ธีรเดช มีเพียร
พลเอก ธีรเดช มีเพียร สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 10 สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 11 สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 และ ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมการค้านักธุรกิจกลาง-เล็ก ไทยจีน อดีตสมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา (ชุด 2554) และ อดีตประธานวุฒิสภา คนที่ 15 ของไทย อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดินของประเทศไทย อดีตราชองครักษ์พิเศษ[2] และอดีดปลัดกระทรวงกลาโหม รองประธานสถาบันพระปกเกล้า ประวัติพล.อ. ธีรเดช มีเพียร เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2483 จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล สำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต จากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต ประกาศนียบัตรนักบินทหาร และประกาศนียบัตรเสนาธิการทหารบก จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหรัฐ สำเร็จหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร จากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 34 และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง การทำงานราชการทหารพล.อ. ธีรเดช มีเพียร เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ ใน พ.ศ. 2520 เป็นวุฒิสมาชิก ใน พ.ศ. 2522 เป็นเจ้ากรมการข่าวทหาร พ.ศ. 2536 เป็นผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ใน พ.ศ. 2539 และเป็นผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก ใน พ.ศ. 2540 จนกระทั่งได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ใน พ.ศ. 2541[3] จนเกษียณอายุราชการใน พ.ศ. 2543 ผู้ตรวจการแผ่นดินต่อมาใน พ.ศ. 2546 ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา[4] และเปลี่ยนเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดินคนแรก เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550[5] จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุครบ 70 ปี ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553 สมาชิกวุฒิสภาใน พ.ศ. 2554 พล.อ. ธีรเดช มีเพียร ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา[6] และได้รับคัดเลือกเป็นประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554 ด้วยเสียงสนับสนุน 94 เสียง[7] ในช่วงปลาย พ.ศ. 2554 สื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้มีการตั้งฉายาให้กับนักการเมือง ซึ่งพลเอกธีรเดช ได้รับฉายาในครั้งนี้ว่า "นายพลถนัดชิ่ง"[8] จากบทบาทการเลี่ยงตอบคำถามของนักข่าว จนถูกมองว่าเป็นการชิ่งหนี มกราคม พ.ศ. 2557 ศาลอาญาตัดสินให้พล.อ. ธีรเดช มีเพียร พ้นจากข้อกล่าวหา แต่จากสถานะการณ์ร้อนแรงทางการเมืองทำให้ไม่ได้รับการเสนอข่าวจากสำนักข่าวใด ๆ ในประเทศไทย การพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภาพล.อ. ธีรเดช พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 หลังศาลอาญามีคำสั่งให้ตัดสินจำคุก 2 ปี เนื่องจากเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดินของประเทศไทย ได้ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองและคนในวุฒิสภา แต่ทว่าสถานะความเป็นสมาชิกวุฒิสภายังคงดำรงอยู่[9] พ.ศ. 2556 ศาลอาญาได้ตัดสินยกเลิกคำร้องหลังจากพิจารณาการอุทรณ์ ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ภายหลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ[10] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia