ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ชื่อเล่น แชมป์; 20 เมษายน พ.ศ. 2527 —) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวไทย เกิดที่จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในไทยลีก โดยเขาสวมเสื้อหมายเลข 1 สโมสรอาชีพบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดศิวรักษ์ทำผลงานได้ดีในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2556 รอบเพลย์ออฟ โดยการเซฟลูกยิงของโทมัส บรอยเซอร์, เบสาร์ท เบริซา และเจอมส์ เมเยอร์ ซึ่งเป็นผู้เล่นบริสเบนโรอาห์ ทีมจากเอ-ลีกของออสเตรเลีย และการเซฟลูกจุดโทษ 3 ลูกติด ทำให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะบริสเบนโรอาห์ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม และยังได้รางวัลแมนออฟเดอะแมตช์อีกด้วย และทำให้ชื่อของศิวรักษ์ติดอันดับที่ 5 ของเอเชียในการเซฟลูกจุดโทษที่มากที่สุด ในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2561 ศิวรักษ์ทำผลงานได้ดีอีกครั้งในรอบแบ่งกลุ่มจนทำให้บุรีรัมย์ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนที่จะตกรอบในนัดที่บุกแพ้ช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ 0–2 แต่ในนัดนั้น ศิวรักษ์เซฟถึง 11 ครั้งในเกมเดียว ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับสองในเอซีแอล เป็นรองเพียงมุฮัมมัด รอชิด มาซอเฮรี ที่เซฟ 31 ครั้ง[2][3] ฤดูกาล 2562ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ นัดชิงชนะเลิศ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2561 เจอกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์ช้าง เอฟเอคัพ 2561 ที่สนามกีฬากองทัพบกในกรุงเทพมหานคร ศิวรักษ์ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดนั้น สุดท้าย บุรีรัมย์ แซงเอาชนะ สิงห์ เชียงราย 3–1 ช่วยให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ สมัยแรก ได้สำเร็จ[4] ต่อมาในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562 โตโยต้า ลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศ บุรีรัมย์พบกับ พีที ประจวบ ที่เอสซีจีสเตเดียมในจังหวัดนนทบุรี ผลจบลงด้วยการเสมอ 1–1 ในเวลา 120 นาที ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ ศิวรักษ์ เซฟลูกยิงของ สมภพ นิลวงศ์ คนยิงคนแรกของประจวบ และศิวรักษ์ก็เป็นคนยิงคนที่ 6 เขายิงเข้าไปได้ แต่สุดท้าย บุรีรัมย์พ่ายแพ้ประจวบในช่วงลูกโทษ 7–8 ผลประตูรวม 8–9 พลาดโอกาสคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ อย่างน่าเสียดาย[5] จบฤดูกาล ศิวรักษ์ลงเล่นในลีกครบ 30 นัด เก็บคลีนชีตส์ได้ 14 นัด ทำให้เขาเป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีตส์ได้มากที่สุดในไทยลีก ฤดูกาล 2562 ฤดูกาล 2563–64ในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2563 การแข่งขันไทยลีก ฤดูกาล 2563–64 นัดแรกของสโมสรหลังจากหยุดพักลีกช่วงโควิด ศิวรักษ์เซฟลูกโทษของเฟลิเป ดาซิลวา แม้ว่ารัชนาท อรัญไพโรจน์จะตามซ้ำเป็นประตูเข้าไปได้ แต่เมื่อตรวจสอบวีเออาร์ พบว่าประตูนี้ล้ำหน้า ทำให้ต้องยกเลิกประตูคืน สุดท้ายบุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะสุพรรณบุรีไปได้ 1–0[6] ต่อมาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 การแข่งขันช้าง เอฟเอคัพ 2563–64 รอบ 16 ทีมสุดท้าย บุรีรัมย์บุกไปเสมอกับการท่าเรือแบบไร้ประตูในเวลา 120 นาที ทำให้ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ ซึ่งศิวรักษ์สามารถเซฟลูกยิงของธนาสิทธิ์ ศิริผลา และธนบูรณ์ เกษารัตน์ ช่วยให้บุรีรัมย์เอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 9–8 ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ[7] ต่อมาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ การแข่งขันไทยลีกนัดที่ 17 เขาเซฟลูกโทษของฟิลิป โรลเลอร์ ช่วยให้บุรีรัมย์เก็บคลีนชีตส์และเปิดบ้านเอาชนะราชบุรี มิตรผลไปได้ 3–0[8] ทีมชาติไทยศิวรักษ์เคยเป็นผู้รักษาประตูสำรองของทีมชาติไทยต่อจากกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ โดยยึดเป็นมือหนึ่งของทีมชาติไทยในช่วงที่กวินทร์เจ็บหัวเข่า ในช่วงที่ วินเฟรด เชเฟอร์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้น ศิวรักษ์ได้ลงสนามแค่นัดเดียว คือ นัดอุ่นเครื่องกับพม่าครั้งที่สอง โดยศิวรักษ์ถูกส่งตัวลงมาแทน สินทวีชัย หทัยรัตนกุล จบการแข่งขันเสมอกันไป 1–1 ศิวรักษ์ได้กลับมาลงเล่นเกมทีมชาติอย่างเป็นทางการอีกครั้งในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2561 โดยเขาได้ลงเล่นสองนัด ในนัดที่ไทยเปิดบ้านเอาชนะติมอร์-เลสเต 7–0 และอินโดนีเซีย 4–2 ตามลำดับ ต่อมาในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2562 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ศิวรักษ์ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 3 นัด ได้แก่ นัดที่ไทยเอาชนะบาห์เรน 1–0 และเสมอยูเออี 1–1 ในรอบแบ่งกลุ่ม อีกนัดก็คือนัดที่ไทยพ่ายแพ้จีน 1–2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ศิวรักษ์ มีชื่อติดทีมชาติไทยเบื้องต้น 33 คน[9] และในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562 ศิวรักษ์ ยังคงมีชื่อติดทีมชาติไทยในรอบที่ตัดตัวเหลือ 23 คนสุดท้าย ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก นัดที่ไทยจะเปิดบ้านพบกับเวียดนามและออกไปเยือนอินโดนีเซีย[10] ต่อมาในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562 ศิวรักษ์ ได้รับการแต่งตั้งจาก อากิระ นิชิโนะ ให้เป็นกัปตันของทีมชาติไทยในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เขาถือเป็นกัปตันคนแรกของทีมชาติไทยในการคุมทีมของนิชิโนะ และเป็นครั้งแรกที่เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติ[11] สถิติอาชีพสโมสร
ทีมชาติ
เกียรติประวัติสโมสร
ทีมชาติ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia