อาโออิอาโออิ (ญี่ปุ่น: 葵; โรมาจิ: Aoi) เป็นบทที่ 9 ของตำนานเก็นจิ ผลงานของ มุระซะกิ ชิคิบุ จากทั้งหมด 54 บทด ที่มาของชื่อบท อาโออิอาโออิ (葵) เป็นพืชชนิดหนึ่ง อะโอะอิ ใน ตำนานเก็นจิ นั้น คือ พันธุ์ที่มีชื่อว่า ฟุตะบะอะโอะอิ (双葉葵 Futaba Aoi )หรือ อะโอะอิ 2 ใบ เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้าคะโมะ แห่งเคียวโตะ เติบโตขึ้นในพื้นป่า ใบคู่เป็นรูปหัวใจ 2 ใบในกิ่งเดียว ในงานเทศกาลคะโมะ หรือ เทศกาลอะโอะอิ นั้น ผู้ร่วมพิธีจะใช้ใบอะโอะอิ ประดับประดาหมวก และ รถเที่ยมวัว คำว่า อาโออิ(葵) ในสมัยเฮอันอ่านอีกอย่างได้ว่า อะฟุฮิ(afuhi) หมายความว่า วันแห่งการพบเจอ(ของคู่รัก) ซึ่งนี่เป็นการเล่นคำ ใช้ตั้งชื่อ บท ว่า อะโอะอิ เพราะ
ตัดพ้อให้เก็นจิโดยใช้คำ อะโอะอิ = อะฟุฮิ ในกลอน 「はかなしや人のかざせる 葵 ゆゑ 神の許しの今日を待ちける 注連の内には」[1] "Hakanashi ya hito no kazase ru afuhi yuwe kami no yurushi no kefu machi keru Shime no uchi ni ha."[2]
เทศกาลอาโออิเทศกาลอาโออิ (葵祭 Aoi Matsuri) จัดขึ้นทุก 15 พฤกษภาคม ของทุกปี เป็น 1 ใน 3 เทศกาลใหญ่ของเคียวโตะ สามารถนับย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 7 ที่เมืองเคียวโตะจะมีขบวนแห่ บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โบราณ พร้อมขบวนรถที่มีพรรณไม้ดอกหลากสีอันสวยหรู พวกเขาจะแห่จากพระราชวังเคียวโตะ สู่ศาลเจ้าชิโมะกะโมะ(下鴨神社, Shimo-gamo-jinja) ไปยังศาลเจ้าคะมิกะโมะ (上賀茂神社, Kami-gamo-jinja) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และศักดิสิทธิ์มากแห่งหนึ่ง ตัวละครหลักในบท
เรื่องย่อ![]() เทศกาลคะโมะจัดขึ้นในเดือน 4 พระธิดาองค์ที่ 3 ของอดีตจักรพรรดิคิริสึโบะกับพระราชชนนีโคกิเด็ง ขึ้นรับตำแหน่งเป็น ไซอิน ประจำศาลเจ้าคะโมะ เนื่องในโอกาสการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ด้วยมีชาติกำเนิดอันสูงส่ง งานฉลองตำแหน่งของนางจึงยิ่งใหญ่หรูหรากว่าปกติ เก็นจิเป็น 1 ในผู้ร่วมขบวนแห่ด้วย ถนนเต็มไปด้วยผู้คนและพาหนะมากมายแน่นขนัด อดีตพระชายาโระคุโจเองก็มารอร่วมชมงานด้วยโดยปิดบังฐานะไว้ ทว่า บ่าวไพร่ผู้คุมรถเทียมวัวของอะโออิ มาที่หลังแต่กลับเข้าแย่งที่จอดรถเทียมวัวที่พระชายาแห่งโระคุโจนั่งอยู่ ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันจนโต๊ะวางคานรถเทียมวัวของอดีตพระชายาแห่งโระคุโจหัก จนรถไม่สามารถจอดอยู่ได้ อดีตพระชายาถูกทำให้เสื่อมเสียเกียรติ์และอ้บอายขายหน้าจนต้องร่ำไห้ ในวันต่อมา เก็นจิพามุระซะกิขึ้นรถเทียมวัวไปดูเทศกาลด้วยกัน เขาไปหานางที่ห้องในปีกตะวันตก หญิงรับใช้ของนางต่างเตรียมตัวเพื่ออกไปร่วมงานกันเรียบร้อยแล้ว เก็นจิเห็นว่าผมของมุระซะกิยาวเกินไป จึงเรียกซินแสมาดูฤกษ์ยามว่าวันนี้เป็นวันดีเหมาะสำหรับการตัดผมหรือไม่ จากนั้นเขาลงมือตัดแต่งผมให้มุระซะกิด้วยตัวเอง มุระซะกิยืนบนกระดานโกะ เพื่อตรวจสอบความยาวของเรือนผม ตั้งแต่เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเรื่องที่จอดรถเทียมวัว อดีตพระชายาโระคุโจก็ไร้ความสงบสุขในจิตใจ เกิดข่าวลือว่า วิญญาณคนเป็นของอดีตพระชายาเอง หรือไม่ก็วิญญาณ บิดาของอดีตพระชายาโระคุโจ สิงสู่รังควานท่านหญิงอะโอะอิ กลายเป็นวิญญาณชั่วร้าย ตัวอดีตพระชายาแห่งโระคุโจเองยังฝันว่า วิญญาณของนางล่องลอยไปหลอกหลอนทรมานท่านหญิงอะโอะอิ นางเชื่อว่าวิญญาณของนางล่องลอยออกจากร่างกลายเป็นวิญญาณคนเป็นเพราะเกลียดชังใครบางคนอย่างถึงขีดสุด ร่างของอดีตพระชายาแห่งโระคุโจบัดนี้ ฉุนไปด้วยกลิ่นเครื่องหอมที่ใช้ในพิธีปัดรังควาน จะอาบน้ำสระผมเช่นไรกลิ่นนั้นก็ไม่ยอมจาง หลังจากท่านหญิงอะโอะอิคลอดบุตรชายออกมาอย่างปลอดภัย ทุกคนต่างโล่งใจ ทว่า วิญญาณร้ายเข้ามาสิงสู่อะโอะอิจนเสียชีวิตกะทันหัน ผู้คนมากมายต่างมาร่วมพิธีศพที่สุสานโทะริเบะโนะ ในคืนจันทร์เสี้ยวช่วงปลายเดือน 8 เก็นจิกลับไปที่คฤหาสน์ถนนซันโจ ร่ำอาลัยถึงภรรยาที่เพิ่งรู้ใจกันก่อนตายจนจันทร์ตกเมื่อรุ่งสาง เก็นจิอยู่ไว้ทุกข์ที่คฤหาสน์ซันโจ เขาพร่ำสวดมนต์ ในจิตใจหวนระลึกถึงทุกเหตุการณ์ตลอดวันเวลาที่ทั้งสองมีร่วมกัน เขาคิดถึงมุระซะกิเช่นกัน ทว่าเขาต้องเข้านอนเพียงโดดเดี่ยวและข่มตานอนไม่หลับ รุ่งสางเปี่ยมกระไอหมอกในฤดูใบไม้ร่วง มีสาส์นแสดงความเสียใจที่เขียนบนกระดาษสีเทาหม่นแนบดอกเบจญมาศกึ่งตูมกึ่งบาน เขียนด้วยลายมือของอดึตพระชายาโระคุโจส่งมาถึง เก็นจินั้นผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายจากการเผชิญหน้ากับวิญญาณคนเป็นของนางระหว่างที่อะโอะอิกำลังจะตาย สาส์นนั้นจึงไม่มีความหมายอันใดสำหรับเขา หลังเสร็จสิ้นการไว้ทุกข์ 49 วัน เก็นจิออกจากคฤหาสน์ซันโจของสะไดจินพ่อตา กลับไปพำนักที่คฤหาสน์ถนนนิโจของเขาเอง เขาพบว่า มุระซะกิ เติบโตขึ้นจนงดงามเกือบจะเป็นหญิงที่อุดมคติที่สมบรูณ์ของเขาแล้ว เขาสมรสกับมุระซะกิทันทีในต้นฤดูหนาว ไม่มีการจัดพิธีฉลอง มีเพียงการกินขนมโมจิร่วมกันในคืนที่สามของการแต่งงานตามพฤตินัยตามประเพณี ไม่มีงานฉลองยิ่งใหญ่ตามมา แต่เป็นพิธีวิวาห์อันแสนพิเศษที่สงวนไว้เพียงพวกเขาทั้งคู่ โคะเระมิตสึเป็นผู้เตรียมขนมด้วยตัวเอง ส่วนโชนะกอนและเบ็น ผู้เป็นบุตรสาว เป็นคนนำขนมวางไว้บนหมอนของเก็นจิ[4] อ้างอิง |
Portal di Ensiklopedia Dunia