เฟรนส์
เฟรนส์ (อังกฤษ: Friends) เป็นละครซิตคอมสัญชาติอเมริกัน สร้างโดยเดวิด เครน และมาร์ทา คอฟฟ์แมน ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1994 ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 ยาวนาน 10 ฤดูกาล มีนักแสดงหลักได้แก่ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน คอร์ตนีย์ ค็อกซ์ ลิซา คูโดรว์ แมตต์ เลอบลังก์ แมตธิว เพร์รี และเดวิด ชวิมเมอร์ ละครเล่าเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนอายุ 20-30 ปี จำนวน 6 คน อาศัยอยู่ในย่านแมนฮัตตัน ซีรีส์ผลิตโดยไบรต์/คอฟฟ์แมน/เครนโปรดักชันส์ ร่วมกับวอร์เนอร์บราเธอส์เทเลวิชัน โปรดิวเซอร์หลักชุดแรกได้แก่ เควิน เอส. ไบรต์ มาร์ทา คอฟฟ์แมน และเดวิด เครน คอฟฟ์แมนและเครนเริ่มพัฒนาซีรีส์ เฟรนส์ ในชื่อ อิมซอมเนียคาเฟ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ค.ศ. 1993 พวกเขานำเสนอแนวคิดนี้แก่ไบรต์ และส่งตัวอย่างบทยาวเจ็ดหน้ากระดาษให้ช่องเอ็นบีซี หลังจากปรับบทใหม่หลายครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อเป็น ซิกส์ออฟวัน[1] และ เฟรนส์ไลก์อัส สุดท้ายแล้วซีรีส์เปลี่ยนชื่อเป็น เฟรนส์[2] ซีรีส์ถ่ายทำที่วอร์เนอร์บราเธอส์สตูดิโอส์ในเบอร์แบงก์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เรตติงของซีรีส์ เฟรนส์ จำนวนสิบฤดูกาลติดสิบอันดับแรกจากการจัดอันดับรายการโทรทัศน์ และขึ้นสูงสุดอันดับที่ 1 ในฤดูกาลที่แปด ตอนสุดท้ายออกอากาศวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 มีผู้ชมชาวอเมริกันประมาณ 52.5 ล้านคน ติดหนึ่งในห้าซีรีส์ตอนสุดท้ายที่มีคนชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์[3][4][5] และเป็นตอนที่มีผู้ชมมากที่สุดในคริสต์ทศวรรษ 2000[6][7] เฟรนส์ ได้รับคำชื่นชมตลอดเวลาออกอากาศ กลายเป็นหนึ่งในรายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมที่สุดตลอดกาล[8] ซีรีส์ได้เข้าชิงรางวัลไพรม์ไทม์เอ็มมีอะวอดส์ 62 รางวัล ในปี ค.ศ. 2002 ฤดูกาลที่แปดได้รับรางวัลซีรีส์ตลกโดดเด่น (Outstanding Comedy Series) รายการติดอันดับ 21 ในรายชื่อ 50 รายการโทรทัศน์ยอดเยี่ยมตลอดกาลจัดโดยทีวีไกด์[9] และติดอันดับ 7 ในรายชื่อ 50 รายการโทรทัศน์ยอดเยี่ยมตลอดกาลจัดโดยนิตยสารเอ็มไพร์[10][11] ในปี ค.ศ. 1997 ตอน "The One with the Prom Video" ติดอันดับ 100 ในรายชื่อ 100 ตอนยอดเยี่ยมตลอดกาลจัดโดยทีวีไกด์[12] ในปี ค.ศ. 2013 เฟรนส์ ติดอันดับ 24 ในรายชื่อ 101 ซีรีส์โทรทัศน์ยอดเยี่ยมตลอดกาลจัดโดยสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา[13] และติดอันดับ 28 ในรายชื่อ 60 รายการโทรทัศน์ยอดเยี่ยมตลอดกาลจัดโดยทีวีไกด์[14] บทนำเรื่องเรเชล กรีน หนีจากงานสมรสและตามหาเพื่อนสมัยเรียน มอนิกา เกลเลอร์ แม่ครัวที่นครนิวยอร์ก พวกเขากลายเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน และเรเชลได้เป็นหนึ่งในคนโสดในหมู่เพื่อนวัยยี่สิบปีกลาง ๆ ได้แก่ โจอี ทริบเบียนี นักแสดงตกอับ แชนด์เลอร์ บิง นักธุรกิจ ฟีบี บุฟเฟย์ หมอนวดและนักดนตรี และรอสส์ เกลเกอร์ พ่อหม้ายนักบรรพชีวินวิทยาและเป็นพี่ชายของมอนิกา เรเชลทำงานเป็นบริกรหญิงที่ร้านกาแฟเซนทรัลเพิร์กในย่านแมนฮัตตันเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ และเพื่อน ๆ มักไปรวมตัวกันที่ร้านกาแฟแห่งนั้น หากไม่อยู่ที่นั้น พวกเขาหกคนมักจะอยู่ที่ห้องพักของมอนิกาและเรเชลที่ย่านเวสต์วิลเลจ หรือห้องพักของโจอีและแชนด์เลอร์ที่อยู่ตรงข้าม แต่ละตอนจะเล่าเกี่ยวกับการผจญภัยและปัญหาการงานเชิงตลกขบขันและโรแมนติกของผองเพื่อน เช่น โจอีเข้ารับการคัดเลือกนักแสดง และเรเชลมองหางานเกี่ยวกับแฟชัน ตัวละครหกคนคบหาและมีความสัมพันธ์รักใคร่จริงจังหลายครั้ง เช่น มอนิกากับริชาร์ด เบิร์ก และรอสส์กับเอมิลี วอลต์แฮม รอสส์และเรเชลมีความสัมพันธ์แบบรัก ๆ เลิก ๆ ตลอดทั้งเรื่อง รอสส์สมรสกับเอมิลีในช่วงสั้น ๆ เขามีบุตรกับเรเชลหนึ่งคน แชนด์เลอร์และมอนิกาคบกันและสมรสกัน ขณะที่ฟีบีสมรสกับไมก์ ฮันนิแกน ตัวละครบทบาทรองคนอื่น ๆ ได้แก่ บิดามารดาของรอสส์และมอนิกาอาศัยในลองไอส์แลนด์ อดีตภรรยาและบุตรของรอสส์ กุนเทอร์ บาริสตาประจำร้านเซนทรัลเพิร์ก เจนิซ คนรักเก่าของแชนด์เลอร์ และเออร์ซูลา พี่สาวฝาแฝดของฟีบี ตัวละครหลัก
ตามสัญญาเดิม ในฤดูกาลแรก เหล่านักแสดงหลักจะได้ค่าจ้าง 22,500 ดอลลาร์ต่อตอน[23] ในฤดูกาลที่สอง เหล่านักแสดงได้รับค่าจ้างไม่เท่ากัน เริ่มตั้งแต่ 20,000 ดอลลาร์ ถึง 40,000 ดอลลาร์ต่อตอน[23][24] ก่อนการเจรจาต่อรองเงินเดือนสำหรับฤดูกาลที่สาม เหล่านักแสดงตัดสินใจเจรจารายได้ร่วมกัน แม้ว่าเดิม วอร์เนอร์บราเธอส์ต้องการตกลงเป็นรายบุคคล[25] นักแสดงได้รับเงินเดือนเท่ากับนักแสดงที่ได้น้อยที่สุด หมายความว่าอนิสตันและชวิมเมอร์จะถูกลดเงินเดือนลง เหล่านักแสดงได้ค่าจ้าง 75,000 ดอลลาร์ต่อตอนในฤดูกาลที่สาม 85,000 ดอลลาร์ต่อตอนในฤดูกาลที่สี่ 100,000 ดอลลาร์ต่อตอนในฤดูกาลที่ห้า 125,000 ดอลลาร์ต่อตอนในฤดูกาลที่หก 750,000 ดอลลาร์ต่อตอนในฤดูกาลที่เจ็ดและแปด และ 1 ล้านดอลลาร์ต่อตอนในฤดูกาลที่เก้าและสิบ ทำให้อนิสตัน คอกซ์ และคูโดรว์ เป็นนักแสดงหญิงทางโทรทัศน์ที่ได้รับค่าจ้างมากที่สุดตลอดกาล[26][27][28] เหล่านักแสดงยังได้ค่าลิขสิทธิ์จากการออกอากาศเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 หลังมีการเจรจาต่อรอง ในขณะนั้น ผลประโยชน์จากรายได้เบื้องหลังของรายการส่วนหนึ่งจะถูกมอบให้กับนักแสดงที่มีสิทธิ์ครอบครองรายการ เช่น เจอร์รี ไซน์เฟลด์ และบิล คอสบี[29] เดวิด เครน ผู้สร้างซีรีส์ ต้องการให้นักแสดงหกคนมีความโดดเด่นเท่า ๆ กัน[30] และซีรีส์ได้รับการยกย่องว่าเป็น "รายการที่มีคณะนักแสดงหลักที่แท้จริงรายการแรก"[31] เหล่านักแสดงพยายามรักษาความเป็นคณะนักแสดง ไม่ให้ใครโดดเด่นกว่ากัน พวกเขาเข้าชิงรางวัลการแสดงสาขาเดียวกัน[32] เพื่อการเจรจาเงินเดือนร่วมกัน[31] และขอขึ้นหน้าปกนิตยสารด้วยกันในฤดูกาลแรก เหล่านักแสดงกลายเป็นเพื่อนสนิทนอกจอกันจริง ๆ[33] สนิทกันจนทอม เซลิก นักแสดงรับเชิญ ให้สัมภาษณ์ว่าบางครั้งเขารู้สึกโดดเดี่ยวคนเดียว[34] เหล่านักแสดงยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันหลังซีรีส์จบ ที่โดดเด่นคือคอกซ์และอนิสตัน โดยอนิสตันได้เป็นแม่ทูนหัวให้ โคโค่ บุตรสาวของคอกซ์ และเดวิด อาเคต[35] ในหนังสือที่ระลึกเพื่ออำลาชื่อ เฟรนส์ทิลดิเอนส์ นักแสดงแต่ละคนต่างยอมรับว่า เหล่านักแสดงหลักทุกคนได้กลายเป็นครอบครัวของเขาไปแล้ว[36][37] ตอนฤดูกาลที่ 1ฤดูกาลแรกแนะนำตัวละครหลักหกคน ได้แก่ เรเชล มอนิกา ฟีบี โจอี แชนด์เลอร์ และรอสส์ เรเชลมาถึงร้านกาแฟเซนทรัลเพิร์กหลังจากหนีพิธีสมรสกับคู่หมั้นชื่อ แบร์รี และย้ายมาอยู่ในห้องชุดกับมอนิกา เพื่อนเก่าจากไฮสกูล รอสส์ เคยตกหลุมรักเรเชลตั้งแต่สมัยเรียนที่ไฮสกูล พยายามจะสารภาพความรู้สึกกับเธออยู่บ่อยครั้ง แต่มีอุปสรรคขวางตลอดเวลา เช่น ความจริงที่ว่าเขากำลังจะมีลูกกับอดีตภรรยา แครอล ที่กลายเป็นเลสเบียน โจอีเป็นนักแสดงที่ดิ้นรนหางานแสดง ขณะที่ฟีบีทำงานเป็นหมอนวดและมีนิสัยแปลก ๆ ซึ่งมีสาเหตุมาจากตอนเธอเป็นเด็ก แม่ของเธอฆ่าตัวตาย แม้กระนั้น เพื่อนในกลุ่มก็รักเธอ แชนด์เลอร์เลิกกับคนรักสาว แจนิซ (แมกกี วีเลอร์) ซึ่งกลับมาปรากฏตัวในฤดูกาลหลัง ๆ แชนด์เลอร์เผลอเผยความในใจของรอสส์ให้เรเชลฟัง ซึ่งเรเชลเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ฤดูกาลจบลงที่เรเชลยืนรอรอสส์กลับมาที่สนามบิน ฤดูกาลที่ 2ฤดูกาลที่สองเริ่มด้วยเรเชลยืนรอรอสส์ที่ประตูขาเข้าเพื่อสารภาพรักเขา แต่เธอพบว่าเขากำลังคบกับจูลี (ลอเรน ทอม) ผู้หญิงที่เขารู้จักจากโรงเรียน ความพยายามของเรเชลสะท้อนให้เห็นความพยายามที่ล้มเหลวของรอสส์ในฤดูกาลแรก แต่ในที่สุดเขาก็ได้เริ่มคบกัน โจอีได้แสดงในละครเรื่อง Days of Our Lives แต่ตัวละครถูกตัดออกหลังจากมีปัญหากับนักเขียนบท โดยอ้างว่าเขาเขียนบทของตนเองมากเกินไป แชนด์เลอร์กลับมาคบกับแจนิซ คนรักเก่าจากฤดูกาลแรก มอนิกาเริ่มคบกับริชาร์ด (ทอม เซลเล็ก) เพื่อนของครอบครัวที่เพิ่งหย่า และอายุมากกว่าเธอ 21 ปี ในตอนสุดท้าย พวกเขาเลิกกันเมื่อริชาร์ดไม่ต้องการมีลูก ฤดูกาลที่ 3ฤดูกาลที่สามมีเนื้อหาต่อเนื่องมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เรเชลเริ่มทำงานที่บลูมมิงเดล ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และรอสส์หึงเรเชลกับเพื่อนร่วมงานของเธอที่ชื่อ มาร์ก เรเชลตัดสินใจพักความสัมพันธ์ ทำให้รอสส์เสียใจและเมาจนนอนกับคนอื่น ทำให้เรเชลบอกเลิกเขา ขณะเดียวกัน แชนด์เลอร์ต้องรับมือกับการเลิกราของรอสส์และเรเชลเพราะมันทำให้เขานึกถึงเมื่อครั้งพ่อแม่หย่าร้างกัน หลังจากฟีบีเชื่อว่าเธอไม่มีญาติอีกนอกจากเออร์ซูลา (ลิซา คูโดรว์) ฝาแฝดของเธอ ฟีบีได้รู้จักกับน้องชายต่างแม่ (โจวานนี รีบีซี) และแม่ผู้ให้กำเนิด (เทรี การ์) โจอีสานสัมพันธ์กับเพื่อนนักแสดง เคต (ดีนา เมเยอร์) และมอนิกาเริ่มคบหากับเศรษฐี พีต เบ็กเกอร์ (จอน แฟวโร) แต่ความสัมพันธ์จบลงหลังเกิดเหตุไม่ลงรอยกัน ฤดูกาลที่ 4ในตอนแรกของฤดูกาลที่สี่ รอสส์และเรเชลคืนดีกันเป็นเวลาสั้น ๆ หลังจากรอสส์แกล้งว่าอ่านจดหมายฉบับยาวที่เรเชลเขียนไว้ให้เขาอ่าน แต่ยืนกรานว่าจะขอพักความสัมพันธ์ พวกเขาจึงเลิกกันอีกครั้ง โจอีคบกับแคที (แพจิต บรูว์สเตอร์) หญิงสาวที่แชนด์เลอร์ตกหลุมรัก หลังจากนั้นแคทีกับแชนด์เลอร์จูบกัน ทำให้เกิดปัญหาระหว่างแชนด์เลอร์กับโจอี โจอีให้อภัยแชนด์เลอร์หลังจากทำโทษแชนด์เลอร์โดยการให้อยู่ในกล่องหนึ่งวัน ฟีบีกลายเป็นแม่อุ้มบุญให้น้องชายและภรรยาชื่อ อลิซ (เดบรา โจ รัปป์) มอนิกาและเรเชลถูกบังคับให้สลับห้องชุดกับโจอีและแชนด์เลอร์หลังจากแพ้พนันเกมตอบคำถาม แต่สลับกลับมาได้หลังจากให้สินบนด้วยตั๋วชมการแข่งขันบาสเกตบอลของสโมสรนิกส์ และมอนิกากับเรเชลจูบกันนานหนึ่งนาที (ไม่แสดงให้เห็น) รอสส์เริ่มคบกับหญิงสาวชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อเอมิลี (เฮเลน แบกเซนเดล) ตอนสุดท้ายเสนองานแต่งงานของพวกเขาที่ลอนดอน แชนด์เลอร์และมอนิกานอนด้วยกัน และเรเชลตัดสินใจตามไปร่วมงานแต่งงานของรอสส์ ขณะกล่าวคำปฏิญาณที่แท่นบูชา รอสส์พูดชื่อผิด (ชื่อเรเชล) สร้างความตกใจให้เจ้าสาวและแขกร่วมงาน ฤดูกาลที่ 5ฤดูกาลที่ห้านำเสนอมอนิกาและแชนด์เลอร์พยายามปกปิดความสัมพันธ์จากเพื่อน ๆ ฟีบีคลอดบุตรฝาแฝดสามในตอนที่ 100 ของรายการ เธอให้กำเนิดบุตรชายชื่อแฟรงก์ จูเนียร์ จูเนียร์ และบุตรสาวสองคนชื่อ เลสลี และแชนด์เลอร์ (เดิมพวกเขาคิดว่าจะมีบุตรชายสองคน และบุตรสาวหนึ่งคน แต่ตัดสินใจใช้ชื่อแชนด์เลอร์ แม้ว่าจะเป็นบุตรสาว) เอมิลีกล่าวว่าเธอจะสมรสกับรอสส์หากรอสส์เลิกติดต่อกับเรเชล รอสส์ตกลง แต่ในระหว่างอาหารมื้อเย็นร่วมกันหกคน เอมิลีโทรศัพท์หารอสส์และพบว่าเรเชลอยู่ด้วย ทำให้เธอไม่เชื่อใจเขา และล้มเลิกงานสมรส ฟีบีเริ่มคบกับตำรวจชื่อแกรี (ไมเคิล แรพาพอร์ต) หลังเธอพบตราของเขาและนำมาเป็นของตนเอง มอนิกาและแชนด์เลอร์เปิดเผยความสัมพันธ์ สร้างความประหลาดใจและความสุขให้เพื่อน ๆ พวกเขาตัดสินใจสมรสกันระหว่างเดินทางไปลาสเวกัส แต่เปลี่ยนแผนหลังพบว่ารอสส์และเรเชลต่างคนต่างเมาเดินออกมาจากโบสถ์สมรส ฤดูกาลที่ 6ในฤดูกาลที่หก การสมรสของรอสส์และเรเชลเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากความเมา รอสส์และเรเชลพยายามทำให้เป็นโมฆะเพราะรอสส์ไม่ต้องการหย่าเป็นครั้งที่สาม อย่างไรก็ตาม เขาทำไม่ได้ และพยายามเก็บเรื่องการสมรสเป็นความลับ แม้กระนั้น พวกเขาหย่าร้างกันในที่สุด มอนิกาและแชนด์เลอร์ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ทำให้เรเชลต้องย้ายไปอยู่กับฟีบี โจอีได้แสดงในซีรีส์โทรทัศน์เรื่องMac and C.H.E.E.S.E. ร่วมกับหุ่นยนต์ รอสส์ได้งานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และเริ่มคบหากับนักศึกษาชื่อ เอลิซาเบธ (อเล็กซานดรา โฮลเดน) ความสัมพันธ์จบลงด้วยเหตุความแตกต่างทางวุฒิภาวะ ห้องพักของฟีบีและเรเชลไฟไหม้ เรเชลย้ายมาอยู่กับโจอี และฟีบีย้ายมาอยู่กับแชนด์เลอร์และมอนิกา แชนด์เลอร์ขอมอนิกาแต่งงาน มอนิกาตอบตกลง แม้ว่าคนรักเก่า ริชาร์ด กลับมาสารภาพรักกับเธอ ฤดูกาลที่ 7ฤดูกาลที่เจ็ดติดตามเรื่องราวของมอนิกาและแชนด์เลอร์ที่เริ่มวางแผนงานแต่งและประสบปัญหาด้านการเงิน แต่ได้รับความช่วยเหลือจากเงินทุนลับของแชนด์เลอร์ ละครโทรทัศน์เรื่อง Mac and C.H.E.E.S.E.ของโจอีถูกยกเลิกการผลิต แต่เขาได้กลับไปแสดงในละครเรื่องDays of Our Lives ขณะเดียวกัน รอสส์สวมชุดอาร์มาดิลโลเพื่อหวังจะแนะนำให้เบนรู้จักเทศกาลฮานุกกะห์ ห้องชุดของฟีบีบูรณะจนเสร็จ แต่เหลือห้องนอนขนาดใหญ่เพียงห้องเดียว จากเดิมมีสองห้อง เรเชลจึงตัดสินใจอยู่กับโจอี ฤดูกาลจบลงก่อนเหตุการณ์งานแต่งของมอนิกาและแชนด์เลอร์ ฟีบีและเรเชลเจอผลตรวจครรภ์เป็นบวกในห้องน้ำในห้องชุดของมอนิกาและแชนด์เลอร์ ฤดูกาลที่ 8ฤดูกาลที่แปดเปิดเผยในงานสมรสของมอนิกาและแชนด์เลอร์ว่า ผลตรวจครรภ์เป็นบวกที่พบในห้องน้ำในห้องชุดของมอนิกาและแชนด์เลอร์แท้จริงแล้วเป็นของเรเชล เรเชลลองตรวจครรภ์อีกครั้ง ทีแรกฟีบีอ้างว่าไม่ตั้งครรภ์ เพื่อให้เรเชลแสดงความรู้สึกเมื่อตระหนักว่าตนเองตั้งครรภ์จริง เรเชลรู้สึกเศร้าเมื่อเธอคิดว่าเธอไม่ได้ตั้งครรภ์ ฟีบีจึงบอกความจริงกับเธอ จากนั้นเธอสองคนและมอนิกาแสดงความยินดีให้กันในห้องน้ำนั้น ฤดูกาลนี้เกียวพับกับการตั้งครรภ์ของเรเชล ต่อมามีการเปิดเผยว่ารอสส์เป็นพ่อของเด็กหลังมีการสืบสาวถึงเสื้อคลุมสีแดง เรเชลและรอสส์ตัดสินใจมีลูกร่วมกันแต่ไม่สานต่อความสัมพันธ์ โจอีตกหลุมรักเรเชล แต่เธอปฏิเสธ ในตอนสุดท้าย เรเชลคลอดลูกให้ชื่อว่า เอมมา ณ โรงพยาบาล แม่ของรอสส์ให้แหวนหมั้นแก่รอสส์เพราะเธอต้องการให้เขาสมรสกับเรเชล รอสส์ไม่ได้ตั้งใจจะขอเรเชลแต่งงาน เขาจึงเก็บแหวนไว้ในกระเป๋าเสื้อ ขณะเดียวกัน ในห้องหลังคลอดบุตร โจอีมองหากระดาษชำระให้เรเชลที่กำลังอารมณ์เสีย เขาหยิบเสื้อของรแสส์ แหวนหมั้นตกลงบนพื้น เขาคุกเข่าเก็บแหวนขึ้นมาและหันไปทางเรเชลโดยที่ยังยืนเข่าและถือแหวนอยู่ เรเชลตอบตกลงเพราะเธอคิดว่าเขาขอเธอแต่งงาน ฤดูกาลที่ 9ฤดูกาลที่เก้าเริ่มต้นด้วยรอสส์และเรเชลเป็นเพื่อนร่วมห้องกันอาศัยอยู่กับลูกสาวชื่อ เอ็มมา มอนิกาและแชนด์เลอร์พยายามมีลูกด้วยตนเองแต่พบว่าร่างกายของพวกเขาไม่อาจมีลูกได้ ฟีบีเริ่มคบหากับไมก์ ฮันนิแกน (พอล รัดด์) และเลือกที่จะอยู่กับเขาแทนคนรักเก่าชื่อ เดวิด (แฮงก์ อะเซเรีย) เรเชลและเอ็มมาย้ายมาอยู่กับโจอีในกลางฤดูกาล และเรเชลเริ่มแอบรักโจอี ขณะที่ "เพื่อน ๆ" ที่เหลือพยายามอย่างหนักเพื่อให้รอสส์กลับมาคืนดีกับเรเชล กลุ่มเพื่อนเดินทางเที่ยวที่ประเทศบาร์เบโดสตอนท้ายฤดูกาลเพื่อฟังรอสส์บรรยายในการประชุมเกี่ยวกับบรรพชีวินวิทยา โจอีและคนรักชื่อ ชาร์ลี (ไอชา ไทเลอร์) เลิกรากัน เธอเริ่มคบหากับรอสส์ จากนั้นโจอีเห็นรอสส์จูบกับชาร์ลี โจอีจึงไปที่ห้องของเรเชลในโรงแรม และจบฤดูกาลในฉากที่เขาสองคนจูบกัน ฤดูกาลที่ 10ฤดูกาลที่สิบขมวดเรื่องราวสู่จุดจบ ชาร์ลีเลิกรากับรอสส์และกลับไปคืนดีกับคนรักเก่า โจอีและเรเชลพยายามปลอบความรู้สึกของรอสส์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาสองคน และตัดสินใจว่ากลับมาเป็นเพื่อนกันนั้นดีที่สุดแล้ว ฟีบีและไมก์แต่งงานกันที่ด้านนอกร้านกาแฟเซนทรัลเพิร์กช่วงกลางฤดูกาล มอนิกาและแชนด์เลอร์สมัครรับบุตรบุญธรรมและได้รับเลือกโดยเอริกา (แอนนา ฟาริส) ในช่วงท้ายซีรีส์ เอริกาคลอดฝาแฝด สร้างความประหลาดใจให้มอนิกาและแชนด์เลอร์ มอนิกาและแชนด์เลอร์เตรียมย้ายไปอยู่ที่ชานเมือง โจอีวิตกเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต เรเชลถูกไล่ออกจากงานและรับงานใหม่ที่ปารีส รอสส์พยายามดึงตัวเธอกลับมาทำที่เดิมโดยนัดพบหัวหน้าของเธออย่างลับ ๆ แต่ยอมรับความจริงหลังทราบว่างานที่ปารีสคืองานในฝันของเรเชล เรเชลบอกลาเพื่อนทุกคนยกเว้นรอสส์ รอสส์ที่รู้สึกเจ็บและโกรธไปพบกับเรเชล และได้นอนด้วยกัน เรเชลออกเดินทาง รอสส์ตระหนักแล้วว่าเขารักเรเชล ตามเธอไปที่สนามบิน เมื่อเขาไปถึง เรเชลตระหนักว่าเธอก็รักเขาเช่นกัน และยกเลิกเที่ยวบินที่ไปปารีส ซีรีส์จบลงโดยเพื่อน ๆ ทุกคน รวมถึงลูก ๆ ของมอนิกาและแชนด์เลอร์ เดินออกจากอพาร์ตเมนต์ด้วยกันเพื่อไปดื่มกาแฟ แชนด์เลอร์ทิ้งมุกตลกสุดท้ายไว้ ละครจบลงด้วยฉากกุญแจอพาร์ตเมนต์หลายดอกบนเคาน์เตอร์ และฉากประตูอพาร์ตเมนต์สีม่วง อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia