บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วย
ปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่
หน้าอภิปราย
บทความนี้ต้องการจัดรูปแบบข้อความ การจัดหน้า การแบ่งหัวข้อ การจัดลิงก์ภายใน และอื่น ๆ
บทความนี้ต้องการพิสูจน์อักษร อาจเป็นด้านการใช้ภาษา การสะกด ไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน หรือการแปลจากภาษาอื่น
ตำนานเก็นจิ ม้วนภาพเรื่องตำนานเก็นจิ ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น ราวสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12
ผู้ประพันธ์ มุราซากิ ชิคิบุ ชื่อเรื่องต้นฉบับ 源氏物語 ( Genji Monogatari ) ผู้แปล จำนวนมาก ผู้วาดภาพประกอบ ไม่ปรากฏนาม ประเทศ ญี่ปุ่น ภาษา ภาษาญี่ปุ่ ประเภท วรรณกรรมญี่ปุ่นคลาสสิก สำนักพิมพ์ จำนวนมาก วันที่พิมพ์ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ชนิดสื่อ ม้วนภาพ , หนังสือ หน้า ม้วนภาพราว 10 ม้วน หนังสือฉบับแปลภาษาอังกฤษกว่า 1000 หน้า
มุราซากิ ชิคิบุ
ตำนานเก็นจิ (ญี่ปุ่น : 源氏物語 ; Genji Monogatari) เป็นงานเขียนของ มุราซากิ ชิคิบุ นางข้าหลวงในราชสำนักญี่ปุ่น สมัยเฮอัน หรือ เฮอันเคียว ซึ่งมีชิวิตอยู่ราวต้นศตวรรษที่ 11 ว่ากันว่า นี่คือนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก [ 1] และมีการจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 1000 ปี ในปี 2008 ที่ประเทศญี่ปุ่น [ 2] โดยมีหลักฐานสนับสนุนจากเนิ้อความใน มุราซากิ ชิคิบุ นิกกิ (Murasaki Shikibu Nikki บันทึกของมุราซากิ ชิคิบุ) ซึ่งเธอได้เขียนบันทึกนั้นในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ค ศ.1008 ว่า ฟุจิวะระ โนะ คินโตะ (Fujiwara no Kinto) นักปราชญ์ราชบัณฑิตชั้นแนวหน้าในยุคนั้น ชื่นชมในงานเขียนของเธอเป็นอันมาก และบันทึกนี้ยืนยันกับเราให้ทราบว่า เธอเขียน บท วะกะมุราซากิ จบในเวลานั้นเอง (1 พฤศจิกายน ค ศ.1008) [ 3] บางข้อมูลอ้างว่า มุราซากิ ชิคิบุ เริ่มเขียน ตำนานเก็นจิที่วัดอิชิยะมะเดระ ในคืนวันจันทร์เต็มดวงของวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ปี ค ศ. 1004 [ 4]
มุราซากิ ชิคิบุ เกิดในปี เทนเอน ที่ 1 ( Ten-en 1 ) หรือราว ค ศ. 973 ในตระกูลขุนนางสาย ฟุจิวาระ ในระดับชั้นกลาง บิดาชื่อว่า ฟุจิวาระ ทะเมะโตะคิ ไม่มีใครทราบชื่อจริงของเธอ สันนิษฐานว่า ที่เธอรับการเรียกขานว่า มุราซากิ ชิคิบุ นั้น เนื่องจาก หญิงที่เป็นชนชั้นสูงในสังคมยุคนั้นจะไม่เปิดเผยชื่อจริงๆ ของตัวเอง มุราซากิ มาจากชื่อของ ตัวละครนำหญิงในตำนานเก็นจิ หรือไม่ก็ มุราซากิ ที่แปลว่าสีม่วง พ้องกับชื่อตระกูลฟุจิวาระ ของเธอ ที่ ดอกฟุจิ ก็เป็นดอกไม้สีม่วงเช่นกัน ส่วน ชิคิบุ นั้น มาจากการที่ บิดา และ พี่ชายของเธอ ทำงานในกรมราชพิธี ( ชิคิบุ ) นั่นเอง [ 5]
ปีโจโตคุที่ 4 ( Chotoku 4 ) หรือราวปี ค ศ.998 มุราซากิได้แต่งงานกับ ฟุจิวาระ โนะ โนะบุทะกะ ( Fujiwara no Nobutaka ) มีบุตรสาว 1 คน เรียกขานนามกันว่า ไดนิ โนะ ซัมมิ ( Daini no Sammi) ซึ่งไม่ใช่ชื่อจริง แต่เป็นการเรียกแทนตัวจากตำแหน่งเช่นกัน ต่อมา 3 ปี สามีของเธอเสียชีวิต ในช่วงนี้เองที่เธอเริ่มประพันธ์ ตำนานเก็นจิ
ราวปีคันโคที่ 2 ( Kanko 2 ) หรือ ราวปี ค ศ.1005 มุราซากิรับตำแหน่งในหน้าที่ผู้ติดตามของ โชชิ (Soshi) บุตรสาวของ ฟุจิวาระ มิจินางะ ( Fujiwara Michinaga ) ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมา โซชิ ขึ้นเป็นจักรพรรดินีในพระจักรพรรดิอิจิโจ ( Ichicho )
มุราซากิ ชิคิบุ บันทึกใน บันทึกของ มุราซากิ ชิคิบุ ( Murasaki Shikibu Nikki) ว่า ตำนานเก็นจิ เป็นของขวัญแทนการแสดงความยินดีต่อจักรพรรดินีในโอกาสที่ให้กำเนิดองค์ชาย อัทสึฮิระ (Atsuhira)
รายละเอียดทั่วไป
ตำนานเก็นจิเป็นเรื่องราวชีวิตในราชสำนักของขุนนางและเจ้านายชั้นสูงในสมัย เฮอัน โดยมีตัวเอกชื่อ ฮิคารุ เก็นจิ ในเรื่องกล่าวถึงความสัมพันธ์ของฮิคารุ เก็นจิ กับผู้หญิงมากมายต่างลักษณะกันไป เป็นเรื่องราวที่ทำให้รู้ถึงการดำเนินชีวิต แนวคิด วัฒนธรรม ประเพณี ธรรมเนียมปฏิบัติ การเมือง ของชนชั้นสูงในสมัยเฮอัง โดยเขียนแบ่งออกมาเป็น 54 บท และแบ่งเป็น 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 ความรุ่งเรืองและล่มสลายของเก็นจิ
บทที่ 1-33 กล่าวถึงเรื่องราวตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงการถูกเนรเทศ
บทที่ 34-41 กล่าวถึงการกลับมาเรืองอำนาจจนถึงการตายของมุราซากิ ชายาสุดที่รัก
ช่วงที่ 2 ช่วงเปลี่ยนผ่าน
บทที่ 42-44 เป็นช่วงสั้นๆกล่าวถึงการตายของเก็นจิ
ช่วงที่ 3 อุจิจูโจ ( อุจิ 10 บท ) UJI JUUJOU 宇治十帖 (The Ten Books of Uji)
บทที่ 45-54 กล่าวถึงเรื่องราวของลูกหลาน หลังจากที่เก็นจิได้ตายไปแล้ว
บทร้อยกรองกับตำนานเก็นจิ
ในตำนานเก็นจิ มุราซากิ ชิคิบุ ยังสอดแทรกบทร้อยกรองจากบทประชุมร้อยกรองต่างๆ เช่น โคะคินวะกะชู (Kokinwakashuu) [1] หรือโคะคินชู ( Kokinshuu ) โกะเซนชู ( Gosenshuu ) โคะคินโรคุโจ ( Kokinrokujou ) ชุยชู ( Shuishuu ) ฯลฯ โดยใช้ในรูปการดัดแปลงบทร้อยกรองดั้งเดิมให้สอดคล้องสัมพันธ์กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร เนื่องจากในสมัยนั้น กวีโคลงกลอนต่างๆ ถือเป็นสุดยอดของศิลปะ และสุดยอดของรูปแบบการสนทนาที่มีวัฒนธรรม ข้าราชสำนักและขุนนางที่มีความรู้ดีและมีรสนิยมจึงสาวารถจดจำโคลงกลอนต่างๆได้เป็นจำนวนมาก และจะดัดแปลงโคลงกลอนต่างๆให้เข้ากับการพูด การสนทนา ของตนออกมาได้อย่างอัตโนมัตินั่นเอง ในตำนานเก็นจินั้น นอกจากประชุมโคลงกลอนข้างต้นแล้ว มุราซากิ ชิคิบุ ยังยืมบทร้อยกรองจีนมาใช้ในเรื่องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทร้อยกรองของกวีเอกแห่งราชวงศ์ถัง ไป๋จวีอี้ [2] (白居易 Bai Juyi ค ศ.772-846 )
เพลงไซบาระ
นอกจากบทร้อยกรองแล้ว มุราซากิ ชิคิบุ ยังใช้ เพลงไซบาระ[3] ( 催馬楽 Saibara ) ประกอบในเนื้อเรื่องด้วย เพลงไซบาระนั้น ตามตัวอักษรหมายถึง เพลงที่ร้องในขณะขี่ม้า เป็นเพลงที่ใช้ร้องคู่หรือประสานกัน นักร้องมีทั้งหญิงและชาย เป็นที่นิยมมากในราชสำนักญี่ปุ่นยุคเฮอัน โดยดัดแปลงมาจากเพลงพื้นบ้าน ในบทเพลงขนาดสั้นนี้ จะมีเนื้อร้องสั้นๆที่ใช่คำที่เรียบง่ายประกอบดนตรีที่รับอิทธิพลมาจากราชวงค์ถังประเทศจีน หรือ โทงะคุ ( 唐樂 Togaku) และ โคะมะงาคุ (Komagaku)
รายชื่อตอนทั้งหมด
คิริตสึโบะ (桐壺, Kiritsubo) "Paulownia Court" "Paulownia Pavilion"
ฮาฮากิงิ (帚木, Hahakigi) "Broom Tree"
อุตสึเซมิ (空蝉, Utsusemi) "Shell of the Locust" "Cicada Shell"
ยูงาโอะ (夕顔, Yūgao) "Evening Faces" "Twilight Beauty"
วากามูราซากิ (若紫, Wakamurasaki) "Lavander" "Young Murasaki"
ซูเอ็ตสึมูฮานะ (末摘花, Suetsumuhana) "Safflower"
โมมิจิโนะกะ (紅葉賀, Momiji no Ga) "Autumn Excursion" "Beneath the Autumn Leaves"
ฮานะโนะเอ็ง (花宴, Hana no En) "Festival of the Cherry Blossoms" "Under the Cherry bossoms"
อาโออิ (葵, Aoi) "Heartvine" "Heart-to-Heart"
ซากากิ (榊, Sakaki) "Sacred Tree" "Green Branch"
ฮานะชิรุซาโตะ (花散里, Hana Chiru Sato) "Orange Blossoms" "Falling Flowers"
ซูมะ (須磨, Suma ) "Suma"
อากาชิ (明石, Akashi) "Akashi"
มิอตสึกูชิ (澪標, Miotsukushi) "Channel Buoys" "Pilgrimage to Sumiyoshi"
โยโมงิอุ (蓬生, Yomogiu) "Wormwood Patch" "Waste of Weeds"
เซกิยะ (関屋, Sekiya) "Gatehouse" "At The Pass"
เอะอาวาเซะ (絵合, E Awase) "Picture Contest"
มัตสึกาเซะ (松風, Matsukaze) "Wind in the Pines"
อูซูงูโมะ (薄雲, Usugumo ) "Rack of Clouds" "Wisps of Cloud"
อาซางาโอะ (朝顔, Asagao ) "Morning Glory" "Bluebell"
โอโตเมะ (乙女, Otome ) "Maiden" "Maidens"
ทามากาซูระ (玉鬘, Tamakazura ) "Jeweled Chaplet" "Tendril Wreath"
ฮัตสึเนะ (初音, Hatsune ) "First Warbler" "Warbler's First Song"
โคโจ (胡蝶, Kochō ) "Butterflies"
โฮตารุ (螢, Hotaru) "Fireflies"
โทโกนัตสึ (常夏, Tokonatsu) "Wild Carnation" "Pink"
คางาริบิ (篝火, Kagaribi) "Flares" "Cressets"
โนวากิ (野分, Nowaki) "Typhoon"
มิยูกิ (行幸, Miyuki) "Royal Outing" "Imperial Progress"
ฟูจิบากามะ (藤袴, Fujibakama) "Purple Trousers" "Thoroughwort Flowers"
มากิบาชิระ (真木柱, Makibashira) "Cypress Pillar" "Handsome Pillar"
อุเมะ กะ เอะ (梅枝, ume ga E) "Branch of Plum" "Plum Tree Branch"
ฟูจิ โนะ อูราบะ ( 藤裏葉, Fuji no Uraba) "Wisteria Leaves" "New Wisteria Leaves"
วากานะ ภาคต้น ( 若菜上, Wakana: Jō) "New Herbs, Part I" "Spring Shoots I"
วากานะ ภาคปลาย (若菜下, Wakana: Ge) "New Herbs, Part II" "Spring Shoots II"
คาชิวางิ (柏木, Kashiwagi) "Oak Tree"
โยโกบูเอะ (横笛, Yokobue) "Flute"
ซูซูมูชิ (鈴虫, Suzumushi) "Bell Cricket"
ยูงิริ (夕霧, Yūgiri) "Evening Mist"
มิโนริ (御法, Minori) "Rites" "Law"
มาโบโรชิ (幻, Maboroshi) "Wizard" "Seer"
คูโมงากูเระ (雲隠, Kumogakure) "Vanished into the Clouds" ----- (บทนี้มีเพียงชื่อบทเท่านั้น เป็นเพียงหน้าว่างเปล่า ไม่มีเนื้อหาภายใน แสดงถึงความตายของ ฮิคารุ เก็นจิ )
นิโอ มิยะ (匂宮, Niō Miya) "His Perfumed Highness" "Perfumed Prince"
โคไบ (紅梅, Kōbai) "Rose Plum" "Red Plum Blossoms"
ทาเกกาวา (竹河, Takekawa) "Bamboo River"
ฮาชิฮิเมะ (橋姫, Hashihime) "Lady at the Bridge" "Maiden of the Bridge"
ชี กะ โมโตะ (椎本, Shī ga Moto) "Beneath the Oak"
อาเงมากิ (総角, Agemaki) "Trefoil Knots"
ซาวาราบิ (早蕨, Sawarabi) "Early Ferns" "Bracken Shoots"
ยาโดริงิ (宿木, Yadorigi) "Ivy"
อาซูมายะ (東屋, Azumaya) "Eastern Cottage"
อูกิฟูเนะ (浮舟, Ukifune) "Boat upon the Waters" "A Drifting Boat"
คาเงโร (蜻蛉, Kagerō) "Drake Fly" "Mayfly"
เทนาไร (手習, Tenarai) "Writing Practice"
ยูเมะ โนะ อูกิฮาชิ (夢浮橋, Yume no Ukihashi) "Floating Bridge of Dreams"
แบบจำลองคฤหาส์นโรคุโจของเก็นจิ
เรื่องย่อ
ในรัชสมัยของจักรพรรดิพระองค์หนึ่งได้รับการเรียกขานกันว่า จักรพรรดิคิริสึโบะ พระองค์ทรงสนิทเสน่หานางสนมผู้ต่ำศักดิ์ผู้ถูกเรียกขานว่า คิริสึโบะโนะโคอิ (Kiritsubo no Koi) ซึ่งสร้างความอิจฉาริษยาให้กับพระชายาสนมกำนัลในทั้งหลาย โดยเฉพาะ พระชายาตำหนักโคคิ (Kokiden) ผู้เป็นบุตรีของ ท่านอุไดจิน (เสนาบดีฝ่ายขวา) ผู้ทรงอำนาจยิ่งในราชสำนักและพระชายาตำหนักโคคินั้นยังให้กำเนิดพระโอรสองค์โตซึ่งดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารด้วย
เพราะความอิจฉาริษยาทำให้ทั้งพระชายาและสนมกำนัลในพากันกลั่นแกล้ง นางสนมคิริสึโบะ อย่างโหดร้ายอีกเหล่าเสนาอำมาตย์ยังกริ่งเกรงว่าจักรพรรดิของพวกเขาจะหลุ่มหลงสตรีจนชาติล่มจมเช่นจักรพรรดิจีนลุ่มหลงพระสนมหยางกุ้ยเฟย
ต่อมานางสนมคิริสึโบะผู้บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจตั้งครรภ์และคลอดพระโอรสน้อยที่มีรูปโฉมงดงามอย่างที่มิเคยมีมาก่อนยิ่งทำให้ จักรพรรดิคิริสึโบะ ยิ่งรักใคร่นางมากเท่าทบทวีคูณความอาฆาตมาดร้ายต่างๆยิ่งเพิ่มเป็นเงาตามตัว นางสนมคิริสึโบะ ถูกกลั่นแกล้งจนล้มป่วยอาการทรุดหนักและเสียชีวิต ยังซึ่งความโทมนัสแก่ จักรพรรดิคิริสึโบะ เหลือประมาณ จึงทุ่มเทความรักทั้งมวลให้แก่พระโอรสองค์น้อยจนหมดสิ้น
เมื่อพระโอรสน้อยเจริญวัยโหรชาวเกาหลีทำนายดวงชะตาของพระโอรสว่าหากเป็นเชื้อพระวงศ์จะยังความล่มจมมาสู่ประเทศแต่หากเป็นขุนนางค้ำจุนราชบัลลังก์จะยังความสุขสงบร่มเย็นให้เกิดขึ้น จักรพรรดิคิริสึโบะจึงจำต้องถอดพระโอรสน้อยออกจากการเป็นเชื้อพระวงศ์ลดชั้นเป็นสามัญชนพระราชทานนามสกุล มินะโมโตะ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า เก็นจิ ด้วยเป็นเด็กชายที่งดงามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจึงได้รับการขนานนามว่า ฮิคารุ เก็นจิ หรือ เก็นจิผู้เจิดจรัสนั่นเอง
ต่อมา จักรพรรดิคิริสึโบะ ได้รับพระชายาองค์ใหม่ผู้มีหน้าตาคล้าย คิริสึโบะโนะโคอิ อย่างมากนางได้รับการขนานนามว่า พระชายาฟุจิทสึโบะ (Fujitsubo) ตามชื่อตำหนักที่นางพำนักอยู่ในวัง แม้เก็นจิจะถูกลดชั้นเป็นสามัญชน แต่พระจักรพรรดิคิริสึโบะ ยังคงเอ็นดูและดูแลเขาอยู่ในวัง ด้วยได้รับการบอกเล่าว่า พระชายา ฟุจิทสึโบะ มีใบหน้าละม้ายมารดาของเขา เก็นจิจึงสนิทสนมกับนางมาก จนกลายเป็นความรัก
เมื่อเก็นจิเข้าพิธี เก็มปุกุ (บรรลุนิติภาวะ) เมื่ออายุ 12 ปี และแต่งงานกับ ท่านหญิงอาโออิ ธิดาของสะไดจิง (เสนาบดีฝ่ายซ้าย) ผู้มีอายุมากกว่าโดยการจัดการของพระจักรพรรดิเพียงหวังให้สะไดจินผู้เรืองอำนาจสนับสนุนค้ำชูให้เก็นจิและคานอำนาจกับ อุไดจิง การแต่งงานครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของเก็นจิและภรรยาไม่ใคร่ราบรื่นเขาจึงมักจะหาข้ออ้างไม่ไปหาภรรยาแต่จะใช่เวลาส่วนมากอยู่ในวัง เกนจิมีสหายสนิทคนหนึ่งซึ่งได้รับการเรียกขานว่า โทโนะจูโจ เขาเป็นพี่ชายของท่านหญิงอาโออิและเป็นบุตรชายคนโตของสะไดจิง
เก็นจิมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาหนึ่งในนั้นคือ อดีตพระชายาโรคุโจ ผู้เป็นพระชายาขององค์มกุฎราชกุมารที่ล่วงลับไปแล้วนางเป็นหม้ายมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ อากิโคโนมุ ด้วยความที่นางอายุมากกว่าและถือตัวเก็นจิจึงรู้สึกอัดอัดกับความสัมพันธ์
เย็นวันหนึ่งขณะที่เก็นจิกำลังเดินทางไปเยี่ยมแม่นมของเขาซึ่งเป็นมารดาของ โคเรมิตสึ คนสนิทของเขา เขาบังเอิญมีโอกาสแลกเปลี่ยนสาส์นและต่อมามีความสัมพันธ์กับสตรีที่เขาเรียกว่า ยูงะโอะ (Yugao) อยู่มาคืนหนึ่งเขาพายูงะโอะไปพักค้างคืนที่คฤหาสน์รกร้าง ยูงะโอถูกวิญญาณคนเป็นที่เกิดจากความอาฆาตแค้นของอดีตพระชายาโรคุโจฆ่าตาย เก็นจิล้มป่วยเดินทางไปรักษาตัวกับพระธุดงค์ที่ คิตะยะมะ ระหว่างรักษาตัวจนหายเขาพบกับเด็กหญิงน้อย ๆ ผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับพระชายาฟุจิทสึโบะเป็นอันมาก เนื่องจากนางเป็นบุตรีของ เฮียวบุเคียวโนะมิยะ พี่ชายของพระชายา ฟุจิทสึโบะ ดังนั้นนางจึงมีศักดิ์เป็นหลานสาวของพระชายาฟุจิทสึโบะ เก็นจิตั้งชื่อเด็กหญิงน้อยคนนั้นว่า มุราซากิ นางอาศัยอยู่กับยายซึ่งบวชเป็นชีอยู่ที่คิตะยะมะ มารดาของนางเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากไม่ใช่ภรรยาเอกบิดาของนางจึงไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนัก
ระหว่างห้วงเวลานั้น พระชายาฟุจิทสึโบะ ล้มป่วยเล็กน้อย จึงลาราชการมาพักผ่อนที่บ้านเดิมของนางชั่วระยะเวลาหนึ่ง เก็นจิรู้ข่าว จึงลักลอบไปหานางและมีความสัมพันธ์กันเป็นคืนแรกและคืนเดียว พระชายาฟุจิทสึโบะตั้งครรภ์คลอดบุตรชายของเก็นจิ โดยพรางว่าเป็นพระโอรสของจักรพรรดิคิริสึโบะ เด็กชายที่เกิดจากความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ ต่อมาได้ขึ้นเป็น จักรพรรดิเรเซ
ต่อมายายของมุราซากิตาย เก็นจิจึงรับตัวนางไปอุปการะที่ คฤหาสน์นิโจ เขาเลี้ยงดูอบรมนางให้เติบโตขึ้นเป็นสาวงามตามอุดมคติของเขาเอง
ในที่สุดท่านหญิงอาโออิก็ตั้งครรภ์ลูกของเก็นจิในงานเทศกาลคาโมะ นางมาชมเทศกาลที่มีเก็นจิอยู่ในขบวนแห่ด้วย แต่บังเอิญบ่าวของนางลบหลู่หมิ่นเกียรติ และทะเลาะแบะแว้งกับบ่าวของอดีตพระชายาโรคุโจ เรื่องที่จอดรถเทียมวัวเพื่อชมเทศกาล อดีตพระชายาโรคุโจเสียหน้าและเจ็บแค้นเป็นอันมาก จนกลายเป็นวิญญาณคนเป็นสิงสู่หลอกหลอน จนอาโออิตายหลังคลอดบุตรชายนาม ยูงิริ ได้ไม่นาน ในเวลาต่อมาเก็นจิสมรสกับมุราซากิผู้เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวผู้งดงามเฉลียวฉลาดมีรสนิยม
ต่อมา จักรพรรดิคิริสึโบะ สวรรคต พี่ชายต่างมารดาของเก็นจิ บุตรชายของพระชายาโคคิเด็งขึ้นเป็นพระ จักรพรรดิซุซะกุ อำนาจทางการเมืองของเก็นจิเสื่อมถอยลง และด้วยความเจ้าชู้เก็นจิลอบมีความสัมพันธ์กับ โอะโบะโระสึกิโยะ น้องสาวของพระชายาโคคิเด็ง ผู้เข้าถวายตัวเป็นไนชิโนะคามิผู้ที่จักรพรรดิซุซะกุสนิทเสหา เมื่อความแตกเก็นจิเนรเทศตัวเองไปยัง สุมะ เมืองชายทะเลอันรกร้าง โดยให้มุราซากิช่วยดูแลคฤหาสน์และทรัพย์สมบัติทั้งหลายให้
เก็นจิเดินทางไปอะคะชิตามคำเชิญของนักบวชแห่งอะคะชิ และมีความสัมพันธ์กับบุตรีของนักบวชแห่งอะคะชิจนนางตั้งครรภ์
จักรพรรดิซุซะกุอภัยโทษและเรียกตัวเกนจิกลับเมืองหลวง เนื่องจากเกิดภัยพิบัติขึ้นพระองค์และพระราชมารดาประชวรโดยไร้ทางรักษา ท่านอุไดจิง บิดาของพระราชมารดาก็เกิดเสียชีวิต เก็นจิขึ้นมาเรืองอำนาจอีกครั้ง จักรพรรดิซุซะกุสละราชสมบัติ บุตรชายของเก็นจิที่เกิดกับฟุจิทโบะอย่างลับ ๆ ขึ้นเป็นจักรพรรดิเรเซ เก็นจิสร้างคฤหาสน์ที่โรคุโจเพื่อพาภรรยาทั้งหลายมอยู่ด้วยกัน และยังรับอุปการะสตรีไร้ที่พึ่งพิงทั้งหลายที่เขาเคยรู้จักอีกด้วย
เมื่อเก็นจิอายุได้ 40 ปีได้อภิเษกกับพระธิดาอนนะซังโนะมิยะ พระธิดาองค์ที่ 3 ของ จักรพรรดิซุซะกุซึ่งออกผนวช และฝากฝังพระธิดาให้เก็นจิ นางมีอายุเพียง 13 -14 ปีด้วยความกระทบกระเทือนจิตใจจากความเจ้าชู้ของเก็นจิ มุราซากิก็ล้มป่วยมาเรื่อย ๆ ขณะที่เก็นจิย้ายมุราซากิไปพักฟื้นที่คฤหาสน์นิโจ คะชิวะงิเพื่อนของยูงิริบุตรชายของเก็นจิ พบเห็นพระธิดาอนนะซังโนะมิยะโดยบังเอิญจนหลงรักนางมาก ฉวยโอกาสในคืนวันหนึ่งที่เก็นจิไม่อยู่ ลอบเข้าหานางและมีความสัมพันธ์กับนางจนนางตั้งครรภ์ เก็นจิล่วงรู้ความสัมพันธ์นี้เขากดดันจนคะชิวะงิล้มป่วยด้วยความรู้สึกผิด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนพระธิดาอนนะซังโนะมิยะ เมื่อคลอดบุตรชายของคะชิวะงินาม คาโอรุ ออกมานางก็ออกบวชเป็นชี
มุราซากิล้มป่วยหนักขออนุญาตเก็นจิออกบวชเป็นชี แต่ด้วยความรักใคร่ผูกพันในตัวนางอย่างมาก เก็นจิจึงไม่อนุญาตและมุราซากิก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้เก็นจิเสียใจมากเขาสะสางเรื่องราวทุกอย่าง และออกบวชเพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
ลำดับเหตุการณ์ในเรื่อง
คุโมะกะคุเระ (雲隠, Kumogakure ) "Vanished into the Clouds" ลับหายไปในม่านเมฆ
ช่วงนี้เป็นเพียงหน้าว่างระหว่างการเชื่อมต่อไปสู่ภาค อุจิจูโจ เป็นช่วงเวลาห่างกัน 8 ปี ดูเหมือนว่าเก็นจิได้ใช้ชีวิตเป็นพระถือศีลจำวัดในวัดของเขาใน ซางะ เป็นเวลาประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิต และในช่วง 8 ปีนี้ ทั้ง ของอดีตจักรพรรดิสุซาคุ ,องค์ชายโฮะตะรุ , โทโนะ จูโจ และ ฮิเงะคุโระ ได้สิ้นชีวิตไปทั้งหมดแล้ว
ภาคอุจิจูโจ
อุจิจูโจ ( 宇治十帖 : Uji JuuJou : The Ten Books of Uji)
ดูรายละเอียด อุจิจูโจ เพิ่มเติมได้ที่ อุจิจูโจ
เป็นเหตุการณ์หลังจากที่เก็นจิตายไปแล้ว ตัวเอกของเรื่องในภาค อุจิ นี้คือ คาโอรุ ผู้เป็นบุตรชายที่เกิดจากความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่าง คะชิวะงิ ( บุตรชายคนโตของ โทโนะจูโจ และเพื่อนสนิทของ ยูงิริ ) กับ พระธิดาอนนะซังโนะมิยะ ( พระธิดาองค์ที่ 3 ของอดีตจักรพรรดสุซาคุ และเป็นภรรยาเอกของเก็นจิ ) ได้รับการเลี้ยงดูและใช้ชีวิตในฐานะลูกชายคนสุดท้องของเก็นจิ ตัวคาโอรุเองไม่ล่วงรู้ความลับนี้ แต่ก็สงสัยในชาติกำเนิดตัวเอง เพราะมารดา ( พระธิดาอนนะซังโนะมิยะ ) ออกบวชชีตั้งแต่ยังสาว และที่เขาได้รับการขนานนามว่า คาโอรุ เป็นเพราะเขามีกลิ่นกายหอมติดตัวมาแต่กำเนิดนั่นเอง
ลำดับเหตุการณ์ในเรื่องช่วงเปลี่ยนผ่านและภาคอุจิจูโจ
บทที่
ช่วงอายุของ คาโอรุ
เหตุการณ์
42.นิโออุ มิยะ องค์ชายนิโออุ พระสุคนธ์กรุ่นกำจาย
14 ปี
เดือนกุมพาพันธ์ คาโอรุเข้าพิธีเกมปุกุ เขาได้ยศเป็น จิจู ได้ระดับขั้นขุนนางระดับ 4
44.ทาเคะคาวา ทิวไผ่สายน้ำ
ฤดูใบไม้ร่วง คาโอรุเลื่อนยศเป็น จูโจ
15 ปี
วันที่ 1 มกราคม ยูงิริ ( 41 ) และ ลูกๆ ไปเยี่ยม ทามะคัทสึระ (48 )
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน คาโอรุ เข้าเยี่ยม ทามะคัทสึระ
หลังวันที่ 20 มกราคม คาโอรุไปพบบุตรชายคนที่ 3 ของ ทามะคัทสึระ และมีงานสังสรรค์ชมดอกเหมยแดงต่อที่คฤหาสน์ของคามะคัทสึระนั่นเอง
เดือนมีนาคม คุโรโดะ โนะ โชโช (บุตรชายคนที่ 6 ของยูงิริ) ลอบแอบมองบุตรีทั้งสองของทามะคัทสึระเล่นโกะ ด้วยคุโรโดะ โนะ โชโช เฝ้าหมายปองหลงรักบุตรสาวคนโตของทามะคัทสึระอยู่
วันที่ 9 เดือนเมษายน บุตรสาวคนโตของทามะคัทสึระอภิเษกกับ อดีตจักรพรรดิเรย์เซย์ ( บุตรชายลับๆของเกนจิกับมารดาเลี้ยง พระชายาฟุจิทสึโบะ ) คุโรโดะ โนะ โชโช ซอกช้ำกับความรักที่ไม่สมหวัง
เดือนกรกฎาคม บุตรสาวคนโตของทามะคัทสึระตั้งครรภ์
16 ปี
วันที่ 14 มกราคม มีการจัดพิธีสวดมนต์โดยคณะชายล้วน และ การแสดงบรรสังคึต เบื้องหน้าพระพักตร์อดีตจักรพรรดิเรย์เซย์
เดือนเมษายน บุตรสาวคนโตของทามะคัทสึระคลอดบุตรออกมาเป็นหญิง
บุตรสาวคนรองของทามะคัทสึระเข้ารับราชการในตำหนักใน
42.นิโออุ มิยะ องค์ชายนิโออุ พระสุคนธ์กรุ่นกำจาย
ทั้งองค์ชายนิโออุ และ คาโอรุ ต่างเป็นคู่คนหนุ่มรูปงามแห่งยุค มักจะแข่งขันประชันกันและกันอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นสหายกันด้วย ด้วยคาโอรุนั้น มีกลิ่นกายหอมติดตัวมาแต่กำเนิด องค์ชายนิโออุจึงมักจะแข่งขันประชันด้วยการอบร่ำเครื่องทรงด้วยเครื่องหอมเพราะจะได้มีกลิ่นหอมเทียบเทียมกับ คาโอรุ จนได้รับขนามนามว่า นิโออุ
19 ปี
คาโอรุได้รับการเลื่อนเป็นขุนนางระดับ 3 และได้ยศ ไซโชโนะจูโจ
20 ปี
ยูงิริจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่คฤหาสน์โรคุโจ
45.ฮะชิฮิเมะ เทพธิดาแห่งสะพานอุจิ
22 ปี
ปลายฤดูใบไม้ร่วง ฮะจิโนะมิยะ (องค์ชายแปด) ผู้พำนักที่อุจิ ออกจากคฤหาสน์ไปจำศีล คาโอรุเดินทางไปหาฮะจิโนะมิยะ เสมอๆ เพื่อศึกษาพระธรรม คราวนี้จึงสวนทางไม่ได้พบกัน แต่คาโอรุกลับได้เห็นโฉมของบุตรีทั้ง 2 ของฮะจิโนะมิยะ โออิงิมิ (24) และ นาคาโนะคิมิ (22) เพราะเขาได้ยินเสียงบิวะและโคะโตะบรรเลงเพลงอย่างเพราะพริ้ง จึงลอบแอบมอง
ในคืนนั้น เขาได้ฟังความลับจาก เบน หญิงชราบ่าวของฮะจิโนะมิยะ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ โคะจิจู บ่าวของพระธิดาอนนะซังโนะมิยะ เบนรู้ความจริงเพราะก่อนตาย คะชิวะงิ เล่าความจริงให้นางฟัง
คาโอรุกลับไปยังเมืองหลวง เขาเล่าเรื่องสาวงามแห่งอุจิให้องค์ชายนิโออุฟัง
วันที่ 5 หรือ 6 ของเดือนตุลาคม เขาไปเยี่มฮะจิโนะมิยะ และได้เล่นดนตรีร่วมกัน เบนเล่าความลับเรื่องชาติกำเนิดของคาโอรุทั้งหมดให้ให้คาโอรุฟัง
46.ชิอิ งะ โมะโตะ ไม้ใหญ่ตายจาก
23 ปี
20 กุมพาพันธ์ องค์ชายนิโออุ เสร็จไปไหว้พระที่วัดฮะเสะเดระ ขากลับทรงแวะพักผ่อนที่อุจิ
คาโอรุแวะเยี่มฮะจิโนะมิยะ
องค์ชายนิโออุ ส่งสาสน์เกี้ยวถึงนาคาโนะมิยะ 2 ครั้ง
ฤดูใบไม้ร่วง คาโอรุเลื่อนเป็น จูนะกอน ,โควไบ ( บุตรชายของโทโนะจูโจ ) ควบตำแหน่ง อุไดจิน และ สะไดโช , บุตรชายคนที่ 6 ของยูงิริ เลื่อนเป็น ไซโชโนะจูโจ
กลางฤดูใบไม้ร่วง ฮะจิโนะมิยะออกไปถือศีล
หลังวันที่ 20 เดือนสิงหาคม ฮะจิโนะมิยะ ตาย
ฤดูหนาว องค์ชานนิโออุ ไปเยือนอุจิบ่อยครั้งมาก
ปลายปี คาโอรุ ไปอุจิ และสารภาพรักกับโออิงิมิ
43.โควไบ เหมยแดง
24 ปี
ฤดูใบไม้ผลิ บุตรสาวคนโตของโควไบเข้าถวายตัวเป็นพระชายาในมกุฎราชกุมาร
46.ชิอิ งะ โมะโตะ ไม้ใหญ่ตายจาก
คฤหาสน์ของพระธิดาอนนะซังโนะมิยะ ที่ซันโจถูกเพลิงไหม้ นางย้ายมาพำนักที่คฤหาสน์โรคุโจ
49.ยะโดะริงิ เถาไม้เลื้อย
พระมารดาของพระธิดาองค์ที่ 2 ในจักรพรรดิรัชกาลปัจจุบันสิ้น พิธีโมะงิของของพระธิดาองค์ที่ 2จึงเลื่อนออกไป
จักรพรรดิ ยกพระธิดาองค์ที่ 2 ให้อภิเษกกับ คาโอรุ
47.อะเงะมะกิ ปมรัก
ฤดูใบไม้ร่วง ครบรอบวันตายของฮะจิโนะมิยะ คาโอรุพยายามเข้าหา โออิงิมิ เพื่อรวบรัดความสัมพันธ์ แต่นางก็หลบเลี่ยงไปได้
28 เดือนสิงหาคม คาโอรุและองค์ชายนิโออุ เยือนอุจิ โดยวางแผนรวบรัดสามงามทั้งสองคน โออิงิมิหลบเลี่ยงคาโอรุสำเร็จอีกครั้ง ทว่านาคาโนะคิมิตกเป็นขององค์ชายนิโออุ
วันที่ 1 เดือนตุลาคม คาโอรุและองค์ชายนิโออุ เยือนอุจิเพื่อชมใบไม้แดง แต่ด้วยความจำเป็นองค์ชายนิโออุ จึงไม่สามารถแวะไปพบกับนาคาโนะคิมิได้
มีการเจรจาเรื่องงานอภิเษกระหว่างธิดาคนที่ 6 ของยูงิริ กับ องค์ชานนิโออุ จักรพรรดินี ทรงดัดนิสัยเจ้าชู้ไปทั่วขององค์ชายนิโออุด้วยการสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ในวัง
โออิงิมิล้มป่วยด้วยความเป็นห่วงอนาคตของนาคาโนะคิมิ น้องสาว คาโอรุรุดไปเยี่ยมไข้นาง
เดือนพฤศจิกายน นาคาโนะคิมิ เศร้าโศกเสียใจ และคิดว่า องค์ชายนิโออุได้ตัวนางแล้วกลับทิ้งขว้างไม่ใยดี
คาโอรุไปเฝ้าไข้ โออิงิมิที่อาการทรุดหนักเพราะเป็นห่วงนาคาโนะคิมิ อีกครั้ง เขาพำนักอยู่ที่อุจิในช่วงนั้นโดยไม่กลับเมืองหลวง
โออิงิมิตาย มีการจัดงานศพ คาโอรุยังคงอยู่ที่อุจิ ยุ่งกับการจัดพิธีกรรมทางศาสนา และ ศึกษาพระธรรม
เดือนธันวาคม องค์ชายนิโออุ เสด็จเยือนอุจิ เขาเตรียมพาตัวนาคาโนะคิมิ ไปพำนักในฐานะภรรยาที่ตำหนักนิโจ ( มุราซากิ มอบ คฤหาสน์ นิโจ ที่เกนจิเลี้ยงดูนางมาที่นั่น เป็นมรดกให้ องค์ชานนิโออุ ผู้เป็นหลานชายคนโปรด )
48.สะวะระบิ ยอดเฟิร์น
25 ปี
วันที่ 7 กุมพาพันธ์ นาคาโนะคิมิย้ายไปอาศัยที่ตำหนักนิโจ
หลังวันที่ 20 เดือนกุมพาพันธ์ โรคุโนะคิมิ ( บุตรีคนที่ 6 ของ ยูงิริ ) เข้าพิธีโมะงิ
คาโอรุย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ที่สร้างขึ้นใหม่หลังเพลิงไหม้แถบซันโจ
เดือนพฤษภา นาคาโนะคิมิ ตั้งครรภ์
วันที่ 16 เดือนสิงหาคม องค์ชายนิโออุ อภิเษกกับ โรคุโนะคิมิ
นาคานะคิมิช้ำใจจากความเจ้าชู้ขององคฺชายนิโออุ อ้อนวอนให้คาโอรุพานางกลับอุจิ องค์ชายนิโออุแคลงใจในความสัมพันธ์ระหว่างคาโอรุกับนาคาโนะคิมิ
คาโอรุเข้าเยี่ยม นาคาโนะคิมิ นางเปิดเผยกับคาโอรุเป็นครั้งแรกว่า มีน้องสาวต่างมารดา 1 คน นามว่า อุกิฟุเนะ
หลังวันที่ 20 เดือนกันยายน คาโอรุไปที่อุจิ และตั้งใจจะดัดแปลงคฤหาสน์ของฮะจิโนะมิยะให้เป็นวัด เขาถามเบนถึงเรื่องอุกิฟุเนะ
คาโอรุส่งใบไม้แดงจากอุจิให้นาคาโนะคิมิ นิโออุยิ่งระแวงสงสัยมากขึ้น
26 ปี
วันที่ 1 กุมพาพันธ์ คาโอรุได้ควบตำแหน่ง กอนไดนะกอน และอุไดโช นาคาโนะคิมิคลอดบตรชายของ องค์ชายนิโออุ
หลังวันที่ 20 เดือนกุมพาพันธ์ พระธิดาองค์ที่ 2 เข้าพิธีโมงิ และ อภิเษกกับคาโอรุ ในวันถัดมา
วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม พระธิดาองค์ที่ 2 ทรงจัดงานเลี้ยงชมดอกฟุจิที่ตำหนักฟุจิทสึโบะ และย้ายเข้าพำนักในคฤหาสน์ของคาโอรุที่ถนนซันโจ
หลังวันที่ 20 เดือนเมษายน คาโอรุไปอุจิเพื่อดูความคืบหน้าของวัดแห่งใหม่ อุกิฟุเนะถึงอุจิ หลังจากกลับจากไปไหว้พระที่วัดฮาเสะเดระ คาโอรุ ลอบมองนาง
50.อะซุมะยะ กระท่อมน้อย
งานแต่งงานระหว่าง อุกิฟุเนะ กับ ขุนนางยศโชโช คนหนึ่ง ถูกล้มเลิกไป
มารดาของอุกุฟุเนะ ขอร้องให้ นาคาโนะคิมิ อุปถัมป์ดูแลอุกิฟุเนะ นาคาโนะคิมิตั้งใจจะยกอุกิฟุเนะให้คาโอรุ องค์ชายนิโออุเกิดพบกับอุกิฟุเนะ และตามเกี้ยวนาง
ฤดูใบไม้ร่วง วัดที่อุจิได้สร้างเสร็จสมบรูณ์ คาโอรุไปนั่น และขอให้เบนเป็นแม่สื่อให้เขากับอุกิฟุเนะ
วันที่ 13 เดือนกันยายน คาโอรุรับตัวอุกิฟุเนะจากตำหนักนิโจไปที่อุจิ
51.อุกิฟุเนะ เรือน้อยลอยเคว้งบนเกลียวคลื่น
27 ปี
ปลายเดือนมกราคม องค์ชายนิโออุตามอุกิฟุเนะไปที่อุจิ และหลับนอนกับนางโดยแสร้งว่าเขาคือคาโอรุ
คาโอรุเตรียมจะพาอุกิฟุเนะไปเมืองอื่นภายในเดือนเมษายน
ราววันที่ 10 เดือนกุมพาพันธ์ มีการประมวลโคลงกลอนจีนที่พระราชวัง วันต่อมา องค์ชายนิโออุไปที่อุจิ แล้วอยู่กับอุกิฟุเนะที่นั่น 2 วันในคฤหาสน์ของตนที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำอุจิ เขาพยายามจะพานางไปที่น้ำหนักของเขาในเมืองหลวงก่อนที่คาโอรุจะพานางไปต่างเมือง คาโอรุจับได้ว่า จึงวางกำลังเฝ้าป้องกันไม่ให้องค์นิโออุลอบเข้าหาอุกิฟุเนะได้อีก
อุกิฟุเนะสันสนเสียใจที่ต้องอยู่ท่ามกลางการแย่งชิงกันระหว่างชายสองคน นางตัดสินใจกระโดดแม่น้ำอุจิ หวังฆ่าตัวตาย
นิโออุหมายจะไปหาอุกิฟุเนะที่อุจิ แต่ถูกขัดขวางจากคนของคาโอรุ
52.คะเงะโรว ชีวิตแสนสั้น
อุกิฟุเนะหายสาบสูญไป มีการจัดพิธีศพโดยไร้ร่าง
53.เทะนะไร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
สาธุคุณ โยคาวะ ไปธุดงค์ที่อุจิ แล้วพบหญิงสาวนอนสลบอยู่ใต้ต้นไม้ริมแม่น้ำอุจิ เขาช่วยชีวิตนางแล้วพานางไปอาศัยกับมารดาของเขาที่โอโนะ ตีนเขาฮิเอย์
52.คะเงะโรว ชีวิตแสนสั้น
คาโอรุและนิโออุทราบเรื่องอุกิฟุเนะฆ่าตัวตาย ต่างคนต่างไว้ทุกข์ให้นาง
คาโอรุจัดทำบุญครบรอบ 49 วันให้นาง
จักรพรรดินีจัดงานบุญใหญ่ที่คฤหาสน์โรคุโจ
53.เทะนะไร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
วันที่ 4 เดือนพฤษภาคม มีการปัดเป่าวิญญาณร้ายออกจากร่างอุกิฟุเนะ นางเริ่มรู้สึกตัวมีสติขึ้นมา
ฤดูใบไม้ร่วง ขุนนางตำแหน่ง จูโจ คนนึง ที่เคยแต่งงานกับลูกสาวที่ล่วงลับของน้องสาว ( บวชเป็นชี ) ของสาธุคุณ โยคาวะ มาที่โอโนะ และได้เห็นอุกิฟุเนะ เขาตามเกี้ยวพานาง แต่นางหลบเลี่ยงไม่พบหน้า
เดือนกันยายน อุกิฟุเนะ สิ้นหวังและ ต้องการมีอิสระ พ้นจากเรื่องทางโลก นางออกบวชเป็นชี
สาธุคุณ โยคาวะ บอกเล่าเรื่อง อุกิฟุเนะ ให้จักรพรรดินีฟัง
28 ปี
คาโอรุจัดทำบุญครบรอบวัน (ที่คาดว่า) อุกิฟุเนะตาย
54.ยุเมะ โนะ อุกิฮะชิ สะพานผ่านฝัน
จักรพรรดินีบอกคาโอรุว่า อุกิฟุเนะยังมีชีวิตอยู่ คาโอรุเดินทางไป โยคาวะ ตามที่ท่านสาธุคุณบอกไว้ ว่า อุกิฟุเนะ อยู่ที่นั่น
คาโอรุตามหาจนเจออุกิฟุเนะ เขาส่งสาส์นให้นาง แล้วกลับสู่เมืองหลวง วันต่อมาให้น้องชายต่างบิดาของนางส่งสาส์นให้นาง แต่อุกิฟุเนะปฏิเสธที่จะพบหน้าน้องชาย และไม่ยอมตอบสาส์นของคาโอรุด้วย เด็กชายกลับเมืองหลวงไปมือเปล่า ยังความโศกเศร้าให้คาโอรุเป็นอย่างยิ่ง
จบบริบรูณ์
แผนภูมิความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องตำนานเก็นจิตั้งแต่บทที่ 1 ถึง 41
โดย john.r.wallace[ 6]
ต้นฉบับคะวะจิ-บอง ที่เก่าแก่ที่สุดในปัจจุบัน
ปัจจุบันไม่มีต้นฉบับที่เขียนด้วยมือของ มุราซากิ ชิคิบุ หลงเหลืออยู่แล้ว ตำนานเกนจิ เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ข้าราชสำนักในพระราชวังของเฮอันเคียวในเวลาที่มุราซากิ ชิคิบุ เขียนอยู่ และมีการคัดลอกต้นฉบับออกมาอย่างกว้างขวาง
ราว 200 ปีต่อมา ต้นยุคคะมะคุระ ( Kamakura ) ศตวรรษที่ 13 กวีชื่อ ฟุจิวาระ โนะ เทย์กะ ( Fukiwara no Teika ) ได้จัดรวบรวมเนื้อหาทั้ง 54 บทจากต้นฉบับที่กระจัดกระจายหลายชิ้น แล้วเรียกว่า อะโอะเบียวชิ-บอง ( Aobyoshi-Bon หนังสือปกสีฟ้า) โดยเรียกชื่อจากสีของปกหนังสือ
ตำนานเกนจิ ที่เราอ่านกันในปัจจุบันมาจากต้นฉบับที่ชื่อว่า โอะชิมะ-บอง ( Oshima-Bon) ซึ่งเป็นสายหนึ่งของ อะโอะเบียวชิ-บอง
กลางสมัยคามาคุระ ( กลางศตวรรษที่ 13 ) มินาโมโตะ โนะ มิทสึยุกิ ( Minamoto no Mitsuyuki ) และบุตรชายทำการสะสางต้นฉบับใหม่ รู้จักกันในนาม คะวะจิ-บอง ( Kawachi-Bon ตำราคะวะจิ ) ต้นฉบับที่ทำใหม่นี้ นิยมอ่านกันอย่างกว้างขวางจนถึงกลางสมัยยุคมุโระมะจิ ( Muromachi ปลายศตวรรษที่ 15 ) แต่ในที่สุดก็ค่อยๆสูญหายไป
ม้วนภาพตำนานเก็นจิ
ต้นฉบับในม้วนภาพตำนานเก็นจิ ภาพจากม้วนภาพตำนานเก็นจิ ตอน โยะโมะงิอุ จาก พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตคุกาวะ
ม้วนภาพ หรือ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า เอะมะกิ (絵巻 emaki) ของตำนานเกนจินั้น เริ่มวาดกันขึ้นมาตั้งแต่ปลายยุคเฮอัน ( ราว ต้นคตวรรษที่ 12 ) เป็นม้วนภาพตำนานเก็นจิที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในญี่ปุ่น ปัจจุบัน 15 ภาพ และมีหน้าต้นฉบับตัวหนังสือ 28 แผ่น ประกอบด้วยร้อยแก้วจาก จากบท โยะโมะงิอุ เซะกิยะ เอะอะวะเสะ คะชิวะงิ โยโคบุเอะ ทาเคะคะวา ฮะชิฮิเมะ สะวะระบิ ยะโดะริงิ และ อะซุมะยะ เก็บรักษาอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตคุกาวะ ( Tokugawa Art Museum ) และอีก 4 ภาพ และมีหน้าต้นฉบับตัวหนังสือ 9 แผ่น ประกอบด้วยร้อยแก้วจาก จากบท สุซุมุชิ ยูงิริ และ มิโนะริ เก็บรักษาอยู่ใน คลังพิพิธภัณฑ์โกโต ( Gotoh Museum House ) แต่ละชิ้นล้วนแต่ถือเป็นสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่น คาดกันว่าม้วนภาพตำนานเก็นจิที่สมบรูณ์จะประกอบด้วยม้วนภาพราว 10 ม้วนจึงจะครอบคลุมทั้ง 54 บท
ตำนานเก็นจิกับสื่อต่างๆ
หนังสือฉบับแปลภาษาอังกฤษ
1. Tale of Genji (PAP) -US-
Shikibu, Lady Murasaki / Suematsu, Kencho (TRN) / Publisher:Tuttle Pub Published 2006/11
2. The Tale of Genji (HRD) -US-
Amano, Yoshitaka / Publisher:Dh Pr Published 2006/08
3. Tale of Genji (Seidensticker) ( ) -KI-
Shikibu, Murasaki / Publisher:Tuttle Publishing Published 1976/01 SGD80.25
4. Murasaki Shikibu : The Tale of Genji (Landmarks of World Literature) (PAP) 2ND Edition -US-
Bowring, Richard / Publisher:Cambridge Univ Pr Published 2003/12
5. Tale of Genji (PAP) -US-
Murasaki Shikibu / Publisher:Random House Published 1978/08
ภาพยนตร์
Genji monogatari (1966) [4] กำกับโดย Kon Ichikawa
Sennen no koi - Hikaru Genji monogatari ( 2001 ) [5]
ละครเพลง
แสดงโดยคณะละครเพลงหญิงล้วน TakarazukaRevue ในประเทศญี่ปุ่น
Wonderful Sundays / The Tale of Genji 「素晴らしき日曜日」「源氏物語」 (1957) (Moon,+1957)
Lived in A Dream: The Tale of Genji / The Beauties! ( あさきゆめみし -源氏物語- / ザ・ビューティーズ!) Year: 2000 (Flower,+2000)
The Tale of Genji - Lived in a Dream II - ( 源氏物語 あさきゆめみしII ) Year: 2007
[6]
Floating Bridge of Dreams / Apasionado!! ( 夢の浮橋 / Apasionado!!) Year: 2008-2009
(Moon+2008-09)
ภาพยนตร์การ์ตูน
Murasaki Shikibu's Tale of Genji ( movie 1987-12-19 ) [7]
running time: 110 minutes
Genji Monogatari Sennenki (TV 2009-01-15) [8]
Fuji television
หนังสือการ์ตูน
ฉบับแปลไทย
ด้วยเมฆหมอกแห่งรัก ( 1-13 ) แปลเป็นภาษาไทยจาก การ์ตูนฉบับภาษาญี่ปุ่นเรื่อง asakiyumemishi[9] เขียนโดย ยามาโตะ วากิ (Yamato Waki ) โดยมีเค้าโครงเรื่องดัดแปลงจาก ตำนานเก็นจิ แปลโดย บัณธิต ประสิษฐานุวงษ์ จัดพิมพ์โดย บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน )
ตำนานรัก GENJI ( 1 ) [10] แปลเป็นภาษาไทยโดย พิมพ์ทรีย์ จาก การ์ตูนฉบับภาษาญี่ปุ่นเรื่อง Genji Monogatari เขียนโดย MIOU Serina โดยมีเค้าโครงเรื่องดัดแปลงจาก ตำนานเก็นจิ จัดพิมพ์โดย บริษัท บงกช พับลิชชิ่ง จำกัด
อ้างอิง
ศึกษาเพิ่มเติม
ดูเพิ่ม
บทในเรื่อง คูโมงากูเระ บทนี้มีเพียงชื่อบทเท่านั้น เป็นเพียงหน้าว่างเปล่า ไม่มีเนื้อหาภายใน แสดงถึงความตายของ ฮิกะรุ เก็นจิ
บทในเรื่อง ภาค อุจิจูโจ ตัวละครหลักในตำนานเก็นจิ ตัวละครหลักในอุจิจูโจ การดัดแปลง