เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์
พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ นายกชมรมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2512 อดีตรองประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ[4]ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)[5] และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 ถึงกันยายน พ.ศ. 2555 ประวัติพลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 ที่จังหวัดพระนคร มีชื่อเล่นว่าอ๊อบ เป็นหลานชายร.ต.อ.จำปา ดามาพงศ์ เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของพลตำรวจโท เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ กับคุณหญิงพจนีย์ ณ ป้อมเพชร มีพี่น้อง 3 คนคือ พงศ์เพชร ดามาพงศ์ อดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทย จังหวัดเชียงราย, พลตำรวจโท นายแพทย์ พีระพงศ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีพี่ชายบุญธรรมคนโตอีก 1 คนคือ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ เคยสมรสกับปาริชาติ ดิษยะศริน น้องสาวของนาวาอากาศเอกวีระยุทธ[1] ภายหลังได้หย่าร้างกัน[2] ปัจจุบันสมรสกับสาวิตรี ดามาพงศ์ (สกุลเดิม รัตนสุวรรณชาติ)[1] ทั้งสองมีบุตรฝาแฝดเป็นชายชื่อ พาทิศ (เอิง) และเป็นหญิงชื่อ พิมพ์พิชญา (ออ)[1] การศึกษาพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 12 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา มีเพื่อนร่วมรุ่น นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่น 12 ที่มีชื่อเสียง คือ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร , พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารทูล อดีต ผบช.ภ.6 การรับราชการพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เข้าสู่วงการตำรวจ เริ่มรับราชการเมื่อปี พ.ศ. 2514 ตำแหน่งสำรองพิเศษ สังกัด กก.2ส. ต่อมาได้เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ในปี พ.ศ. 2517 โดยผ่านการอบรมหลักสูตร นายร้อยตำรวจอบรม รุ่นที่ 16 (นรอ.16) จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ไม่ใช่การสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ) ดำรงตำแหน่งรองสารวัตรแผนก 1 กก.สส.นครบาลเหนือ และได้ดำรงตำแหน่งวนเวียนอยู่เฉพาะในเขตนครบาลเกือบ 10 ปี โดยเป็นสารวัตรสอบสวน สน.จักรวรรดิ สน.ปทุมวัน และสน.ทุ่งมหาเมฆ จนถึงปี พ.ศ. 2523 ได้เป็น สารวัตรป้องกันและปราบปราม สน.นางเลิ้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 จึงได้ออกต่างจังหวัดระยะสั้น ๆ โดยดำรงตำแหน่งสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.ภูเก็ต ไม่ถึง 1 ปีก็กลับเข้านครบาลอีกครั้ง โดยได้ดำรงตำแหน่ง รอง ผกก. 2 ป. ตามด้วย ผกก.(กอ.รมน.) กำลังพล และ ผู้กำกับการตำรวจท่องเที่ยว ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการกองปราบปราม และรองผู้บัญชาการกองปราบปราม ก่อนจะดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และได้เป็น ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) เมื่อปี พ.ศ. 2543 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีผลงานโดดเด่นด้านการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการอย่างมาก โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ครองยศ พล.ต.อ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งเนื่องจากการมีผลงานโดดเด่นในด้านการสืบสวนปราบปรามยาเสพติดจากนโยบายของดร.ทักษิณ ชินวัตร[6] ต่อมาหลังการ รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถูกโยกย้ายไปเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านความมั่นคง ในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากคณะรัฐประหารมองว่าพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดเก่า ต่อมาหลังจากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้กลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน แม้จะเพิ่งกลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2551 แต่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถือเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสสูงสุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีคำสั่งศาลปกครองให้นับอาวุโสของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ต่อเนื่องตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่งครั้งแรก ทำให้เป็นผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่จะเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเมื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ.10 ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อขอความเป็นธรรม โดยยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากตนเป็นรอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุด จึงควรจะได้รับตำแหน่งนี้มากกว่า[7] โดยสาเหตุที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะในฐานะที่มีอำนาจหน้าที่เสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ยอมเสนอพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์นั้นด้วยเหตุที่ว่าพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับขั้วอำนาจทางการเมืองของดร.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้าม ต่อมาในกลางปี พ.ศ. 2554 ขณะที่คณะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ได้ขอลาพักผ่อน ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (ประเทศไทย) ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จากนั้นก็โอน พล.ต.อ.วิเชียร ไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว[8] วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554 คณะรัฐมนตรีจึงตั้ง พล.ต.อ.วิเชียรเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ[9] และส่งผลให้พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554[10]พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ยังดำรงตำแหน่งอื่นอีกดังต่อไปนี้ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน คณะกรรมการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการและประธานกรรมการธรรมาภิบาล บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555[11] คณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) งานการเมืองภายหลังเกษียณอายุราชการแล้ว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 พร้อมกับศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 อีกจำนวนหนึ่ง[12] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia