เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022

เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022
เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ
รายการเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2021–22
หลัง ต่อเวลาพิเศษ
ลิเวอร์พูล ชนะ ลูกโทษ 6–5
วันที่14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022
สนามสนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด
ลุยส์ ดิอัซ (ลิเวอร์พูล)
ผู้ตัดสินเคร็ก พอว์สัน (เชฟฟีลด์แอนด์ฮอลลัมเชอร์)[1]
ผู้ชม84,897 คน
2021
2023

เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 2022 เป็นรอบชิงชนะเลิศของเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2021–22 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ[2] โดยจะเป็นการพบกันระหว่างเชลซีกับลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นคู่ชิงชนะเลิศคู่เดียวกันกับในอีเอฟแอลคัพ 2022 นัดชิงชนะเลิศ นี่เป็นครั้งที่สองที่คู่ชิงชนะเลิศในอีเอฟแอลคัพและเอฟเอคัพเป็นคู่เดียวกัน หลังจากที่อาร์เซนอลและเชฟฟีลด์เวนส์เดย์เคยพบกันในนัดชิงชนะเลิศทั้งสองรายการใน ค.ศ. 1993[3] การแข่งขันนี้จัดโดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) และเป็นรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 141 ของเอฟเอคัพ ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นัดนี้จะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ในสหราชอาณาจักรทางช่องฟรีทีวี BBC One และ ITV และจะถ่ายทอดสดสัญญาณเสียงวิทยุทาง BBC Radio 5 Live และ talkSPORT

ผู้ชนะจะได้สิทธิ์เข้ารอบสำหรับรอบแบ่งกลุ่มของ ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2022–23.[4] พวกเขายังจะเผชิญหน้ากับทีมแชมเปียนส์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 ใน เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2022, เว้นแต่ทีมที่จะเป็นแชมป์, ซึ่งทีมที่แพ้จะเจอกับทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก. ทีมที่ชนะควรอยู่ในพื้นที่ห้าอันดับแรกของ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22, อันดับ ยูโรปาลีก จะตกอยู่กับทีมอันดับที่หก พรีเมียร์ลีก.[4]

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ

เชลซี

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศของเชลซี
รอบ คู่แข่งขัน ผล
3 เชสเตอร์ฟีลด์ (H) 5–1
4 พลิมัทอาร์ไกล์ (H) 2–1
5 ลูตันทาวน์ (A) 3–2
QF มิดเดิลส์เบรอ (A) 2–0
SF คริสตัลพาเลซ (N) 2–0
สัญลักษณ์: (H) = สนามทีมเหย้า; (A) = สนามทีมเยือน; (N) = สนามกลาง

ในฐานะทีมจากพรีเมียร์ลีก, เชลซีเข้าสู่การแข่งขันในรอบที่สาม. พวกเขาเอาชนะเชสเตอร์ฟีลด์ที่ บ้าน ในรอบที่สาม.[ต้องการอ้างอิง]

พวกเขาเอาชนะ พลีมัท อาร์ไกล์ ที่ บ้าน ในรอบที่สี่. พวกเขาเอาชนะลูตัน ออกไปเยือนในรอบที่ห้า. พวกเขาเอาชนะมิดเดิลส์เบรอที่ สนามกีฬาริเวอร์ไซด์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ. ที่สนามกลาง สนามกีฬาเวมบลีย์, เชลซีชนะคริสตัล พาเลซในรอบรองชนะเลิศ.[ต้องการอ้างอิง]

ลิเวอร์พูล

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศของลิเวอร์พูล
รอบ คู่แข่งขัน ผล
3 ชรูส์บรีทาวน์ (H) 4–1
4 คาร์ดิฟฟ์ซิตี (H) 3–1
5 นอริชซิตี (H) 2–1
QF นอตทิงแฮมฟอเรสต์ (A) 1–0
SF แมนเชสเตอร์ซิตี (N) 3–2
สัญลักษณ์: (H) = สนามทีมเหย้า; (A) = สนามทีมเยือน; (N) = สนามกลาง

ในฐานะทีมจากพรีเมียร์ลีก, ลิเวอร์พูลเข้าสู่การแข่งขันในรอบที่สาม.[ต้องการอ้างอิง] พวกเขาเอาชนะชรูส์บรีทาวน์ที่ แอนฟีลด์, สนามเหย้าของพวกเขา, ในรอบที่สาม.[5] ในรอบที่สี่, พวกเขาเอาชนะคาร์ดิฟฟ์ซิตี 3-1.[6] พวกเขาเอาชนะนอริชซิตีก็ยังอยู่ในบ้านในรอบที่ห้า.[7] พวกเขาเอาชนะนอตทิงแฮมฟอเรสต์ที่ ซิตีกราวด์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ.[8] ก่อนจะเอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์.[9]

แมตช์

รายละเอียด


เชลซี
ลิเวอร์พูล
GK 16 เซเนกัล เอดัวร์ แมนดี
CB 14 ประเทศอังกฤษ เทรโวห์ ชาโลบาห์ Substituted off in the 106th นาที 106'
CB 6 ประเทศบราซิล ชียากู ซิลวา
CB 2 ประเทศเยอรมนี อันโทนีโอ รือดีเกอร์
RM 24 ประเทศอังกฤษ รีซ เจมส์ โดนใบเหลือง ใน 77th นาที 77'
CM 5 ประเทศอิตาลี ฌอร์ฌีญู (กัปตัน)
CM 8 ประเทศโครเอเชีย มาเตออ กอวาชิช Substituted off in the 66th นาที 66'
LM 3 ประเทศสเปน มาร์โกส อาลอนโซ
RW 19 ประเทศอังกฤษ เมสัน เมานต์
LW 10 สหรัฐอเมริกา คริสเตียน พูลิซิช Substituted off in the 106th นาที 106'
CF 9 ประเทศเบลเยียม โรเมลู ลูกากู Substituted off in the 85th นาที 85'
ตัวสำรอง:
GK 1 ประเทศสเปน เกปา อาร์ริซาบาลากา
DF 28 ประเทศสเปน เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา Substituted on in the 106th minute 106'
DF 31 ประเทศฝรั่งเศส มาล็อง ซาร์
MF 7 ประเทศฝรั่งเศส อึงโกโล ก็องเต Substituted on in the 66th minute 66'
MF 12 ประเทศอังกฤษ รูเบน ลอฟตัส-ชีก Substituted on in the 106th minute 106' Substituted off in the 120th นาที 120'
MF 17 ประเทศสเปน ซาอุล
MF 18 ประเทศอังกฤษ รอสส์ บาร์กลีย์ Substituted on in the 120th minute 120'
MF 22 โมร็อกโก ฮะกีม ซิยาช Substituted on in the 85th minute 85'
FW 11 ประเทศเยอรมนี ทีโม แวร์เนอร์
ผู้จัดการทีม:
ประเทศเยอรมนี โทมัส ทุคเคิล
GK 1 ประเทศบราซิล อาลีซง
RB 66 ประเทศอังกฤษ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
CB 5 ประเทศฝรั่งเศส อีบราอีมา โกนาเต
CB 4 ประเทศเนเธอร์แลนด์ เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ Substituted off in the 91st นาที 91'
LB 26 ประเทศสกอตแลนด์ แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน Substituted off in the 111th นาที 111'
CM 8 กินี นาบี เกอีตา Substituted off in the 74th นาที 74'
CM 14 ประเทศอังกฤษ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตัน)
CM 6 ประเทศสเปน เตียโก
RF 11 อียิปต์ มุฮัมมัด เศาะลาห์ Substituted off in the 33rd นาที 33'
CF 10 เซเนกัล ซาดีโย มาเน
LF 23 โคลอมเบีย ลุยส์ ดิอัซ Substituted off in the 98th นาที 98'
ตัวสำรอง:
GK 62 สาธารณรัฐไอร์แลนด์ คีวีน เคลลิเฮอร์
DF 12 ประเทศอังกฤษ โจ โกเมซ
DF 21 ประเทศกรีซ กอสตัส ซีมีกัส Substituted on in the 111th minute 111'
DF 32 แคเมอรูน ฌอแอล มาติป Substituted on in the 91st minute 91'
MF 7 ประเทศอังกฤษ เจมส์ มิลเนอร์ Substituted on in the 74th minute 74'
MF 17 ประเทศอังกฤษ เคอร์ติส โจนส์
FW 9 ประเทศบราซิล โรแบร์ตู ฟีร์มีนู Substituted on in the 98th minute 98'
FW 20 ประเทศโปรตุเกส ดีโยกู ฌอตา Substituted on in the 33rd minute 33'
FW 27 ประเทศเบลเยียม ดีว็อก โอรีกี
ผู้จัดการทีม:
ประเทศเยอรมนี เยือร์เกิน คล็อพ

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด:
ลุยส์ ดิอัซ (ลิเวอร์พูล)

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:[1]
Dan Cook (แฮมป์เชอร์)
Edward Smart (เบอร์มิงแฮม)
ผู้ตัดสินที่สี่:[1]
David Coote (นอตทิงแฮมเชอร์)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินสำรอง:[10]
Dan Robathan (นอร์ฟอล์ก)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ:[10]
Paul Tierney (แลงคาเชอร์)
ผู้ช่วยของผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ:[10]
Simon Bennett (สแตฟฟอร์ดเชอร์)

กฏ-กติกา[11]

  • 90 นาที
  • 30 นาทีของ การต่อเวลาพิเศษ ในกรณีที่จำเป็น
  • การดวลลูกโทษ ถ้าผลการแข่งขันยังคงเสมอกัน
  • มีรายชื่อตัวสำรองได้ถึงเก้าคน
  • การเปลี่ยนตัวสูงสุดได้ถึงห้าคน, กับคนที่หกอนุญาตได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ[note 1]

สถิติ

หมายเหตุ

  1. แต่ละทีมจะได้รับโอกาสในการเปลี่ยนตัวเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น, ด้วยโอกาสครั้งที่สี่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ, นับรวมการเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่เกิดขึ้นช่วงพักครึ่งแรก, ก่อนเริ่มต้นของช่วงต่อเวลาพิเศษและช่วงพักครึ่งเวลาแรกในช่วงต้อเวลาพิเศษ.

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 "Match officials confirmed for the Emirates FA Cup and Vitality Women's FA Cup Finals". The Football Association. 21 April 2022. สืบค้นเมื่อ 21 April 2022.
  2. Terry, Dylan (6 September 2021). "When and where is the 2022 FA Cup final?". The Independent.
  3. McNulty, Phil (20 April 2022). "Chelsea 2-0 Crystal Palace: 'Blues again show ability to thrive amid chaos'". BBC Sport.
  4. 4.0 4.1 "European qualification for UEFA competitions explained". premierleague.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-25. สืบค้นเมื่อ 17 April 2022.
  5. "Liverpool fight back to beat Shrewsbury" – โดยทาง www.bbc.co.uk.
  6. "Liverpool ease past Cardiff in FA Cup" – โดยทาง www.bbc.co.uk.
  7. "Minamino double takes Liverpool through" – โดยทาง www.bbc.co.uk.
  8. "Liverpool beat Forest to set up Man City semi" – โดยทาง www.bbc.co.uk.
  9. "Liverpool beat Man City to reach FA Cup final" – โดยทาง www.bbc.co.uk.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 "MATCH OFFICIALS CONFIRMED FOR THE EMIRATES FA CUP AND VITALITY WOMEN'S FA CUP FINALS".
  11. "Rules of the FA Challenge Cup competition" (PDF). The Football Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 April 2022. สืบค้นเมื่อ 16 April 2022.
  12. 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 "Match report: Half-time – Final – Chelsea v Liverpool". SofaScore.com. SofaScore. 14 May 2022. สืบค้นเมื่อ 14 May 2022.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)

 

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia