พระตำหนักสวนหงส์
พระตำหนักสวนหงส์ เป็นพระตำหนักภายในพระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เคยใช้เป็นสถานที่จัดแสดงภาพงานพระราชพิธีโบราณต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีสมโภชเดือนขึ้นพระอู่ พระราชพิธีตรียัมปวาย รวมทั้ง จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชวังดุสิตโดยแบ่งอาณาเขตของพระราชวังเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นในดังเช่นแบบแผนการสร้างพระราชวังโดยทั่วไป ในเขตพระราชฐานชั้นในนั้นพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างพระตำหนักและตำหนักต่าง ๆ ขึ้น โดยแต่ละแห่งขึ้นต้นด้วยคำว่า "สวน" โดยพระตำหนักที่พระองค์โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้านั้นพระราชทานนามว่า "พระตำหนักสวนหงส์" ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับประตูนกร้อย ก่อนหน้านั้นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักศรีราชาเพื่อพักฟื้นจากพระอาการประชวร ระหว่างนั้นพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งหูกทอผ้าพื้นบ้านขึ้นภายในพระตำหนัก เมื่อพระองค์เสด็จมาประทับ ณ พระตำหนักสวนหงส์จึงได้จัดตั้งกองทอผ้าส่วนพระองค์ขึ้นภายในพระตำหนัก ผ้าจากกองทอนี้โปรดให้นำออกจัดจำหน่ายให้แก่ประชาชน เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงข้าราชบริพารเรื่อยมา พระองค์เสด็จพระทับภายในพระตำหนักสวนหงส์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2445 จนถึง พ.ศ. 2453 หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเสด็จไปประทับกับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่พระราชวังพญาไทเป็นเวลาหลายเดือน และได้กลับมาประทับที่พระตำหนักสวนหงส์เป็นครั้งคราว ก่อนที่จะเสด็จไปประทับยังวังสระปทุมเป็นการถาวรตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงพระกรุณาโปรดให้ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ 6 และ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี มาประทับ จนถึงเดือนเมษายน ๒๔๗๕ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสด็จไปประทับที่ พระตำหนักพัชราลัย ในฤดูร้อน แล้วเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติสยาม ซึ่งพระตำหนักสวนหงส์อยู่ใกล้กับพระที่นั่งอนันตสมาคมที่ก่อการ ทำให้ยากต่อการถวายอารักขา เพื่อความปลอดภัยส่วนพระองค์ จึงย้ายไปประทับ ณ พระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ในสวนสุนันทา และหลังจากนั้นก็ไม่มีเจ้านายเสด็จมาประทับที่พระตำหนักนี้อีกเลยจนปัจจุบัน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 พื้นที่บางส่วนของพระราชวังดุสิตตกไปอยู่ภายใต้ความดูแลของกองทัพบก รวมทั้ง พระตำหนักสวนหงส์ด้วย จนกระทั่ง พ.ศ. 2532 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายคืนพื้นที่ภายใต้ความดูแลของกองทัพบกให้แก่สำนักพระราชวัง พระตำหนักสวนหงส์จึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้มีความสมบูรณ์อีกครั้ง พระตำหนักสวนหงส์เคยใช้เป็นสถานที่จัดแสดงภาพงานพระราชพิธีโบราณต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีสมโภชเดือนขึ้นพระอู่ พระราชพิธีตรียัมปวาย พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีเสด็จทางสถลมารคและชลมารค รวมทั้ง จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เช่น พระฉายาลักษณ์เมื่อผนวชและพระราชพิธีสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมาเมื่อมีการปรับปรุงบริเวณภายในพระราชวังดุสิต พระตำหนักสวนหงส์ได้ถูกชะลอย้ายมาปลูกสร้างใหม่บริเวณอุทยานด้านหลังพระที่นั่งอัมพรสถาน หรือฝั่งถนนนครราชสีมา สถาปัตยกรรมพระตำหนักสวนหงส์ เป็นพระตำหนักไม้ 2 ชั้น บริเวณเชิงชาย ระเบียง และคอสองตกแต่งด้วยไม้แกะสลักลวดลายขนมปังขิง ตัวอาคารทาสีเขียวและขาว บริเวณด้านหน้าพระตำหนักตั้งรูปปฏิมากรรมรูปหงส์ประดับไว้ด้วย พระตำหนักออกแบบและก่อสร้างโดยกลุ่มนายช่างประจำราชสำนัก ซึ่งเป็นชาวตะวันตก ได้แก่ ชาวอิตาเลียน เยอมัน และอังกฤษ สถาปัตยกรรมของพระตำหนักสวนหงส์นั้นเมื่อพิจารณาตามส่วนต่าง ๆ แล้วน่าจะมีสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียน กอทิค ซึ่งเป็นศิลปะร่วมสมัยกับพระที่นั่งวิมานเมฆ แต่เมื่อพิจารณาแบบองค์รวมแล้วจัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Picturesque มากกว่า และนับเป็นสถาปัตยกรรมแนวสัญลักษณ์นิยมที่สามารถผสมผสานวัฒนธรรมไทย จีน และแขกได้อย่างลงตัว อ้างอิง
ดูเพิ่มพระตำหนักที่ประทับในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าแห่งอื่น ๆ ได้แก่
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia