ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน: ศึกชิงอัญมณีสีคราม
ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน: ศึกชิงอัญมณีสีคราม (ญี่ปุ่น: Detective Conan: The Fist of Blue Sapphire โรมาจิ: 名探偵コナン 紺青の拳 ทับศัพท์: Meitantei Conan: Konjō no Fisuto) เป็นยอดนักสืบจิ๋วโคนันเดอะมูฟวี่ลำดับที่ 23 และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชุดที่มีสถานที่เดินเรื่องหลักอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 ภาพยนตร์ทำรายได้ในญี่ปุ่น รวมทั้งสิ้น 9,3 พันล้านเยน หรือ 2,651 ล้านบาทไทย กลายเป็นภาพยนตร์ยอดนักสืบจิ๋วโคนันที่มีรายได้เป็นอันดับที่สามในประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดทั่วโลกเป็นอันดับ 2 รองจาก ปริศนาปราการ 5 แฉก ด้วยรายได้ 123 ล้านเหรียญ โดยมีรายได้เสริมจากการฉายแบบสี่มิติ และเป็นหนึ่งใน 20 อันดับภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ภาพยนตร์นี้เป็นภาพยนตร์ยอดนักสืบจิ๋วโคนันภาคสุดท้ายที่ฉายในยุคเฮเซ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ยุคเรวะ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้ นากาโอกะ ชิกะ เป็นผู้กำกับหญิงที่ทำเงินสูงสุดของญี่ปุ่น สำหรับในประเทศไทย ภาพยนตร์เข้าฉายเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 โดยฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ ซีเนม่า[4] ภาพยนตร์ทำรายได้รวมทั่วประเทศ 18 ล้านบาท ซึ่งมากที่สุดของการฉายภาพยนตร์จำกัดเครือเอสเอฟของโคนัน ตัวละครสำคัญตัวละครหลัก
ยอดนักสืบวัยประถมที่ตัวตนที่แท้จริงคือ นักเรียนชั้นมัธยมปลาย คุโด้ ชินอิจิ ที่ถูกองค์กรชายชุดดำจับกรอกยาพิษจนตัวหดเล็กลง จนเขาต้องคอยแก้ปริศนาต่าง ๆ มามากมายแทบจะทั่วญี่ปุ่น เพื่อหาทางไล่ล่าองค์กร และกลับคืนร่างเดิม ครั้งนี้ เขาถูกจอมโจรคิดลักพาตัวมาที่สิงคโปร์ พร้อมต้องปลอมแปลงตัวตนใหม่ ชื่อว่า อาเธอร์ ฮิราอิ เพื่อทำภารกิจสำคัญให้กับจอมโจรคิด
นักเรียนชั้นมัธยมปลายสาวผู้มากความสามารถในด้านคาราเต้ อดีตเพื่อนสมัยเด็กของคุโด้ ชินอิจิ ปัจจุบันคือแฟนสาวที่ตามเพื่อนสนิท ซึซึกิ โซโนโกะ มาชมการแข่งขันคาราเต้ของรุ่นพี่ และแฟนอย่าง เคียวโงคุ มาโคโตะ ที่สิงคโปร์
อดีตตำรวจที่ลาออกมาทำงานเป็น นักสืบเอกชน พ่อของ โมริ รัน ที่ต้องมาเป็นผู้ปกครองให้กับ โคนัน และ คอยเป็นหุ่นเชิดสืบคดีต่าง ๆ ของโคนัน จนได้ชื่อเป็น โคโกโร่นิทรา มาครั้งนี้เขาตามมาสอดส่องพฤติกรรมของลูกสาวและมีบทบาทสำคัญต่อการไขปริศนาครั้งนี้ด้วย
เพื่อนสนิทของโมริ รัน ที่คบมาตั้งแต่อนุบาล ทั้งคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด นักเรียนชั้นมัธยมปลายสาวเปิ่น จิตใจดี ทายาทมหาเศรษฐีอันดับต้นของญี่ปุ่น ผู้มีใจให้กับผู้ชายธรรมดาอย่าง เคียวโงคุ มาโคโตะ
กัปตันคาราเต้ของโรงเรียนไคโด้ สู้มา 400 นัดไม่เคยแพ้ จนได้รับฉายาว่า หมัดเทวดา แฟนหนุ่มของโซโนโกะ ที่พร้อมทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจต่อสู้เพื่อแฟนสาวในการแข่งขันคาราเต้
นักเรียนชั้นมัธยมปลายผู้มีความสามารถในการไขคดีต่าง ๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน ก่อนจะต้องกลายมาเป็นโคนัน ส่วนอีกคนเป็นจอมโจรที่ก่อคดีโจรกรรมต่าง ๆ มามากมาย โดยปิดบังตัวจริงว่าตัวเองเป็นลูกชายของ จอมโจรคิดรุ่นก่อน ครั้งนี้เขาเล็งเป้าหมายที่ "กำปั้นสีน้ำเงิน" ถึงสิงคโปร์ และเขาต้องการความช่วยเหลือจากโคนัน มากที่สุด
ตัวตนที่แท้จริง คือ มิยาโนะ ชิโฮะ หรือโค้ดเนม "เชอร์รี่" เธอตัดสินใจทรยศองค์กรโดยการกินยาแบบเดียวกับที่โคนันถูกจับกรอกให้ตัวหดเล็กลง เธอคอยทำหน้าที่ช่วยเหลือในการสืบสวนของโคนัน เธอมีความรู้สึกบางอย่างกับเขาแต่ต้องเก็บซ่อนไว้ เธอไม่ได้ไปสิงคโปร์ แต่จะคอยเป็นผู้ช่วยให้กับโคนันในการสืบคดีครั้งใหญ่นี้
หนึ่งในสมาชิกของขบวนการนักสืบเยาวชน เธอแอบชอบโคนันเพราะเห็นว่าเขาคอยช่วยเหลือเธอในยามลำบากอยู่เสมอ แต่คราวนี้มาเล่นกับไฮบาระและดร.อากาสะเท่านั้น
สมาชิกของขบวนการนักสืบเยาวชน ชื่นชอบการสืบสวน และชอบแย่งซีนสืบสวนแทนโคนันอยู่เสมอ ทำให้เกิดปัญหาอยู่หลายครั้ง แต่คราวนี้มาเล่นกับไฮบาระและดร.อากาสะเท่านั้น
หัวหน้าของขบวนการนักสืบเยาวชน และชอบกินข้าวหน้าปลาไหล เขาชอบรังแกและดูถูกโคนันบางเวลา แต่ก็รักเพื่อนทุกคน แต่คราวนี้มาเล่นกับไฮบาระและดร.อากาสะเท่านั้น
นักวิทยาศาสตร์เพื่อนบ้านของชินอิจิ คอยช่วยเหลือโคนันทุกๆเรื่อง ตั้งแต่เรื่องที่ชินอิจิกลายเป็นโคนัน เขาก็พยายามหายาแก้พิษด้วย นอกจากนี้เครื่องมือที่ช่วยเหลือโคนันในการคลี่คลายคดี และกลายเป็นผู้ปกครองคอยดูแลขบวนการนักสืบรุ่นจิ๋วระหว่างที่โคนันอยู่สิงคโปร์
ตำรวจที่ค่อนข้างเซ่อ มักจะตามไล่ล่าจับจอมโจรคิดเสมอและจะโดนจอมโจรคิดแหกตาทุกครั้งเวลาที่จอมโจรคิดโจรกรรม
อาจารย์ ทาเล้นท์ พิธีกร ที่มีตัวตนจริง ๆ จากญี่ปุ่นที่เดินทางมาสิงคโปร์เพื่อทำรายการแข่งขันคาราเต้ร่วมกับลิเลียน รอย ดาราไอดอลเด็กสาว
ดาราไอดอลเด็กสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นฝรั่งเศสที่เดินทางมาสิงคโปร์เพื่อทำรายการแข่งขันคาราเต้ ร่วมกับโอซามุ ฮายาชิ ผู้ถูกสังหารในตอนนี้
เพลงประกอบประจำภาค
บ็อกซ์ออฟฟิศ![]() ภาพยนตร์ขายบัตรได้ 313,724 ใบ และทำรายได้ 422,465,000 เยน ในวันเปิดตัวที่ญี่ปุ่น[8] ภาพยนตร์ติดอันดับแรกของบ็อกซ์ออฟฟิศญี่ปุ่นและทำรายได้ถึง 1.88 พันล้านเยน ในสัปดาห์แรกของการฉาย นับเป็นสถิติสูงสุดของชุดภาพยนตร์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน[9] ต่อมาในสัปดาห์ที่สอง ภาพยนตร์ขายบัตรได้ 678,000 ใบ ทำรายได้ ¥886 million รวมสองสัปดาห์แล้วภาพยนตร์ทำรายได้ถึง 3.58 พันล้านเยน[10] แต่ในสัปดาห์ที่สาม ภาพยนตร์ตกลงมาอยู่อันดับที่สอง เพราะถูกแซงโดย อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ที่เพิ่งเข้าฉาย ก่อนที่ในสัปดาห์ที่สี่ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน กลับขึ้นไปอยู่อันดับที่หนึ่งอีกครั้ง เอาชนะ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก และ โปเกมอน ยอดนักสืบพิคาชู ในสัปดาห์ที่ห้า ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ถูกแซงโดย ยอดนักสืบพิคาชู ในบ็อกซ์ออฟฟิศญี่ปุ่น ศึกชิงอัญมณีสีคราม ทำรายได้ในญี่ปุ่นรวมห้าสัปดาห์ทั้งสิ้น 7,951,036,700 เยน[11] ต่อมาในสัปดาห์ที่เจ็ด ภาพยนตร์ขายบัตรได้ทั้งสิ้น 6.71 ล้านใบ และทำรายได้รวมทั้งสิ้น 8,575,715,400 เยน[12] ต่อมาในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ภาพยนตร์ขายบัตรสะสมได้รวม 7.4 ล้านใบ และทำรายได้ทะลุ 9 พันล้านเยนที่ญี่ปุ่น[13] ต่อมาในวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 ภาพยนตร์ทำรายได้ในประเทศรวม 9.1 พันล้านเยน ทำให้เรื่องนี้ติด 1 ใน 50 อันดับแรกของภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในญี่ปุ่น[14] อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน แซงหน้า ปฏิบัติการสายลับเดอะซีโร่ ในต่างประเทศ ภาพยนตร์ทำรายได้มากเป็นอันดับที่สองของบ็อกซ์ออฟฟิศจีน รองจาก กระบี่เทพสังหาร[15] ภาพยนตร์ทำรายได้รวมในจีนทั้งสิ้น 32.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2019)[16] ในประเทศไทย ภาพยนตร์ทำรายได้ในวันเปิดตัวทั้งสิ้น 1.32 ล้านบาท ซึ่งมากเป็นอันดับที่สองของบ็อกซ์ออฟฟิศไทย รองจาก เร็ว..แรงทะลุนรก ฮ็อบส์ & ชอว์[17] ในประเทศอื่น ๆ ภาพยนตร์ทำรายได้ 1,728,708 ดอลลาร์สหรัฐในเกาหลีใต้และเวียดนาม[18] และทำรายได้ 65,812 ดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[19] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia