เติ้ง อิ่งเชา

เติ้ง อิ่งเชา
邓颖超
ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน คนที่ 4
ดำรงตำแหน่ง
17 มิถุนายน ค.ศ. 1983 – 10 เมษายน ค.ศ. 1988
ก่อนหน้าเติ้ง เสี่ยวผิง
ถัดไปหลี่ เซียนเนี่ยน
เลขาธิการคณะกรรมการสอบวินัยส่วนกลาง คนที่ 2
ดำรงตำแหน่ง
22 ธันวาคม ค.ศ. 1978 – 11 กันยายน ค.ศ. 1982
ก่อนหน้าสถาปนาตำแหน่ง
ถัดไปหวง เค่อเฉิง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904(1904-02-04)
หนานหนิง กว่างซี จักรวรรดิชิง
เสียชีวิต11 กรกฎาคม ค.ศ. 1992(1992-07-11) (88 ปี)
ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
เชื้อชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน
พรรคการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน
คู่สมรสโจว เอินไหล (สมรส 1925; เสียชีวิต 1976)
บุตรซุน เหวย์ชื่อ (บุตรสาวบุญธรรม)

เติ้ง หยิ่งเชา (จีนตัวย่อ: 邓颖超; จีนตัวเต็ม: 鄧穎超; พินอิน: Dèng Yǐngchāo; ยฺหวิดเพ็ง: Dang6 Wing6-ciu1; 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 – 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1992) เป็นประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนตั้งแต่ ค.ศ. 1983 ถึง 1988 สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน และภริยาของโจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีคนแรกของจีน

ชีวิตช่วงต้น

เติ้ง หยิ่งเชาในวัยเยาว์ 

ด้วยบรรพบุรุษสืบเชื้อสายมาจากอำเภอกวางชาน (光山縣) มณฑลเหอหนาน เธอเกิดในนามเติ้ง เหวินชู (鄧文淑) ในหนานหนิง กว่างซี เธอเติบโตมาในครอบครัวยากจน พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็กและแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอสอนและประกอบอาชีพแพทย์ เติ้งเรียนที่โรงเรียนฝึกหัดครูสตรีเป่ย์หยาง[1] เติ้งเข้าร่วมเป็นผู้นำทีมในขบวนการ 4 พฤษภาคม ซึ่งเธอได้พบกับโจว เอินไหลในปี ค.ศ. 1919 ทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1925 ในกว่างโจว เติ้งเข้าร่วมสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์จีนใน ค.ศ. 1924 และกลายเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี ค.ศ. 1925[2] หลังการสังหารหมู่ความสะพรึงขาวใน ค.ศ. 1927 เติ้งได้ทำงานอยู่ใต้ดินในเซี่ยงไฮ้เป็นเวลาห้าปี

สงครามกลางเมืองจีน

โจว เอินไหลและเติ้ง หยิ่งเชา

เติ้งเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากการเดินทัพทางไกล[3] อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเดินทัพทางไกล เธอได้ป่วยเป็นวัณโรคปอด[4]

นายกรัฐมนตรีจีนโจว เอินไหล (ขวา) เติ้ง หยิ่งเชา (ซ้าย) และซุน เหวย์ชื่อ บุตรบุญธรรม

หลังได้รับชัยชนะในสงครามต่อต้านญี่ปุ่น เติ้ง หยิ่งเชา ในฐานะตัวแทนหญิงเพียงคนเดียวของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เข้าร่วมสภาที่ปรึกษาการเมืองครั้งแรกในฉงชิ่ง ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1947 เธอทำหน้าที่เป็นสมาชิกคณะทำงานฝ่ายหลังและรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการสตรีของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน[ต้องการอ้างอิง] เธอได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ในสภากรรมการบริหารของสหพันธ์ประชาธิปไตยสตรีสากลใน ค.ศ. 1948 และ 1953[5][6] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1949 เธอได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการเตรียมการของคณะกรรมาธิการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนและกลายเป็นสมาชิกของกลุ่มร่าง "โครงการร่วม" ต่อมาเธอได้รับความไว้วางใจจากเหมา เจ๋อตงและโจว เอินไหลให้เดินทางไปเซี่ยงไฮ้ด้วยตนเองเพื่อเชิญซ่ง ชิ่งหลิงไปปักกิ่งมาเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลประชาชนส่วนกลางสาธารณรัฐประชาชนจีน

สาธารณรัฐประชาชนจีน

เมื่อก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เติ้ง หยิ่งเชาได้รับเลือกให้เป็นรองประธานสภาสตรีแห่งชาติคน 1 ถึงคนที่ 3 ประธานกิตติมศักดิ์ของสภาสตรีแห่งชาติคนที่ 4 และรองประธานสภาเด็กแห่งชาติจีน นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 8 เติ้ง หยิ่งเชาเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ไม่เคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาล จนกระทั่งโจว เอินไหล สามีของเธอถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1976 เธอจึงได้กลับคืนสู่เวทีการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์อีกครั้ง ในเดือนธันวาคมของปีนั้น ในการประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 4 เธอได้รับการเพิ่มเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1978 หลังได้รับเลือกตั้งใหม่เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 5 เติ้งได้ทำหน้าที่เป็นเลขาธิการคนที่ 2 ของคณะกรรมการสอบวินัยส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เพิ่งได้รับการบูรณะใหม่ในการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 ในปีนั้น และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกกรมการการเมืองของคณะกรรมาธิการกลาง

หลังจากนั้นไม่นาน เติ้งได้ใช้การติดต่อในช่วงแรกของเธอและการติดต่อกับก๊กมินตั๋ง เช่นเดียวกับเครือข่ายและชื่อเสียงของเธอในการทำงานแนวร่วม เพื่อรับผิดชอบงานของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในไต้หวันอย่างเต็มตัว และในเวลาเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำของ "กลุ่มผู้นำกลางกิจการไต้หวัน" ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ใน ค.ศ. 1982 เธอทำหน้าที่เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมประชาชนจีนเพื่อมิตรภาพกับต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1983 ถึงเดือนมีนาคม ค.ศ. 1988 เธอทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1985 เติ้งได้ยื่นคำร้องขอลาออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนโดยสมัครใจ และในเดือนเมษายน ค.ศ. 1988 หลังสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน เธอก็ลาออกและพักฟื้นจากอาการป่วย[7]

ใน ค.ศ. 1987 เธอทำหน้าที่เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิสวัสดิการประชากรแห่งประเทศจีน ในปีเดียวกัน เมื่อกลุ่มหัวรุนแรงของพรรคขับไล่หู เย่าปัง เลขาธิการพรรค ในการรณรงค์ต่อต้าน "การเปิดเสรีชนชั้นกระฎุมพี" พรรคก็ได้เผยแพร่สุนทรพจน์ของเติ้งเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1989 ระหว่างการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เธอสนับสนุนการตัดสินใจของผู้นำในการปราบปรามการประท้วงโดยใช้ความรุนแรง[8]

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1990 เธอลาออกจากตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมพยาบาลจีน เนื่องจากมีสุขภาพไม่ดี ในปี ค.ศ. 1992 เธอทำหน้าที่เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมมิตรภาพแห่งประเทศจีน

จุดยืนทางการเมือง

เติ้งส่งเสริมให้ยกเลิกการรัดเท้าของผู้หญิง

ในช่วงขบวนการปฏิรูปที่ดิน เติ้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการระดมชาวนาสตรีเพื่อส่งเสริมการปฏิวัติเกษตรกรรม[9] ในการประชุมนโยบายการปฏิรูปที่ดินใน ค.ศ. 1947 เธอกล่าวว่า "ผู้หญิงเป็นผู้เคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมเมื่อพวกเขาพูดถึงความขมขื่น"[10]

ชีวิตส่วนตัว

เติ้งและโจวไม่มีบุตรเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม พวกเขานำเด็กกำพร้าจาก "ผู้เสียสละปฏิวัติ" หลายคนมาเลี้ยง รวมถึงหลี่ เผิง ผู้ซึ่งต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีของจีน

อนิจกรรมและมรดก

รูปปั้นโจวและเติ้งในหอรำลึกโจว เอินไหลและเติ้ง หยิ่งเชาในเทียนจิน

หลังเกษียณอายุ สุขภาพของเติ้งก็ค่อย ๆ อ่อนแอลง โดยเฉพาะใน ค.ศ. 1990 เธอต้องเข้าโรงพยาบาลถึง 5 ครั้งเนื่องจากเป็นหวัดและปอดบวม ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1991 เธอเริ่มมีอาการไตวายและหมดสติหลายครั้ง[11]

เวลา 06.55 น. ของวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1992 เติ้ง หยิ่งเชา ถึงแก่อนิจกรรมที่โรงพยาบาลปักกิ่ง ขณะมีอายุได้ 88 ปี

หลังฌาปนกิจ เถ้ากระดูกของเธอถูกโปรยที่จุดเดียวกับที่โปรยเถ้ากระดูกของโจว เอินไหล การประเมินอย่างเป็นทางการของพรรคที่มีต่อเธอคือ "นักปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพผู้ยิ่งใหญ่ นักการเมือง นักเคบื่อนไหวทางสังคมที่มีชื่อเสียง มาร์กซิสต์ผู้เคร่งครัด ผู้นำที่โดดเด่นของพรรคและประเทศ ผู้บุกเบิกการเคลื่อนไหวของสตรีจีน และประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนชุดที่ 6 ที่ได้รับความเคารพอย่างสูง"[12]

มีหอรำลึกที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เธอและสามีของเธอในเทียนจิน(天津周恩來鄧穎超紀念館).

อ้างอิง

  1. Lv Bicheng: Newspaper Woman, Educator and Buddhist เก็บถาวร 2015-05-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Frank Zhao, 13 January 2014, Women of China, retrieved 11 April 2014
  2. Mengjia, Yuan. "Reliving the Life Stories of Deng Yingchao and Premier Zhou". Women of China. All-China Women's Federation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 April 2022. สืบค้นเมื่อ 4 August 2020.
  3. Long, Simon (12 July 1992). "Obituary: Deng Yingchao". The Independent. สืบค้นเมื่อ 4 August 2020.
  4. Snow, Edgar (1968). Red Star over China. New York: Grove Press. pp. 500–501. ISBN 978-0-8021-5093-6.
  5. Joliot-Curie, Irène, บ.ก. (1949). Second Women's International Congress WIDF 1948 (Report) (1st ed.). Paris, Ile-de-France: Women's International Democratic Federation. สืบค้นเมื่อ 2 November 2023. – โดยทาง ASP: Women and Social Movements (ต้องรับบริการ)
  6. "Executive Committee of the Women's International Democratic Federation". As One! For Equality, For Happiness, For Peace (Report). East Berlin, East Germany: Women's International Democratic Federation. 1953. pp. 264–265. สืบค้นเมื่อ 23 November 2023. – โดยทาง ASP: Women and Social Movements (ต้องรับบริการ)
  7. "邓颖超" [Deng Yingchao]. 新华网. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-21.
  8. "Deng Yingchao, a Party Leader And Widow of Zhou, Dies at 88". The New York Times. 12 July 1992. สืบค้นเมื่อ August 6, 2020.
  9. DeMare, Brian James (2019). Land wars : the story of China's agrarian revolution. Stanford, California: Stanford University Press. pp. 62. ISBN 978-1-5036-0849-8. OCLC 1048940018.
  10. DeMare, Brian James (2019). Land wars : the story of China's agrarian revolution. Stanford, California: Stanford University Press. pp. 62–63. ISBN 978-1-5036-0849-8. OCLC 1048940018.
  11. 赵炜. "邓颖超临终前说的最后俩字竟是"李鹏"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-17. สืบค้นเมื่อ 2020-08-03.
  12. "邓颖超同志光辉战斗的一生". 人民网. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-28. สืบค้นเมื่อ 2020-08-03.

หนังสืออ่านเพิ่ม

  • ฮาน, แฟรนซิสกา (2023). คู่มือนักเคลื่อนไหวสตรีคอมมิวนิสต์ทั่วโลก. ลอนดอน: พาลเกรฟ แมกมิลแลน. ISBN 978-3-031-13126-4.

แห่งล้อมูลอื่น

ก่อนหน้า เติ้ง อิ่งเชา ถัดไป
ไม่มี ภริยานายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน
(ค.ศ. 1949–1976)
หัน จือจฺวิ้น
ตำแหน่งทางการเมือง


เติ้ง เสี่ยวผิง ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน
(ค.ศ. 1983–1988)
หลี่ เซียนเนี่ยน

 

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia