สะพานทศมราชัน
สะพานทศมราชัน (อังกฤษ: Thotsamarachan Bridge; ชื่อเดิม: สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9) เป็นสะพานถนนประเภทสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร ในเส้นทางของทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก ดูแลโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นสะพานขึงเสาคู่แห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่คู่ขนานทางด้านท้ายน้ำของสะพานพระราม 9 มีขนาด 8 ช่องจราจร ความกว้างประมาณ 42 เมตร ถือเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างมากที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อใช้งานทดแทนสะพานพระราม 9 ที่จะปิดปรับปรุงภายหลังเปิดทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตกอย่างเต็มรูปแบบ และกระทรวงคมนาคมยังกำหนดให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566 และพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567 แต่เริ่มเปิดการจราจรเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 คาดว่าจะสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ได้อย่างมากวันละ 150,000 คัน ลักษณะของสะพานลักษณะโดยรวมสะพานแห่งนี้ออกแบบโดยบริษัท เอพซิลอน จำกัด เป็นสะพานประเภทสะพานขึงเสาคู่ (Double-Pylon Cable-Stayed Bridge) แห่งแรกของประเทศไทย ตามแนวคู่ขนานทางด้านท้ายน้ำของสะพานพระราม 9 มีขนาด 8 ช่องจราจร (แบ่งเป็นขาเข้าเมืองและขาออกเมืองฝั่งละ 4 ช่องจราจร) และมีความกว้างวัดจากขอบสะพานทั้ง 2 ฝั่งได้ประมาณ 42 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างมากที่สุดในประเทศไทย ตัวสะพานจะเริ่มยกระดับจากระดับชั้นที่ 2 ซึ่งสูงจากระดับพื้นดินประมาณ 10 เมตร ทำให้ผู้ใช้ทางสามารถวิ่งขึ้นและลงสะพานได้สะดวกมากขึ้น เพื่อลดการชะลอตัวสะสมในช่วงขาขึ้นสะพาน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับสะพานพระราม 9 โดยท้องสะพานมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ 41 เมตร และเสาขึงมีความสูง 87 เมตร เท่ากับสะพานพระราม 9 เดิม[1] ส่วนความยาวของสะพาน ช่วงกลางสะพานมีความยาว 450 เมตร และตัวสะพานมีความยาว 781.20 เมตร โดยมีจุดเริ่มต้นบริเวณเชิงลาดสะพานพระราม 9 ฝั่งธนบุรี ในพื้นที่แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปเชื่อมต่อกับทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร และบรรจบกับทางแยกต่างระดับบางโคล่ ในพื้นที่แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา เชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานครโดยตรง รวมระยะทางทั้งโครงการจำนวน 2 กิโลเมตร โดยมีการออกแบบตัวสะพานให้สอดคล้องและไม่โดดเด่นกว่าสะพานพระราม 9 เดิม[2] นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยยังจำลองสะพานเต็มรูปแบบเพื่อทดสอบความแข็งแรงของสะพานเมื่อถูกกระทำโดยแรงลม ซึ่งผลพบว่า สามารถรองรับแรงลมได้มากถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่าความแรงของพายุทอร์นาโด สะพานแห่งนี้จึงมีความมั่นคงและแข็งแรงอย่างมากในการรองรับแผ่นดินไหวหรือพายุ[3] การเฉลิมพระเกียรติกระทรวงคมนาคม ได้พิจารณาแล้วกำหนดให้สะพานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลทั้งหมด 2 โอกาส คือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ผู้ออกแบบจึงมีการออกแบบสะพานให้สื่อถึงพระองค์ในหลายส่วน ดังนี้
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า "ทศมราชัน" หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และจะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานด้วยพระองค์เอง ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ให้ตรงกับพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ[8] แต่ต่อมาได้เลื่อนออกไปตามสถานการณ์การก่อสร้างสะพาน ก่อนจะมีหมายกำหนดการออกมาในเวลาต่อมาว่าจะเสด็จมาทรงเปิดสะพานในวันที่ 14 ธันวาคม[9] สีไฟประดับสะพานภายหลังการก่อสร้างสะพานในด้านโครงสร้างและสถาปัตยกรรมได้เสร็จสิ้นลงตามสัญญาจ้างก่อสร้างหลักแล้ว ยังได้มีการประดับไฟเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่สะพานอีกด้วย โดยสามารถเปลี่ยนสีไฟไปตามเทศกาลต่าง ๆ ได้ โดยแต่ละสีมีความหมายดังนี้
ไฟประดับสะพานนี้เปิดให้ประชาชนได้ชมในเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ เริ่มจากวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งมีการเปิดไฟสีฟ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง[11] ประวัติการก่อสร้างสะพานทศมราชัน รับเหมาก่อสร้างโดยบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)[12] โดยมีการลงนามในสัญญารับเหมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2562[13] และเริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 ใช้เวลาการก่อสร้าง 1,170 วัน (ประมาณ 39 เดือน) ด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 6,636,192,131.80 บาท[14] โดยเริ่มลงเสาเข็มเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปีเดียวกัน[12] จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ได้ทำพิธีเทคอนกรีตจุดสุดท้ายเชื่อมต่อสะพานอย่างเป็นทางการ (Final Casting Ceremony) โดยศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี ทำให้โครงสร้างของสะพานขึงเชื่อมกัน 100% จากนั้นได้ทำการลาดยาง ตีเส้นผิวการจราจร เก็บรายละเอียดโครงสร้างเล็กน้อย รวมถึงการตกแต่งสถาปัตยกรรมเบื้องต้น เช่น การติดตั้งประติมากรรมพญานาค[15] จนแล้วเสร็จตามสัญญาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม[16] จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการทดสอบระบบสะพานส่วนต่าง ๆ[17] รวมถึงระบบไฟประดับสะพาน[18] อย่างไรก็ตาม สะพานแห่งนี้ยังขาดทางขึ้น-ลงทางฝั่งธนบุรี ซึ่งการก่อสร้างอยู่นอกเหนือจากสัญญาการก่อสร้างสะพาน และติดปัญหาการรื้อย้ายแนวท่อประปา และระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดจ่ายไฟฟ้าหล่อเลี้ยงให้กับพื้นที่ย่านใจกลางทางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร คือช่วงถนนสาทรถึงถนนสีลม ประกอบกับมีพื้นที่ทำงานที่จำกัด ต้องใช้ความระมัดระวังในการทำงาน ทำให้การก่อสร้างทางขึ้น-ลงสะพานล่าช้า[19] จึงยังไม่สามารถเปิดการจราจรบนสะพานได้ในทันที โดยมีการคาดการณ์ว่าจะเปิดการจราจรบนสะพานในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567[17] ก่อนที่ต่อมาจะเลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคม[20] เดือนกรกฎาคม เดือนตุลาคม[21] และเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ตามลำดับ[6] พิธีเปิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เวลา 17:25 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานทศมราชัน และทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของสะพาน[22] หลังจากนั้นมีมหกรรม "สุขเต็มสิบ" ประกอบด้วยมหกรรมเฉลิมฉลองบนสะพานเมื่อวันที่ 10–19 มกราคม พ.ศ. 2568[23] และมหกรรมการเดินวิ่งเมื่อวันที่ 26 มกราคม[24] หลังจากนั้นจึงเปิดให้รถสัญจรเป็นส่วนแรกของทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก เฉพาะขาเข้าจากด่านสุขสวัสดิ์ถึงทางแยกต่างระดับบางโคล่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 09:09 น. โดยมีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานปล่อยรถคันแรกขึ้นไปจราจรบนสะพานจากด่านสุขสวัสดิ์ ซึ่งการเปิดสะพานทศมราชันในช่วงแรกจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงผ่านตัวสะพาน แต่ยังเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางที่ด่านบางโคล่ที่ 50 บาทตามเดิม[25] หลังจากนั้นเมื่อการก่อสร้างทางพิเศษตลอดสายเสร็จสิ้น จะเปิดทางพิเศษตลอดสายอย่างเต็มรูปแบบภายในปลายปีเดียวกัน และเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงผ่านตัวสะพานที่ 30 บาท ก่อนปิดปรับปรุงสะพานพระราม 9 ครั้งใหญ่ต่อไป[26] กิจกรรมLuck Lock Love รักล้นสะพานการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเปิดสะพานทศมราชัน เพื่อจัดกิจกรรม "Luck Lock Love รักล้นสะพาน" ขึ้น ในระหว่างวันที่ 14–18 และ 23–25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เพื่อฉลองเทศกาลวันวาเลนไทน์ และเฉลิมฉลองครบรอบ 111 ปีของกระทรวงคมนาคม โดยมีกิจกรรมหลักคือการจดทะเบียนสมรสให้กับคู่รักที่ลงทะเบียนล่วงหน้าจำนวน 111 คู่ ตามจำนวนปีครบรอบของกระทรวงคมนาคม[27] ซึ่งในวันแรกที่มีการจัดกิจกรรม มีคู่รักมาจดทะเบียนสมรสบนสะพานจำนวน 45 คู่[28] สุขเต็มสิบหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดสะพานทศมราชัน การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้จัดงาน "สุขเต็มสิบ" เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว โดยแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรม ดังนี้[29]
ข้อมูลทั่วไป
ระเบียงภาพ
ดูเพิ่มอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
13°40′55″N 100°31′05″E / 13.68201°N 100.51798°E
|
Portal di Ensiklopedia Dunia