เหตุกราดยิงที่โรงเรียนในเออเรอบรู พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เกิดเหตุกราดยิงที่ศูนย์การศึกษาผู้ใหญ่คัมปุสรีสแบร์ยสกาในเมืองเออเรอบรู ประเทศสวีเดน มีผู้เสียชีวิต 11 คน (รวมทั้งผู้ก่อเหตุ)[1][2] และมีผู้บาดเจ็บอีก 6 คน ขณะนี้การตำรวจสวีเดนและหน่วยความมั่นคงสวีเดนกำลังสืบสวนหาสาเหตุเบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว[2][3][4] อุล์ฟ คริสเตอช็อน นายกรัฐมนตรีสวีเดน ระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุกราดยิงหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ[2] ภูมิหลังคัมปุสรีสแบร์ยสกาเป็นค็อมวุกส์หรือศูนย์การศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ซึ่งมีนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษา ค็อมวุกส์นี้ตั้งอยู่ในเมืองเออเรอบรู ทางตอนกลางของประเทศสวีเดน โดยใช้พื้นที่วิทยาเขตกับสถาบันการศึกษาอื่น ๆ อีกหลายสถาบัน[3] ในขณะนั้นมีนักศึกษาผู้ใหญ่ประมาณ 2,000 คนลงทะเบียนเรียนในค็อมวุกส์ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย[5] การกราดยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 12:33 น. (ตามเวลายุโรปกลาง)[6] ครูสองคนในค็อมวุกส์บอกกับหนังสือพิมพ์ ดอเกินส์นีเฮียเตอร์ ว่าพวกเขาได้ยินเสียงปืนดังมาจากระเบียงทางเดิน ตามด้วยความเงียบนานครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็มีการเสียงปืนดังขึ้นอีก[7] เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 130 นายถูกส่งไปที่ค็อมวุกส์หลังจากเกิดเหตุกราดยิง[8] ทางการตำรวจระบุว่ายังมีเสียงปืนดังขึ้นในบริเวณที่เกิดเหตุระหว่างการเข้าตรวจค้น[9] ตำรวจไม่ได้เผชิญหน้ากับมือปืนซึ่งพวกเขาพบว่าเสียชีวิตหนึ่งชั่วโมงหลังจากการแจ้งเหตุในเบื้องต้น[10][1][11] Maria Pegado ครูคนหนึ่งในค็อมวุกส์เล่าว่าได้ยินเสียงปืนหลายนัดและเธอหนีออกไปทางโถงทางเดินกับนักศึกษา 15 คน[12] ส่วน Ingela Bäck Gustafsson ผู้อำนวยการค็อมวุกส์ กำลังรับประทานอาหารอยู่เมื่อมีนักศึกษาวิ่งกรูเข้ามาบอกให้ทุกคนอพยพหลบภัย เธอและคนอื่น ๆ จึงเข้าไปหลบในห้องพนักงานของ Myrorna ซึ่งเป็นร้านขายของมือสองในละแวกนั้น[13] Lena Warenmark ครูอีกคนในค็อมวุกส์เล่าว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุกราดยิงนั้น มีนักศึกษาอยู่ในอาคารน้อยกว่าปกติ เนื่องจากหลายคนกลับบ้านไปก่อนแล้วหลังจากสอบระดับชาติเสร็จ[2] การตำรวจสวีเดนระบุว่าผู้ก่อเหตุน่าจะลงมือเพียงลำพังและได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตในเหตุกราดยิงครั้งนี้[1][14] Roberto Eid Forest หัวหน้าตำรวจท้องถิ่นกล่าวว่าดูเหมือนว่ามือปืนจะฆ่าตัวตาย สแวริเยิสรอดิอูรายงานโดยอ้างการสืบสวนของตำรวจว่าอาวุธที่ใช้ในการกราดยิงครั้งนี้เป็นอาวุธปืนอัตโนมัติ[15] พบอาวุธปืน 3 กระบอก ปืนเล็กยาว 1 กระบอก ซองกระสุนเปล่า 10 ซอง และกระสุนจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้ตกอยู่ข้างร่างของเขา[16] อัฟต็อนบลอเดิต รายงานว่าอาวุธเหล่านั้นถูกขนเข้ามาในค็อมวุกส์โดยใส่กล่องกีตาร์ และมือปืนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอย่างทหารในห้องน้ำค็อมวุกส์ก่อนจะก่อเหตุยิง[17] หลังจากนั้นไม่นานตำรวจได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ[3] มีการส่งรถพยาบาลมาจากเทศมณฑลเซอเดอร์มันลันด์และเทศมณฑลเว็สต์มันด์ลันด์ที่อยู่ข้างเคียงเพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในเมืองเออเรอบรู ในขณะที่เทศมณฑลแวร์มลันด์ได้ส่งเลือดมาช่วย[18][19][20] นอกจากนี้ เทศมณฑลแวร์มลันด์และเทศมณฑลดอลานายังได้ส่งกำลังตำรวจมาเสริมด้วย[19][21] ความสูญเสียมีผู้เสียชีวิต 11 คนรวมทั้งผู้ก่อเหตุ ผู้บาดเจ็บ 6 คนได้รับการนำส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเออเรอบรู โดย 5 คนในจำนวนนี้บาดเจ็บจากกระสุนปืนและมีอาการสาหัส[22][2] ผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 7 คนและชาย 3 คน โดยมีอายุระหว่าง 28 ถึง 68 ปี[23] เจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายได้รับการรักษาหลังจากการสูดดมควัน แม้ว่าจะไม่มีรายงานเหตุไฟไหม้และเจ้าหน้าที่ไม่ทราบที่มาของควันดังกล่าวในทันที[22] มีรายงานว่าพลเมืองบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 1 คนเสียชีวิต ในขณะที่อีกคนบาดเจ็บ[8] ได้แก่อาสาสมัครหญิงซึ่งพบว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และภารโรงชายซึ่งบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต[24] เหยื่อชาวบอสเนียทั้งสองมาจากเมืองตุซลา[25] ชายคริสเตียนออร์ทอดอกซ์วัย 28 ปีจากซีเรียได้รับการยืนยันว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต เขาเดินทางมาถึงสวีเดนใน พ.ศ. 2558 หลังจากที่พ่อของเขาถูกกลุ่มรัฐอิสลามสังหาร[26] คาดว่าพลเมืองซีเรียคนอื่น ๆ อาจอยู่ในหมู่ผู้เสียชีวิตด้วย[8] ผู้ก่อเหตุในวันถัดจากวันเกิดเหตุ Rickard Andersson อายุ 35 ปี ถูกระบุว่าเป็นมือปืน[27][28][29] Andersson เคยเป็นนักศึกษาของคัมปุสรีสแบร์ยสกาและลาออกจากหลักสูตรล่าสุดใน พ.ศ. 2564[27] ตำรวจได้ปิดล้อมและบุกเข้าตรวจค้นที่พักของเขาในเออเรอบรู[2][30] สถานีโทรทัศน์เทียเวีย4 รายงานว่าชายคนดังกล่าวมีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนและไม่เคยต้องโทษทางอาญามาก่อน[31] นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเขาใช้ชีวิตแบบเก็บตัวและว่างงาน[32] ในช่วงแรกเกิดการคาดเดาในสื่อสังคมเกี่ยวกับตัวตนของผู้ก่อเหตุ ส่งผลให้บางคนถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ[33][34] ตำรวจจึงร้องขอให้ประชาชนอย่าเผยแพร่ข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน[1] ผลสืบเนื่องสถานศึกษาในบริเวณใกล้เคียงถูกสั่งปิดและตำรวจแจ้งให้ประชาชนอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ[7] เทศบาลเออเรอบรูได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือในภาวะวิกฤตที่โบสถ์แห่งหนึ่งเพื่อให้การสนับสนุนช่วยเหลือหลังเกิดเหตุกราดยิง[35][36] เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีซิลเวีย เสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองเออเรอบรูและวางดอกไม้ใกล้ที่เกิดเหตุกราดยิง[37] Petra Lundh ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า "ตำรวจมีเหตุผลที่จะต้องทบทวนขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติในการจัดการกับใบอนุญาตอาวุธ"[38] เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายกรัฐมนตรีอุล์ฟ คริสเตอช็อน ได้เชิญผู้นำพรรคการเมืองทั้งหมดในรัฐสภาสวีเดนเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีการยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุกราดยิง 1 นาที[39] อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia