พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่
พระเจ้าจอร์จที่ 1[1] แห่งบริเตนใหญ่ (อังกฤษ: George I of Great Britain, เยอรมัน: George I von Großbritannien) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และราชอาณาจักรไอร์แลนด์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ระหว่างปี ค.ศ. 1714 ถึง 1727 พระองค์ไม่เป็นที่นิยมชมชอบในอังกฤษมากนัก เนื่องจากตรัสภาษาอังกฤษไม่ได้และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเยอรมนี ประวัติพระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ มีพระนามเยอรมันว่า เกออร์ค ลูทวิช แห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค (เยอรมัน: Georg Ludwig von Braunschweig-Lüneburg) พระราชสมภพเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 ที่ออสนาบรึค (ประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน) เป็นพระโอรสองค์โตของแอ็นสท์ เอากุสท์ ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค กับเจ้าหญิงโซฟีแห่งฮันโนเฟอร์ ทายาทแห่งฮันโนเฟอร์ยามที่พระองค์ประสูติในปี 1660 ขณะนั้นราชรัฐเบราน์ชไวค์ (หรือเรียกฮันโนเฟอร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชรัฐ) ถูกปกครองโดยโยฮัน ฟรีดริช ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคม 1679 ดยุกโยฮัน ฟรีดริช สิ้นพระชนม์โดยที่ไม่มีพระบุตร ลุงคนรองก็สิ้นพระชนม์ก่อนแล้ว ส่งผลให้บัลลังก์ของเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์คและคาเลินแบร์ค ตกเป็นของแอ็นสท์ เอากุสท์ พระบิดาของเกออร์ค ส่งผลให้เจ้าชายเกออร์คกลายเป็นรัชทายาทแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์คและคาเลินแบร์ค ในปี 1682 เจ้าชายเกออร์ค ลูทวิช สมรสกับโซฟี โดโรเทอา แห่งเซ็ลเลอ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเอง ต่อมาในปี 1863 เจ้าชายเกออร์คและอนุชา มีส่วนร่วมในยุทธการที่เวียนนาเพื่อต่อต้านการรุกรานโดยจักรวรรดิออตโตมัน และในปีเดียวกัน พระชายาก็ให้กำเนิดพระโอรสนามว่าเจ้าชายเกออร์ค เอากุสท์ (ต่อมาคือพระเจ้าจอร์จที่ 2) และต่อมาในปี 1687 ก็ให้กำเนิดพระธิดานามว่าเจ้าหญิงโซฟี โดโรเทอา เจ้าผู้ครองฮันโนเฟอร์ในปี 1698 พระบิดาสิ้นพระชนม์ ส่งผลให้เจ้าชายเกออร์ค ลูทวิช ขึ้นสืบบัลลังก์เป็นดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค และว่าที่เจ้ามติกรแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังครองบัลลังก์เพียงสองปีเศษ เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งกลอสเตอร์ รัชทายาทแห่งบริเตนใหญ่สิ้นพระชนม์ รัฐสภาบริเตนใหญ่กังวลว่าบัลลังก์บริเตนใหญ่จะตกเป็นของเจ้าสายอื่นที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก จึงตราพระราชบัญญัติว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ ค.ศ. 1701 กำหนดให้เจ้าหญิงโซฟีแห่งฮันโนเฟอร์ (หลานตาในพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ) เป็นรัชทายาทลำดับหนึ่งแห่งบริเตนใหญ่ ด้วยเหตุนี้ ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค ในฐานะโอรสของโซฟี จึงกลายเป็นรัชทายาทลำดับสอง ในปี 1708 มหาสภาจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์มีมติรับรองให้ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค เป็นเจ้ามติกรแห่งฮันโนเฟอร์ หลังจากที่รอมาตั้งแต่ปี 1692 กษัตริย์แห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์มิถุนายน 1714 เจ้าหญิงโซฟีสิ้นพระชนม์ในนครฮันโนเฟอร์ ส่งผลให้เจ้าชายเกออร์ค ลูทวิช ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค กลายเป็นรัชทายาทลำดับหนึ่งแห่งบริเตนใหญ่ หลังจากนั้นเพียงสามสัปดาห์ พระนางเจ้าแอนน์แห่งบริเตนใหญ่ก็เสด็จสวรรคต ราชสมบัติบริเตนใหญ่จึงตกแก่ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค กันยายน 1714 ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์คเสด็จจากฮันโนเฟอร์ไปยังกรุงลอนดอนพร้อมด้วยพระราชโอรส และประกอบพิธีราชาภิเษกเป็น พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพระองค์ตรัสภาษาอังกฤษไม่ได้ และไม่มีความเข้าพระทัยในการปกครองของอังกฤษภายใต้ระบบรัฐสภา (ซึ่งแตกต่างจากฮันโนเฟอร์ที่เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์) จึงทรงโปรดเกล้าให้มีคณะรัฐมนตรีเหมือนอย่างในบรรดาราชรัฐเยอรมัน ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์ ในการนี้แต่งตั้งเซอร์รอเบิร์ต วอลโพล ผู้สามารถพูดภาษาอังกฤษและเยอรมัน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงสามารถใช้เวลาประทับในเยอรมนีที่ซึ่งทรงคุ้นเคย มากกว่าใช้เวลาประทับในอังกฤษ ในป 1719 บริเตนใหญ่เผชิญวิกฤตฟองสบู่แตก แต่ก็คลี่คลายด้วยฝีมือของวอลโพล ในปี 1721 ก็ทรงแต่งตั้งวอลโพลเป็นนายกรัฐมนตรีบริเตนใหญ่คนแรก
ราชตระกูล
พระบรมราชอิสริยยศ
อ้างอิง
ดูเพิ่มวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่
|
Portal di Ensiklopedia Dunia