จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยารองศาสตราจารย์ จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตนักการเมืองและนักวิชาการชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา[1] อดีตเลขาธิการพระราชวัง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์[2] อดีตเลขาธิการและกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง[3][4] นายกสภาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์[5] และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประวัติรศ.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เกิดวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 เป็นบุตรของ นายจรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตองคมนตรี กับท่านผู้หญิงอรอวล อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล สำเร็จปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จาก London School of Economics (วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน) ประเทศอังกฤษ และปริญญาเอกจาก Australian National University ประเทศออสเตรเลีย สมรสกับ ท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ[6] การทำงานจิรายุ เริ่มต้นทำงานครั้งแรกในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ต่อมาได้ดำรงตำแหน่ง คณบดี คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายจิรายุได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2524 [7][8] ต่อมาได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สืบแทนนายอบ วสุรัตน์ ซึ่งลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2528 [9] และในรัฐบาลถัดมา ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2530 [10] และได้รับโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จนถึง 11 มีนาคม พ.ศ. 2561[6]ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง องคมนตรี นอกจากนี้ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ยังดำรงตำแหน่งเป็น ประธานกรรมการบริษัทและกรรมการกิจการสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนปูนซีเมนต์ไทย กรรมการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย [11] นายกสภาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง [12] กรรมการมูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา อดีตกรรมการ และประธานกรรมการสรรหา ค่าตอบแทน และบรรษัทภิบาล[13]ธนาคารไทยพาณิชย์[14]อดีตนายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) อดีตนายกสมาคมศูนย์วิชาการไทย – ออสเตรเลีย[15] กรณีเผาโรงงานแทนทาลัม ที่จังหวัดภูเก็ตในปี พ.ศ. 2529 ขณะนายจิรายุ ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (ครม.คณะที่ 43) มีการตั้งโรงงานถลุงแร่แทนทาลัมขึ้น ที่ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เกิดกระแสการต่อต้านโรงงานแทนทาลัมโดยเชื่อว่าจะก่อให้เกิดมลภาวะร้ายแรง กระแสต่อต้านลุกลามจนทำให้เกิดการชุมนุมประท้วง นายจิรายุ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปจังหวัดภูเก็ตเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ได้เกิดเหตุจลาจลขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2529 มีการเผาทำลายโรงงานแทนทาลัม[16] และลุกลามไปถึงโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลินที่ตั้งอยู่ในเมืองและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ถูกเผาทำลายเสียหายเกือบ 30 ล้านบาทจนต้องหยุดกิจการ 3 เดือน เนื่องจากมีข่าวลือว่า ดร.จิรายุซึ่งถือเป็นตัวแทนรัฐบาลที่สนับสนุนโรงงานแทนทาลัม มาพำนักอยู่ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน การถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยผู้อภิปรายอ้างสเตตเมนต์ปลอมเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2530 นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขณะดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (ครม.คณะที่ 44) ถูกฝ่ายค้าน นำโดยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หัวหน้าพรรคประชากรไทย ซึ่งถูกปรับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในรัฐบาลก่อนหน้า (ครม.คณะที่ 43) อภิปรายไม่ไว้วางใจ [9] นายสมัครอภิปรายกล่าวหาว่า นายจิรายุรับสินบน โดยนำสำเนาสเตตเมนต์ แสดงการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเฟิสต์ อินเตอร์สเตตในสหรัฐอเมริกา มาแสดงในสภา และอภิปรายว่ามีชื่อของนายจิรายุ เป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว ซึ่งมีรายการโอนเงินค่าสินบน เป็นจำนวนเงิน 92 ล้านบาท [17] นายจิรายุปฏิเสธว่าคำกล่าวหาของนายสมัครเป็นเท็จ และตนไม่เคยมีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา ต่อมาจากการตรวจสอบโดย คณะกรรมการวิสามัญตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พบว่าสเตตเมนต์ที่นายสมัครนำมาแสดงนั้นเป็นของปลอม และนายจิรายุไม่เคยมีบัญชีเงินฝากในธนาคารนั้น อย่างไรก็ตามไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ กับนายสมัคร เนื่องจากมีกฎหมายให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ [18] ต่อมานายสมัครได้ยอมรับว่า ได้นำเอกสารเท็จมาแสดงในการอภิปรายในครั้งนั้นจริง [19] หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจิรายุลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และรองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 และเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559 ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ให้นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพระราชวัง ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559 [10] เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ลำดับสาแหรก
อ้างอิง
![]() วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา
|
Portal di Ensiklopedia Dunia