ฏอฆูต (อาหรับ : طاغوت พหุพจน์: เฏาะวาฆีต ความหมายโดยกว้าง: "ไปไกลเกินขอบเขต" หรือ ระบุเป็น "ความสูง" หรือ "จุดสูงสุด" มาจากคำว่า ฏอฆิยะฮ์ طاغية แปล. ทรราช) เป็นอภิธานศัพท์ศาสนาอิสลาม แสดงถึงการสักการะสิ่งอื่นใดนอกจากพระเจ้า ในเทววิทยาอิสลาม คำนี้มักใช้กับการบูชายัญเลือดแก่เทวรูป หรือมาร ของพวกนอกศาสนา[ 1]
ในปัจจุบัน คำนี้สามารถใช้กับอำนาจเผด็จการ ซึ่งมาจากซูเราะฮ์ อันนิซาอ์ อายะฮ์ที่ 60[ 2] นักปราชญ์อิสลาม สมัยใหม่ ซัยยิด อะบุล อะลา เมาดูดีย์ นิยาม ฏอฆูต ในตัฟซีร ของเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้แค่ก่อกบฎต่อพระเจ้าเท่านั้น แต่ได้ล่วงละเมิดเจตจำนงของตนเองด้วย[ 3] เนื่องจากการเชื่อมโยงเหล่านี้ ทำให้ในปัจจุบัน คำนี้ถูกใช้แก่คนหรือกลุ่มที่ต่อต้านอิสลามและตัวแทนของลัทธิจักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรม ตะวันตก ซึ่งใช้มาตั้งแต่การปฏิวัติอิหร่าน ของรูฮุลลอฮ์ โคมัยนี [ 2]
ศัพทมูลวิทยา
นักบูรพคดีศึกษาส่วนใหญ่กล่าวว่าคำนี้มาจากภาษาเอธิโอเปียว่า amlaka gebt หมายถึง แปลก, เทพต่างชาติ ที่ศาสดามุฮัมมัดตีความถึงรูปปั้นหรือ พระเจ้าปลอม [ 4]
หรือคำในภาษาอาหรับ มาจากรากสามอักษรของ ط-غ-ت ซึ่งหมายถึง "ข้ามขอบเขต, ล้ำเส้นขอบเขต" หรือ "ก่อกบฎ"[ 5]
ในอัลกุรอาน
คำว่า ฏอฆูต ปรากฎอยู่ในอัลกุรอาน 8 ครั้ง[ 2] ในอาระเบียก่อนการมาของอิสลาม อิงถึงเทพเจ้าของพวกนอกรีต เช่น อัลลาต และอัลอุซซา [ 6]
"เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์ดอกหรือ? โดยที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลญิบติ และอัฏ-ฏอฆูต และกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ว่า 'พวกเขาเหล่านี้แหละเป็นผู้อยู่ในทางที่เที่ยงตรงกว่าบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย"
—
กุรอาน ซูเราะฮ์ที่ 4 (อันนิซาอ์), อายะฮ์ที่ 51[ 7]
โองการนี้อิงจากเหตุการณ์จริงที่กลุ่มของผู้ปฏิเสธชาวมักกะฮ์ไปหาชาวยิวที่โดดเด่นสองคนเพื่อหารือถึงความจริงในคำสอนของมุฮัมมัด และกล่าวว่าพวกนอกรีตมีเส้นทางที่เที่ยงตรงกว่ามุสลิม[ 8]
"เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่อ้างตนว่าพวกเขาศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าและสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนเจ้าดอกหรือ ? โดยที่เขาเหล่านั้นต้องการที่จะให้การแก่อัฏฏอฆูต ทั้ง ๆ ที่พวกเขาถูกใช้ให้ปฏิเสธมันและชัยฏอนนั้นต้องการที่จะให้พวกเขาหลงทางที่ห่างไกล"
—
กุรอาน ซูเราะฮ์ที่ 4 (อันนิซาอ์), อายะฮ์ ที่ 60[ 9]
ฏอฆูต ในภาษาอาหรับมีความหมายหลากหลาย เพื่ออิงถึงรูปปั้น, ทรราชจำเพาะ, เทพยากรณ์ หรือศัตรูของท่านศาสดา[ 10] [ 11]
"บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น พวกเขาจะต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาจะต่อสู้ในทางของอัฎ-ฎอฆูต ดังนั้นพวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาสมุนของชัยฏอนเถิด แท้จริงอุบายของชัยฏอนนั้นเป็นสิ่งที่อ่อนแอ"
—
กุรอาน ซูเราะฮ์ที่ 4 (อันนิซาอ์), อายะฮ์ ที่ 76[ 12]
อีกครั้งที่คำว่า ฏอฆูต ใช้เจาะจงถึงมารที่พวกกุเรชบูชา[ 13]
"ไม่มีการบังคับใดๆ (ให้นับถือ) ในศาสนา อิสลาม แน่นอน ความถูกต้องนั้นได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัฎ-ฎอฆูต และศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้ว แน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว โดยไม่มีการขาดใด ๆ เกิดขึ้นแก่มัน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้"
—
กุรอาน ซูเราะฮ์ที่ 2 (อัลบะเกาะเราะฮ์), อายะฮ์ ที่ 256[ 14]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
↑ Nünlist, Tobias (2015). Dämonenglaube im Islam (ภาษาเยอรมัน). Walter de Gruyter. p. 210. ISBN 978-3-110-33168-4 .
↑ 2.0 2.1 2.2 Momen, Moojan. (1995). "Țāghūt". In John L. Esposito. The Oxford Encyclopedia of the Modern Islamic World . Oxford: Oxford University Press.
↑ Mawdudi, 1988, vol.1, pp.199-200
↑ Bellamy, James A. (2001). "Textual Criticism of the Koran". Journal of the American Oriental Society . 121 (1): 1–6. JSTOR 606724 .
↑ Mir, Mustansir (2007). Understanding the Islamic Scripture . New York: Pearson Longman. p. 55. ISBN 978-0-321-35573-7 .
↑ Fahd, T.; Stewart, F. H. (2012). "Ṭāg̲h̲ūt". ใน Bearman, P.; Bianquis, Th.; Bosworth, C. E.; van Donzel, E.; Heinrichs, W. P. (บ.ก.). Encyclopaedia of Islam (Second ed.). doi :10.1163/1573-3912_islam_COM_1147 . ISBN 9789004161214 , 1960-2007
↑ อัลกุรอาน 4:51
↑ See Abdel Haleem Oxford Translation p.87 notes
↑ อัลกุรอาน 4:60
↑ See Abdel Haleem Oxford Translation of the Qur'an p.89
↑ Abdel Haleem Oxford Translation p.91
↑ อัลกุรอาน 4:76
↑ Dr. Shmuel Bar Lebanese Hizballah – Political, Ideological and Organizational Highlights 29 October 2006 p. 6
↑ อัลกุรอาน 7:256