เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่
เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่[1] (22 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 – 2 มกราคม พ.ศ. 2566[2]) เป็นเจ้านายฝ่ายเหนือ และนักสังคมสงเคราะห์ชาวไทย เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้รับการประกาศสดุดีเกียรติคุณให้เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2558 โดยคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยที่ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้รับการบันทึกชื่อให้เป็นบุคคลสำคัญในสารานุกรมประวัติศาสตร์ไทยล้านนาเพื่อเป็นเกียรติประวัติและอนุสรณ์แห่งคุณความดี (เจ้ายายมิได้เป็นบุคคลในครอบครัวของผู้สืบสายสกุล ณ เชียงใหม่ สายตรงและไม่ได้เป็นบุคคลในครอบครัวของประธานราชตระกูล ณ เชียงใหม่ เจ้ายายเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือที่สืบเชื้อสายเจ้านายฝั่ง ณ ลำพูน ตามบิดาของท่าน คือเจ้าเมืองชื่น ณ ลำพูน ต่อมาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น ณ เชียงใหม่ โดยพระราชานุมัติในเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าประเทศราชนพบุรีศรีนครพิงค์ และเจ้าเมืองชื่นได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าราชภาคินัย ในกาลต่อมา) เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้อุทิศตนเป็นแบบอย่างในการเป็นพลเมืองที่ดี บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติและสังคมส่วนรวมมีความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด สมกับที่เป็นสตรีสูงศักดิ์ งามพร้อมด้วยกริยามรรยาทแบบกุลสตรีไทย ทั้งยังได้ดำรงเกียรติแห่งวงศ์ตระกูลได้อย่างสมบูรณ์ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ โปรดการแต่งกายแบบไทยล้านนาและรักที่จะส่งเสริมให้คนไทยรุ่นใหม่รักในความเป็นไทยและหวงแหนรักษ์ในวัฒนธรรมท้องถิ่นของตน เจ้ายายเป็นที่รักใคร่และนับถือของชาวบ้านและประชาชนทั่วไป อนึ่ง ในปีพุทธศักราช 2564 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติโดย พณฯ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเกียรติคุณยกย่อง เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ให้เป็นบุคคล "ค่าแห่งแผ่นดิน" ในด้านการส่งเสริมศาสนาและวัฒนธรรม ประวัติเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เกิดในวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันเพ็ญจึงได้รับขนานนามว่า "ดวงเดือน" เป็นธิดาคนที่สามในเจ้าราชภาคินัย (เมืองชื่น ณ เชียงใหม่) ผู้เป็นโอรสในเจ้าราชภาติกาวงศ์ (เจ้าบัวรวงศ์) กับเจ้าฟองนวล [3] เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่มีเจ้าพี่เจ้าน้องร่วมอุทรหม่อมมารดา หม่อมเทพ หรือ หม่อมจันทร์เทพ ณ เชียงใหม่ ตามลำดับ คือ เจ้าอาทิตย์ เจ้านิภาพันธุ์ และเจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่ ตั้งแต่เยาว์วัย เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้รับความเมตตาและอนุบาลเป็นอย่างดีจาก เจ้าบัวทิพย์ ณ เชียงใหม่ ผู้เป็นพระราชธิดาในเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงนครเชียงใหม่ องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร กับ แม่เจ้าจามรีวงศ์ ณ เชียงใหม่ หรือ เจ้าจามรีวงศ์ โดยเจ้าบัวทิพย์ ณ เชียงใหม่ได้ทรงรับเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เป็นพระธิดาบุญธรรมและทรงให้ความรักและอภิบาลเป็นอย่างดี เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้รับการฝึกอบรมด้านการเรือนอย่างเคร่งครัดจากคุ้มหลวง ได้ศึกษาการทำอาหาร การทำยาสมุนไพร และเรียนการฟ้อนรำ ขับกล่อมเพลงแบบราชสำนักสยามล้านนาเพื่อต้อนรับราชอาคันตุกะ[4] เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย (ป.1-3) โรงเรียนวัฒโนทัยนอก ปัจจุบันคือ โรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์ (ป.4-ม.3) โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ (ม.4-5) และโรงเรียนดาราวิทยาลัย (ม.6) ขณะอายุประมาณ 18-19 ปี เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ สมรสกับพิรุณ อินทราวุธ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่[5] มีบุตร-ธิดา 4 คน คือ
การเสียชีวิตเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2566 สิริอายุ 93 ปี 7 เดือน[6][7] มีพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และพิธีส่งสการตานคาบเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ณ วัดสวนดอก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ การทำงานเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ สอบเข้าเป็นผู้พิพากษาสมทบศาลคดีเด็กและเยาวชนได้ใน พ.ศ. 2513 และเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เสียงเชียงใหม่ ทั้งเป็นนักจัดรายการวิทยุ ได้รับรางวัล Voice of America ต่อมาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติใน พ.ศ. 2516[8] ขณะเป็นสมาชิกสภาดังกล่าว ได้ร่วมกับสมาชิกสภาท่านอื่นๆ เสนอร่างแก้ไขกฎหมายครอบครัวให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517 ที่บัญญัติให้ “ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน” นอกจากนี้ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ยังเป็นผู้ส่งเสริมกิจการการทอผ้าในกลุ่มสตรีภาคเหนือโดยริเริ่มกิจการฝ้ายดวงเดือนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมในครัวเรือน เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานสภาอุตสหกรรมภาคเหนือ และยังได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่คนแรกในประเทศไทย เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่มีความรักในท้องถิ่นวัฒนธรรมไทยล้านนาอย่างแรงกล้า มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นที่ยิ่ง เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้อนุรักษ์และส่งเสริมการแต่งกายของสตรีในภาคเหนือด้วยผ้าไทยและจัดให้มีการนำเอาประเพณีการทานข้าวบนขันโตกแบบไทยล้านนากลับมาเผยแพร่จนได้รับความนิยมอีกครั้งในสมัยปัจจุบัน เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ โปรดอุทิศตนเพื่อการสังคมสงเคราะห์ การสาธาณกุศล และการศาสนกุศลอย่างต่อเนื่องตลอดมา ผลงานและตำแหน่ง
ประกาศสดุดีเกียรติคุณ
มูลนิธิเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2558 ได้จัดตั้งมูลนิธิเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ลำดับสาแหรก
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |
Portal di Ensiklopedia Dunia