อุกฤษ มงคลนาวิน
ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ[1] อดีตประธานวุฒิสภา อดีตประธานรัฐสภา ผู้ก่อตั้งสำนักงานทนายความอุกฤษ มงคลนาวิน เคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอิสระเพื่ออำนวยความยุติธรรม และเสริมสร้างสิทธิเสรีภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.ยส.จชต.) คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ปัจจุบันเป็นกรรมการสภากาชาดไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 - ปัจจุบัน นอกจากนั้นยังดำรงตำแหน่งประธานพีระยานุเคราะห์มูลนิธิ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อีกด้วย ประวัติศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2476 เป็นบุตรชายของ น.ท.พระมงคลนาวาวุธ ร.น. (มงคล มงคลนาวิน) กับนางต่วนทิพย์ มงคลนาวาวุธ (นามสกุลเดิม:อินทรเสน) สมรสกับท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน (บุณยประสพ) นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีบุตรชาย 2 คน คือ ดร.พืชภพ มงคลนาวิน รองอธิบดี กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และ รองศาสตราจารย์ ดร.รัฐชาติ มงคลนาวิน อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2522 ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[2] - สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิตและสังคมสงเคราะห์ศาสตร์บัณฑิตจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี พ.ศ. ๒๕๐๑ และ ๒๕๐๒ ตามลำดับ - พ.ศ. ๒๕๐๙ สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกทางกฎหมาย (Docteur en Droit) จาก มหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศส อุกฤษ มงคลนาวิน เคยดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาและประธานรัฐสภาถึง 5 สมัย (2527, 2528, 2530, 2532, 2534 - 2535[3] 22 มีนาคม 2535 – 26 พฤษภาคม 2535 ) ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516[4] และได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539[5] แต่ได้ขอลาออกหลังจากรับการแต่งตั้งในเดือนเดียวกัน ด้านการศึกษาเป็นผู้ริเริ่มในการยกฐานะแผนกวิชานิติศาสตร์ ในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ขึ้นเป็นคณะนิติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ และดำรงตำแหน่งคณบดี อยู่ ๖ ปี นอกจากนั้น เป็นผู้บรรยายกฎหมายในสถาบันการศึกษาอีกหลายแห่ง ด้านวิชาชีพได้ก่อตั้งสำนักกฎหมาย ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๓ จนถึงปัจจุบัน ด้านการเมืองเริ่มเป็นสมาชิกรัฐสภาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ จนถึง พ.ศ. ๒๕๓๕ และดำรงตำแหน่งรอง ประธานฯ, ประธานวุฒิสภา, ประธานรัฐสภา หลายสมัย ด้านบริหารราชการแผ่นดินได้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2518 เหตุที่เป็นนักนิติศาสตร์ที่ยึดมั่นใน หลักยุติธรรม นิติธรรม สันติธรรม จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการอำนวยความยุติธรรมใน ๓ จังหวัดชายแดน ภาคใต้ (กอยส) และเป็นประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม แห่งชาติ (คอ.นธ) ด้านเกียรติคุณที่ได้รับทางวิชาการ- ในปี ๒๕๒๒ ได้โปรดเกล้าฯให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - พ.ศ. ๒๕๓๐ และ พ.ศ. ๒๕๓๒ รับพระราชทานปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามลำดับ - พ.ศ. ๒๕๓๑ รับพระราชทานปริญญาบัตร (กิตติมศักดิ์) จากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ด้านสังคมสงเคราะห์- โปรดเกล้าฯให้เป็นกรรมการสภากาชาดไทย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ จนถึงปัจจุบัน - เป็นประธานกรรมการมูลนิธิตึก สก. ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ จนถึงปัจจุบัน - เป็นประธานกรรมการพีระยานุเคราะห์ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ จนถึงปัจจุบัน ด้านเกียรติยศในสังคม- ได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ประเภทส่งเสริมกิจการคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ - ได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๓๗ - ได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสดุดี ชั้นที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ - เป็นนักศึกษาดีเด่นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ในโอกาสมหาวิทยาลัยมีอายุครบ ๕๐ ปี - ได้เป็น “ปูชนียบุคคล” หนึ่งในร้อยคนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ งานเขียนตำรากฎหมาย
หนังสือด้านอื่นๆ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia