาบข้างขนาดเดียวกัน ได้รับการดัดแปลงรูปแบบไปมาก โดยเฉพาะส่วนหลังคาและประตู ซึ่งก่อทึบหมดทุกด้าน ยังคงปรากฏกรอบประตูหินทรายและชิ้นส่วนทับหลังสลักภาพการกวนเกษียรสมุทรตกอยู่ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ เป็นศิลปกรรมร่วมสมัยแบบบาปวน สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 และบูรณะมาแล้ว 3 ยุค กรมศิลปากรได้มีการขุดพบวัตถุโบราณคือ เทวรูปศิลาหินทราย ทับหลังพระอิศวรทรงโคอุศุภราช หรือโคนนทิ และ ทับหลังกูรมาวตาร และในวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ได้สำรวจขุดพบ และโครงกระดูกมนุษย์โบราณอายุราว 3 พันปี ตั้งแต่ยุคหินใหม่ กำไลสำริด เภาชนะดินเผา ลูกปัดสี กระเบื้องเคลือบ กระดองเต่า ขาวสารที่กลายเป็นหิน
วัฒนธรรม3 กลุ่มชาติพันธุ์ ประกอบไปด้วย ชาติพันธุ์เขมร ชาติพันธุ์กูยและ ชาติพันธุ์ลาว ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอำเภอห้วยทับทันมีผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง คือ ไก่ย่างไม้มะดัน[1] ผลิตจากไก่พื้นเมืองสามสายเลือด ใช้ไม้มะดันเป็นไม้เสียบไก่ รสชาติจะออกเปรี้ยวพอเหมาะกับสูตรเครื่องปรุง ลักษณะพิเศษคือการนำไม้มะดันที่ขึ้นตามธรรมชาติมาเหลาเสียบเป็นไม้ปิ้งซึ่งต่างจากที่อื่น นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อีกอย่างหนึ่ง คือ ผ้าไหมเก็บย้อมมะเกลือ (ผ้าทอยกดอกลายลูกแก้ว) เป็นผ้าไหมที่ผ่านกรรมวิธีการย้อมด้วยวิธีการพื้นบ้าน (แช่น้ำมะเกลือ) 300 แดด 60 จุ่ม และนำมาปักเพิ่มลวดลวย ด้วยเส้นไหมหลากหลายสี เพื่อเพิ่มมูลค่า เรียกว่า “การแซว” อีกทั้งยังเป็นสินค้า GI (Geographical Indication) สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ศูนย์เรียนรู้ผ้าไหมเก็บย้อมมะเกลือ ตั้งอยู่ ณ บ้านเมืองหลวง หมู่ที่ 3 ตำบลเมืองหลวง [1] อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia