เจมส์ มาร์
เจมส์ อัศรัสกร (เกิด 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2536) เป็นที่รู้จักในชื่อ เจมส์ มาร์[4] เป็นนักแสดงและนายแบบลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง สังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มีชื่อเสียงจากการแสดงในบท "เรืออากาศโท หม่อมราชวงศ์รณพีร์ จุฑาเทพ" จากซีรีส์ชุด สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรณพีร์ (2556)[5] และบท "เหม" จากละครเรื่อง ข้าบดินทร์ (2558)[6][7] และละครเรื่อง เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ (2559)[8] จนได้รับสมญาว่าเป็น "สามีแห่งชาติ" ในปีนั้น[9] นอกจากนี้ยังรับงานเป็นนายแบบด้วย[10] ใน พ.ศ. 2560 เจมส์มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง Mind Memory 1.44 พื้นที่รัก ประกบคู่กับ ฮัม อึน-จ็อง นักร้องผู้เป็นสมาชิกวงที-อารา เกิร์ลกรุปจากประเทศเกาหลีใต้[11] ประวัติเจมส์ เกิดในประเทศไทย[12] บิดาชื่อสมิต อัศรัสกร[13] เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน มารดาชื่อคาเร็น เป็นชาวฮ่องกง[14][15] เขาเป็นบุตรคนโตของครอบครัว[16] มีน้องสาวชื่อวาเนสซ่า[12] ครอบครัวเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย–ฮ่องกง บิดาทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ ส่วนมารดาทำงานกับบริษัทรับจัดประมูลผลงานศิลปะชื่อคริสตีส์[17] เจมส์เป็นหลานปู่ของบุญยง อัศรัสกร ผู้ก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี[18][19] ปัจจุบันเจมส์อาศัยอยู่กับบิดาในไทย มารดาพำนักอยู่ฮ่องกง[20] ส่วนน้องสาวศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนนานาชาตินิสท์ (New International School of Thailand - NIST) จนอายุ 8 ปี ทั้งครอบครัวจึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ฮ่องกง ขณะที่อาศัยอยู่ฮ่องกงได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนควอร์รีเบย์ (Quarry Bay School) ตั้งแต่เกรด 4-6 และเกรด 7 ที่โรงเรียนเซาท์ไอส์แลนด์ (South Island School) และกลับมาศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีสุดท้ายที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ (Harrow International School) ประเทศไทยขณะอายุ 16 ปี รวมเป็นระยะเวลา 8 ปีที่อาศัยอยู่ฮ่องกง จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ สาขาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ[21] และศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ[22][23] และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทเมื่อ พ.ศ. 2565[24] การทำงานเจมส์ มาร์เข้าสู่วงการบันเทิง เพราะศุภชัย ศรีวิจิตรไปพบที่ฮ่องกงขณะกำลังอยู่มัธยมปลาย และชวนมาเป็นนักแสดงในสังกัด โดยเจมส์ตอบตกลงเพราะมองว่าเป็นโอกาสอันดีประกอบกับต้องการที่จะกลับมาเล่าเรียนในไทย[16] เบื้องต้นศุภชัยเคยส่งเจมส์ไปประกวดเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาวปีที่ 7 เพื่อหาประสบการณ์ แต่สุดที่รอบตัวแทนภาคกลาง[12][25][26] ช่วงเริ่มแรกได้งานถ่ายแบบและเดินแบบ ภายหลังจึงได้แสดงละครชุด "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" เป็นชุดแรกและทำให้มีชื่อเสียง แม้จะถูกวิจารณ์จากผู้ชมว่าเจมส์ไม่เหมาะควรกับบทดังกล่าว[27] โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ต่างไปจากบทประพันธ์และนักแสดงคนอื่นที่เล่นเป็นพี่น้อง[28] ด้วยความที่เป็นตอนสุดท้ายของซีรีส์ที่มีความช้า ทำให้กระแสของเจมส์ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงนัก[29] จนเจ้าตัวก็คิดว่าเขาเป็น "จุดอ่อน" ของละครชุดดังกล่าวด้วย[30] แต่หลังจบละครได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าจำนวนมาก จนได้ฉายาว่าเป็น "เจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์"[31][32][33] ขณะที่นิตยสารสยามดารา จัดให้เจมส์เป็น "1 ใน 10 พระเอกที่น่าจับตามองในปี 2556"[34] ในปี พ.ศ. 2558 เขาแสดงละครย้อนยุคเรื่อง ข้าบดินทร์ ซึ่งก่อนเข้าฉาย เขาเตรียมตัวด้วยการเข้าเรียนชกมวย ฟันดาบ และอ่านนิยายของละครเรื่องดังกล่าว[35] กระนั้นเข้ายังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะกับบทเช่นเดียวกับภีรนีย์ คงไทย นักแสดงอีกคนในเรื่องซึ่งเป็นลูกครึ่งเช่นกัน ที่รูปลักษณ์ต่างออกไปจากบทประพันธ์[20][36][37] แต่หลังการออกอากาศกลับมีกระแสดี[38] และได้รับคำชื่นชมด้านการแสดง[39] และเจมส์มีผลงานละครเรื่อง เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ ในปีถัดมา ประกบคู่กับคิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส เทียมศิริ ถือว่าพลิกบทบาทการแสดงของเขา เพราะเป็นละครที่นำเสนอสถานการณ์ร่วมสมัย ขณะที่เจมส์เคยแสดงแต่ละครย้อนยุคมาตลอด[20][40] แต่หลังละครออกอากาศเขาได้รับกระแสตอบรับที่ดี และการชื่นชมด้านฝีมือทางการแสดง[29] จนได้สมญาว่าเป็น "สามีแห่งชาติ" ในปีนั้น[9][41][42] ใน พ.ศ. 2560 เจมส์มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง Mind Memory 1.44 พื้นที่รัก ประกบคู่กับฮัม อึน-จ็อง นักร้องผู้เป็นสมาชิกวงที-อารา เกิร์ลกรุปจากประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา[43] เขากล่าวว่า "ตอนที่ตัดสินใจรับแสดงหนังเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้รับงานชิ้นใหม่ หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตของผม ก็ดีใจที่ได้แสดงเรื่องนี้ เพราะได้ใช้หลายภาษา รู้สึกว่าท้าทายดี บทที่แสดงก็ไม่เคยเล่นมาก่อน..."[44] แต่ภาพยนตร์นี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรหลังเข้าฉาย[45] ชีวิตส่วนตัวเขาได้ใช้ชื่อในวงการบันเทิงว่า "เจมส์ มาร์" โดยตั้งตามแซ่เดิมของบิดา สาเหตุที่เขาไม่ใช้ชื่อสกุลจริง เพราะเกรงว่าการงานของตนอาจไปกระทบภาพลักษณ์ธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่[46] ครอบครัวของเจมส์เป็นครอบครัวขยาย และนับถือศาสนาพุทธ[47] ส่วนตัวชอบทำสมาธิ ประพฤติตนตามศีล 5 อยู่เสมอ และจะเข้าวัดเมื่อมีโอกาส[48] เขากล่าวว่าได้รับการเลี้ยงดูแบบคนจีนแต่ไม่เคร่งครัดมาก[49] เขามีน้องสาวคนหนึ่งเขากล่าวถึงน้องสาวว่า "...ผมจะไม่ค่อยยุ่งกับเค้า เค้าจะห้าว ๆ ดูน่าจะดูแลตัวเองได้ แต่ก็มีเป็นห่วงบ้าง"[50] แต่จากการที่อยู่ฮ่องกงมาระยะหนึ่งทำให้เจมส์พูดภาษาไทยแปร่งและไม่เข้าใจศัพท์บางคำ[12][14] และใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันในครอบครัวเป็นหลักโดยมีพ่อแม่สอนมาตั้งแต่ยังเด็ก[21] และพูดค่อนข้างเร็ว[43] เขาสามารถพูดภาษากวางตุ้งได้ระดับหนึ่ง[12] และมีความรู้ภาษาจีนในขั้นพื้นฐานแต่พูดไม่ได้เลย[21] เจมส์มองว่าตัวเขา "ชอบเล่นกีฬา ชอบกิน และชอบเที่ยว"[21] เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย[51] และ "มีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างสูง"[14] แต่คนอื่นมักมองว่าเขาเป็นเงียบ ๆ และโลกส่วนตัวสูง เขากล่าวว่า "...จริง ๆ ผมไม่ได้เป็นคนเงียบ จะเงียบเฉพาะเวลางานเท่านั้น เพราะว่าตั้งใจ"[31] เขากล่าวถึงตัวเองว่า "...อย่าคิดว่าผมเป็นคนดังอะไรมาก คิดว่าผมเป็นคนธรรมดา ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเอง..."[52] เขามีเพื่อนสนิทไม่มาก[53] และคลายเหงาด้วยการเลี้ยงแมวเป็นเพื่อน[52] ทั้งนี้เขาชื่นชอบและใช้เวลาว่างในการเล่นเกม[53] เจมส์มักแพ้ฝุ่นและแพ้อากาศบ่อย ๆ และมักแสดงอาการแพ้บนใบหน้าทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน[54] เจมส์เล่นเฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียว และไม่เล่นเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่น ๆ อีกเลยดังดาราที่มีชื่อเสียงคนอื่น จนถูกมองว่าเชย[39][55] วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เขาตัดสินเปิดบัญชีอินสตาแกรม[56] ด้านความรักเขาเคยมีแฟนเมื่ออายุได้ 15-16 ปี แต่เลิกรากันเพราะเธอคนนั้นไปศึกษาต่อต่างประเทศ[12][53][57] ทั้งยังกล่าวว่าเขา "...ไม่ขี้อ้อน ไม่กะล่อน และไม่เจ้าชู้"[14] และ "...ผมเชื่อพรหมลิขิตนะ เชื่อในโชคชะตา..."[31] และกล่าวว่าเขาไม่ค่อยสมหวังในความรัก[42][53] และเขายืนยันว่าตนเองต้องการความรักต่างเพศ[58] พ.ศ. 2566 เจมส์คบหากับรินรดา แก้วบัวสาย นักแสดงรุ่นน้องร่วมช่องและร่วมสังกัดหลังจากรู้จักกันมานาน 5 ปี[59] ก่อนการเป็นนักแสดงเจมส์มีความฝันที่อยากจะเป็นนักกอล์ฟ[17][31][60] ทั้งนี้เมื่อครั้งยังศึกษาที่โรงเรียนเซาท์ไอส์แลนด์ในฮ่องกง เขาเคยแข่งขันกีฬาดังกล่าวจนได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทองคู่กับนิโคลัส วูลคอต-บราวน์ ในการแข่ง ISSFHK Golf Pairs Championship เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551[61] เขากล่าวถึงกีฬากอล์ฟว่า "ถือว่าเป็นกีฬาที่จริงจังที่สุด ไม่ได้คิดอยากเป็นโปร แต่อยากมีฝีมือแบบโปร...ทุกวันนี้แค่ไปตีให้ไม่อายใครก็พอแล้วครับ พยายามรักษาระดับ..."[53] หากอยู่ในกรุงเทพมหานครหรือออกไปอยู่ที่หัวหินหรือเชียงใหม่[53] เขาจะใช้เวลาว่างไปกับการฟิตเนสและตีกอล์ฟ[39] กิจกรรมปี พ.ศ. 2557 เจมส์เป็นหนึ่งในนักแสดงไทยที่ร่วมขึ้นคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อสมทบทุนสร้างศูนย์ศึกษาพิเศษสำหรับเด็กพิการในประเทศลาว[62][63] ปี พ.ศ. 2558 มีการจัดกิจกรรม "BIKE FOR MOM ปั่นเพื่อแม่" ในวันที่ 16 สิงหาคมปีนั้น อันเป็นกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ซึ่งเจมส์และดาราจำนวนมากได้ร่วมแสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง "ปั่นจักรยาน"[64] ปี พ.ศ. 2559 เจมส์และอุรัสยา เสปอร์บันด์ รวมทั้งพชร จิราธิวัฒน์ และชลธร คงยิ่งยงได้ร่วมทำกิจกรรมภายในนิทรรศการ "1600 Pandas+ World Tour in Thailand" โดยทั้งสองได้รับเชิญให้มาระบายสีดวงตาของตุ๊กตากระดาษอัดรูปหมีแพนด้าของเปาโล กร็องจีอง (Paulo Grangeon) อันเป็นกิจกรรมการกุศลที่มอบรายได้ทั้งหมดแก่กองทุนสัตว์ป่าโลกสากลประเทศไทย[65] ซึ่งแพนด้าผลงานของเจมส์และอุรัสยา มีชื่อว่า "โคลด์" และ "แบมบู" ตามลำดับ และได้รับคำชื่นชมจากเปาโลว่ามีความคิดสร้างสรรค์ดี[66] และปีเดียวกันนั้น จากกระแสของ เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ ซึ่งเจมส์รับบทเป็นตัวเอกของเรื่อง จึงได้มีการหยิบยกมาทำเป็นละครสั้นเรื่อง รองเท้าข้างสุดท้าย และ คนสำคัญ สำหรับงานการกุศล "หนึ่งน้ำใจ ล้านคำขอบคุณ ครั้งที่ 9" เพื่อระดมทุนทรัพย์สำหรับการก่อสร้างสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ แสดงคู่กับเดียร์น่า ฟลีโป ซึ่งจะเป็นเรื่องราวของศตวรรษขณะยังเป็นนักศึกษาแพทย์[67] ปี พ.ศ. 2560 มีการจัดกิจกรรมวิ่ง "Run Hero Run ฉันจะวิ่งเพื่อเธอ 2017" ในวันที่ 11 มิถุนายนปีนั้น เพื่อระดมทุนซื้อเสื้อเกราะกันกระสุนให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเจมส์และราศรี บาเล็นซิเอก้าซึ่งเป็นนักแสดงจากละครเรื่อง อาคม เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าวด้วย[68] เดือนธันวาคม พ.ศ. 2561 เจมส์ได้นำสิ่งของที่ใช้เข้าฉากละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร ออกประมูล เพื่อนำรายได้สนับสนุนมูลนิธิผ่าหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี[69] ผลงานละครโทรทัศน์
ภาพยนตร์
เพลงประกอบละคร
รางวัล
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia