วิลเลียม สแตนดิช โนลส์
วิลเลียม สแตนดิช โนลส์ (อังกฤษ: William Standish Knowles; 1 มิถุนายน ค.ศ. 1917 – 13 มิถุนายน ค.ศ. 2012) เป็นนักเคมีชาวอเมริกันผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีกึ่งหนึ่งใน ค.ศ. 2001 ร่วมกับเรียวจิ โนโยริ "สำหรับผลงานว่าด้วยปฏิกิริยาไฮโดรจีเนชันที่มีตัวเร่งปฏิกิริยาไครัล" ในขณะที่อีกกึ่งหนึ่งมอบให้คาร์ล แบร์รี ชาร์เพลส "สำหรับผลงานว่าด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชันที่มีตัวเร่งปฏิกิริยาไครัล"[1] ประวัติการศึกษาวิลเลียม สแตนดิช โนลส์เกิดที่เมืองทอนตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และเข้าเรียนที่โรงเรียนเบิร์กเชอร์ในเมืองเชฟฟีลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เขาทำคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนและสามารถสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ แต่โนลส์เลือกที่จะเข้าเรียนที่วิทยาลัยฟิลลิปส์ในเมืองแอนโดเวอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เนื่องจากเขาคิดว่ายังอายุน้อยเกินไปที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ที่แอนโดเวอร์เขาได้รับรางวัลสาขาเคมีเป็นครั้งแรกในชีวิตจากการสอบแข่งขันชิงรางวัลบอยล์สตันมูลค่า 50 ดอลลาร์ที่โรงเรียน[2] โนลส์เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหลังจากใช้เวลาหนึ่งปีที่วิทยาลัยฟิลลิปส์ โดยเลือกวิชาเคมีเป็นวิชาเอกและเน้นด้านเคมีอินทรีย์ เขาจบปริญญาตรีจากฮาร์วาร์ดใน ค.ศ. 1939 และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย[2] รางวัลเกียรติยศ
รางวัลโนเบลสาขาเคมีโนลส์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีกึ่งหนึ่งใน ค.ศ. 2001 ร่วมกับเรียวจิ โนโยริ "สำหรับผลงานว่าด้วยปฏิกิริยาไฮโดรจีเนชันที่มีตัวเร่งปฏิกิริยาไครัล" ในขณะที่อีกกึ่งหนึ่งมอบให้คาร์ล แบร์รี ชาร์เพลสสำหรับปฏิกิริยาออกซิเดชันแบบไครัล โนลส์เป็นผู้ที่ค้นพบปฏิกิริยาไฮโดรจีเนชันแบบไครัลปฏิกิริยาแรก ๆ โดยใช้ลิแกนด์ฟอสฟีนไครัลในตัวเร่งปฏิกิริยาของวิลคินสัน (Wilkinson's catalyst) แทนไตรฟีนิลฟอสฟีนซึ่งไม่เป็นไครัล ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่นี้สามารถสังเคราะห์สารเคมีแบบคัดเลือกอิแนนชิโอเมอร์ได้ โดยได้ค่าอิแนนชิโอเมอริกเอ็กเซส (enantiomeric excess) หรือผลต่างระหว่างอัตราส่วนของอิแนนชิโอเมอร์หนึ่งต่ออีกอิแนนชิโอเมอร์หนึ่ง 15% ![]() นอกจากนี้โนลส์ยังเป็นคนแรกที่ใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาไครัลไปประยุกต์ใช้กับการสังเคราะห์ระดับอุตสาหกรรม โดยในขณะที่เขาทำงานให้กับมอนซานโต้ เขาได้ใช้ลิแกนด์ DIPAMP สำหรับการสังเคราะห์ L-DOPA[6][7] ชีวิตส่วนตัวโนลส์เกษียณอายุใน ค.ศ. 1986 และย้ายไปอยู่ที่เมืองเชสเตอร์ฟีลด์ ชานเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี เขาดูแลทุ่งหญ้าแพรรีขนาด 100 เอเคอร์ที่แนนซี ภรรยาของเขาได้รับมรดก เขาสมรสกับแนนซีเป็นเวลา 66 ปีและมีบุตรธิดาด้วยกัน 4 คนได้แก่เอลิซาเบธ พีเทอร์ แซราห์ และเลสลีย์ และมีหลาน 4 คน วิลเลียม สแตนดิช โนลส์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2012 สิริอายุได้ 95 ปี โดยก่อนเสียชีวิตวิลเลียมและแนนซีเปิดเผยว่าทุ่งหญ้าแพรรีนี้จะบริจาคให้แก่สาธารณะเพื่อใช้เป็นสวนสาธารณะประจำเมือง[8] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia