พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร)
พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) นามสกุล ฝังมุข (7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 – 25 มกราคม พ.ศ. 2559) อดีตเจ้าคณะภาค 12 อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประวัติพระพรหมสุธี มีนามเดิมว่า เสนาะ ฝังมุข เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 ปีวอก ตรงกับวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากทางบ้านยากจน หลังเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดสามเรือนแล้ว โยมพ่อจึงได้นำไปฝากกับอาจารย์ชุบ เจ้าอาวาสวัดสามเรือน เพื่อจะได้บวชเรียน จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านสร้าง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2512 จากนั้นสามเณรเสนาะได้คอยปรนนิบัติรับใช้อาจารย์ชุบและศึกษาพระธรรมวินัยควบคู่กันไปด้วย จนได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2521 ณ พระอุโบสถ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพรหมคุณาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "ปญฺญาวชิโร" มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาอันเฉียบแหลม หลังจากอุปสมบทก็ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ดูแลงานปกครอง ดูแลด้านการเงิน ในขณะเดียวกันยังเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดสระเกศ เป็นกรรมการตรวจนักธรรมสนามหลวง และกรรมการตรวจบาลีสนามหลวง เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) มรณภาพเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556 พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จึงแต่งตั้งพระพรหมสุธีเป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ[1] และได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ต่อมาในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาให้พระพรหมสุธีออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม เพราะสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบพบว่า พระพรหมสุธีมีพฤติกรรมส่อทุจริตต่องบประมาณแผ่นดิน จำนวน 67 ล้านบาท ที่รัฐบาลอนุมัติเป็นค่าใช้จ่ายในพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) จึงปลดพระพรหมสุธี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์โดยรวม รวมถึงไม่ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคมต่อไป[2] และในวันเดียวกันพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามสั่งพระพรหมสุธีพักการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเจ้าอาวาสสระเกศ และให้พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) รักษาการแทน[3] ต่อมาในวันที่ 16 มกราคม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ได้สั่งให้พระพรหมสุธีพักการปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะภาค 12 โดยให้พระเทพรัตนมุนี (สุรชัย สุรชโย) รองเจ้าคณะภาค12 เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 12 แทน[4] การศึกษา
สมณศักดิ์
ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์
หน้าที่การงานพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญวชิโร) ได้ปฏิบัติสรรพกิจน้อยใหญ่ จำแนกได้ตามด้านต่าง ๆ ดังนี้ ด้านการศึกษาได้สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมสำนักเรียนวัดสระเกศ เป็นเลขานุการประจำสำนักเรียน ทั้งแผนกธรรมและบาลี เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมสนามหลวง กรรมการตรวจประโยคบาลีสนามหลวง อีกทั้งได้จัดตั้งวิทยุชุมชน เพื่อให้พระภิกษุได้บรรยายและแสดงธรรมเป็นประจำ นอกจากนี้ ได้จัดให้พระภิกษุไปสอนศีลธรรมตามโรงเรียนและจัดพระภิกษุผู้ทรงคุณวุฒิไปแสดงปาฐกถาธรรม ให้การฝึกอบรมตามสถานศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ได้มอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรที่สอบนักธรรมและบาลีของสำนักเรียนวัดสระเกศ และวัดโสธรวราราม อีกทั้งมอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และแจกทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนและเด็กนักเรียนอีกด้วย นอกจากนี้ เมื่อ พ.ศ. 2545 ได้บริจาคปัจจัยเป็นทุนอาหารกลางวันแก่นักเรียนโรงเรียนบ้านสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตลอดทั้งปี และจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ครบชุดให้อีกในปีถัดมา ต่อมา พ.ศ. 2547 ได้จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ครบชุดให้แก่โรงเรียนบาลีอบรมศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ด้านการสาธารณูปการได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ให้ดำเนินการก่อสร้างศาลารับรองและกุฏิ รวมทั้งบูรณปฏิสังขรณ์โรงเรียนพระปริยัติธรรม ตึกสมเด็จญาโณทยมหาเถระ (พ.ศ. 2501) และเป็นประธานดำเนินการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและหอไตร วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ด้านการสาธารณสงเคราะห์ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติตามโอกาสอันควรตลอดมา อาทิ ได้มอบเครื่องนุ่งห่ม ให้แก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดารในเขตปกครองหนตะวันออก และมอบปัจจัย อัฐบริขารที่จำเป็นให้แก่พระภิกษุสามเณรที่ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในนามวัดโสธรวราราม วรวิหาร อีกทั้งได้รับมอบหมายจากกรรมการมหาเถรสมาคมเดินทางไปตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจแก่พระภิกษุสามเณรในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ได้ให้จัดพิมพ์ปฏิทิน พุทธศักราช 2549 ที่ระลึกพระพุทธโสธรเพื่อแจกจ่ายแก่พุทธศาสนิกชนและวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ให้จัดพิมพ์หนังสือธรรมะเพื่อแจกจ่ายให้แก่พุทธศาสนิกชนที่เดินทางไปกราบไหว้นมัสการพระพุทธโสธร รวมทั้งได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการใช้สื่อทุกประเภทเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา และจัดกิจกรรมตามวัดต่าง ๆ ในเขตปกครองภาค 12 อาทิ แสดงพระธรรมเทศนาทุกวันธรรมสวนะ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม ลดละเลิกอบายมุขถวายเป็นพุทธบูชาอย่างต่อเนื่อง มรณภาพวันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลาประมาณ 09.00 น. มีผู้พบศพพระพรหมสุธี ซึ่งมรณภาพจากการทำอัตวินิบาตกรรมโดยใช้ประคดผูกคอตนเองกับขื่อภายในกุฏิ คาดว่ามรณภาพมาแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง[13] สิริอายุได้ 58 ปี 298 วัน อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia