อำเภอรัตนบุรี
รัตนบุรี เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ที่มีประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาท้องที่ลาวอีสานมากกว่า เขมร กูย และมีเจ้าเมืองคนแรกคือ พระศรีนครเตาท้าวเธอ (เชียงสี หรือตากะอาม)ซึ่งเป็นชาวกูยและเมืองรัตนบุรียังมีประวัติศาสตร์และประเพณียาวนานกว่า 300 ปี ประวัติเมื่อราวปีพ.ศ. 2302 พระยาช้างเผือกได้แตกโรงหนีออกมายังเขตบริเวณพื้นที่ที่ถูกเรียกว่า "เขมรป่าดง" ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่แถบจังหวัดบุรีรัมย์,สุรินทร์และศรีสะเกษ "เชียงสี" หัวหน้าบ้านกุดหวาย หนึ่งในหัวหน้าคณะชาวส่วยหรือกูย (หัวหน้าคณะชาวส่วย ประกอบด้วย ตาไกรหรือตากะจะ เชียงปุม เชียงไชย เชียงขัน เชียงฆะ เชียงสง และเชียงสี) ได้ช่วยกันจับพระยาช้างเผือกแล้วจึงนำคืนสู่กรุงศรีอยุธยา ต่อมาราว ปีพ.ศ. 2306 สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาพระองค์สุดท้าย ทรงโปรดเกล้าเลื่อนบรรดาศักดิ์หัวหน้าหมู่บ้านกุดหวาย ซึ่งก็คือเชียงสี พร้อมทั้งยกบ้านกุดหวายขึ้นเป็นเมืองศรีนครเตา (ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองรัตนบุรี) อาณาเขตของเมืองศรีนครเตา เริ่มแรกถูกกำหนดดังนี้ ทิศเหนือ จรดเมืองท่ง(อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) มีแม่น้ำมูลเป็นเขตแดน ทิศใต้ จรดหลักหินภูดิน ชนเขตแดนเมืองประทายสมันต์(สุรินทร์) ทิศตะวันออก จรดลำห้วยทับทัน ทิศตะวันตก จรดดงแสนตอ (ดงขมิ้น) เขตอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เมืองรัตนบุรี มีความชอบได้ตามเสด็จไปทำสงครามหลายแห่งจึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ เป็นที่ พระศรีนครเตาท้าวเธอ โปรดเกล้าฯให้ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ตามลำดับ พระศรีนครเตาท้าวเธอปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ร่มเย็นมาโดยตลอด และเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีที่ได้ทำให้แก่ชาติบ้านเมือง ชาวอำเภอรัตนบุรี จึงรวมใจสร้างอนุสาวรีย์ของพระศรีนครเตาท้าวเธอ ณ สวนสาธารณะศรีนครเตาท้าวเธอ ถนนศรีนคร อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ และจัดให้มีงานสมโภชน์ สักการะทุกๆปี ลุเข้ามาเมื่อใดมิทราบได้ ในช่วงรัชกาลที่ 1 ได้มีพระราชสาส์นเกี่ยวกับการศึก ผ่านเข้ามายังเมืองศรีนครเตา(ขณะนั้นยังไม่เปลี่ยนชื่อนามเมือง) ในขณะนั้นพระศรีนครเตาไม่อยู่ในเมืองไปทำธุระข้างนอก แต่ภรรยาพระศรีนครเตาเป็นผู้รับหนังสือพระราชสาสน์แทน มีบางกระแสว่าภรรยาเป็นผู้เปิดอ่านเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็มีบางกระแสที่ว่า พระศรีนครชัย (บุญจันทร์) อุปราชเมืองรัตนบุรีเป็นผู้เปิดอ่านเองแล้วโยนความผิดให้เจ้าเมือง ส่งผลให้พระศรีนครเตาท้าวเธอโดนอาญาแผ่นดิน ถูกประหารโดยการเอาขวานผ่าอกจนตาย ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2356 ในช่วงเวลาที่ไม่ห่างกันมาก ท้าวโอ๊ะ หลานของเจ้าแก้วมงคลแห่งเมืองท่ง (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองสุวรรณภูมิ ปัจจุบันคือ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) ได้กล่าวโทษเจ้าเมืองสุวรรณภูมิว่า เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ เบียดเบียนข่มเหงประชาชน และบังคับเอาลูกเมียคนอื่น มาเป็นภรรยาของตน ราชสำนักกรุงเทพฯ ได้สอบสวนเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ (ท้าวอ่อน) พบว่ามีความผิดจริง จึงโปรดฯ ให้ถอดออกจากเจ้าเมือง และทรงตั้งให้ท้าวโอ๊ะเป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิมีบรรดาศักดิ์เป็น “พระรัตนวงศา” อันเป็นปีเดียวกันที่ฝ่ายเจ้าเมืองศรีนครเตา (คนต่อมา) ได้นำความกราบบังคมทูลโดยมีใบบอกไปยังราชสำนักด้วย จึงโปรดฯ ให้เปลี่ยนนามเมืองศรีนครเตาเป็น “เมืองรัตนบุรี” และนามเจ้าเมืองจาก “พระศรีนครเตา” เป็น พระศรีนครชัย” ซึ่งหมายถึงชัยชนะ อาจเป็นไปได้ว่า พระศรีนครชัยเป็นเชื้อสายของเจ้าแก้วมงคล คือเป็นลูกหลานของเจ้าแก้วมงคลอีกท่านหนึ่ง เจ้าเมืองรัตนบุรีที่ได้เปลี่ยนนามเป็น “พระศรีนครชัย” มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับเจ้าแก้วมงคลในชั้นหลาน ชาวลาวในเขตเมืองสุวรรณภูมิจึงได้เข้ามาอยู่ในเขตเมืองรัตนบุรีมากขึ้น สังคมและวัฒนธรรมของชาวเมืองสุวรรณภูมิจึงไหลบ่า เข้าสู่เมืองรัตนบุรีและกลายเป็นเมืองของชาวไทยลาวในที่สุด[1][2][3] ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอรัตนบุรีตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาคอำเภอรัตนบุรีแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 12 ตำบล 163 หมู่บ้าน.
การปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่อำเภอรัตนบุรีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13 แห่ง ได้แก่
บุคคลที่มีชื่อเสียง
สถานศึกษาประถมศึกษา,มัธยมศึกษา,ขยายโอกาสทางการศึกษา
อุดมศึกษา,การวิชาชีพ
โรงเรียนพระปริยัติธรรม
หน่วยงานราชการ
แหล่งท่องเที่ยว
เทศกาลการท่องเที่ยว
มรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นแหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia