พระนางจันทรวรเทวี
พระนางจันทรวรเทวี (เขมร : ព្រះនាងច័ន្ទតារាវត្តី, โรมัน : Chantraworadevi) พระองค์เป็นพระมเหสีของพระเจ้าตระซ็อกประแอม (พ.ศ.1879-1883)[1] เป็นพระราชมารดาในพระบรมนิพพานบทและพระสิทธานราชา อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ยังหาข้อสรุปถึงการมีอยู่จริงของตัวตนของนาง[2] พระราชประวัติพระองค์เป็นพระราชธิดาในพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 และพระนางองค์ราชเทวี[3] พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับพระองค์ชัย พระราชปนัดดาในพระเจ้าชัยอินทรวรมันที่ 4 แห่งจามปา และเป็นพระญาติทางพระราชมารดาในปี พ.ศ. 1833 หลังจากอภิเษกสมรส (พระเจ้าชัยวรมันที่ 9) ทรงพระราชทานเมืองทางตอนใต้ใกล้เมืองจตุมุขให้ปกครอง ครั้นถึงปี พ.ศ. 1879 ใด้เกิดการจลาจลขึ้นในเมืองพระนครหลวงทำให้พระเจ้าชัยปรเมศวรถูกลอบปลงพระชนม์เสด็จสวรรคตบรรดาขุนนางสรรพมุขมนตรีทั้งหลายจึงอัญเชิญพระองค์ชัยผู้เป็นพระราชบุตรเขยขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรียโศธรปุระเฉลิมพระนาม พระบาทศรีสุริโยพันธุ์ จากนั้นจึงสถาปนาพระนางจันทรวรเทวีขึ้นเป็นพระอัครมเหสี หลังจากอภิเษกสมรสได้ 45 ปีและสถาปนา พระบรมนิพพานบท พระราชโอรสองค์โตขึ้นเป็นพระอุปราชขณะมีพระชนม์มายุ 44 พรรษา ซึ่งเหตุการณ์นี้เองที่นักวิชาการกัมพูชามองว่าพระองค์ชัยหรือพระศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 กับพระเจ้าแตงหวานไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน ซึ่งสรุปได้ว่าพระเจ้าแตงหวานเป็นเพียงบุคคลในตำนานนิทานพื้นบ้าน นักวิชาการให้น้ำหนักว่าพระบาทศรีสุริโยพันธุ์นั้นทรงเป็นเชื้อพระวงศ์มาก่อนแน่นอน เพราะในขณะนั้นราชวงศ์มหิธรปุระ ยึดถือระบบชนชั้นวรรณะแบบอินเดียอย่างเข้มข้น[4] การที่พระนางจันทรวรเทวีซึ่งมีวรรณะกษัตริย์จะไปสมรสกับชนชั้นศูทร (ไพร่) ย่อมขัดแย้งกับประเพณีของบ้านเมืองในขณะนั้น[5] พระเจ้าตระซ็อกประแอมได้ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ด้วยพระแสงหอกลำแพง[6] จนสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 1879 ต่อมาบรรดานาหมื่นสรรพมุขมนตรีทั้งหลายจึงพร้อมใจกันถวายราชสมบัติให้ขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นพระมหากษัตริย์อาณาจักรพระนคร และทรงรับพระนางจันทรวรเทวี พระราชธิดาในพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 เป็นสมเด็จพระอัครมเหสี ขณะนั้นพระเจ้าตระซ็อกประแอมมีพระชนมายุ 70 ปี ได้สถาปนาพระนางเป็น สมเด็จพระภัควดี ศรีจันทรวรเทวี พระอรรคมเหษี พระองค์ทรงประสูติพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ พระบรมนิพพานบทและพระสิทธานราชา อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia