ประพาศ ศกุนตนาค
พลตรี ประพาศ ศกุนตนาค (24 ธันวาคม พ.ศ. 2475 – 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567) อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549[1] และเป็นบิดาของ พลเอก ศานติ ศกุนตนาค หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา และ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4[2]
ประวัติพลตรี ประพาศ เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นบุตรของขุนเหมสมาหาร (ประพงศ์ ศกุนตนาค) อดีตนายอำเภอสีคิ้วที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีกบฏบวรเดช และนางเหมสมาหาร (พริ้ง ศรีเพ็ญ) เป็นหลานปู่ของหลวงสรรพกิจโกศล (ปาน) อดีตนายอำเภอพุทไธสง ต้นสกุล "ศกุนตนาค"[3] พล.ต.ประพาศ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนอำนวยศิลป์, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมนายร้อย รุ่นที่ 17[3] และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ 10 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[4] การทำงานราชการทหารและการเมืองพลตรี ประพาศ รับราชการอยู่ในเหล่าทหารสื่อสารมาโดยตลอด หลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์สอนวิชาทหารในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า[3] เป็นระยะเวลา 18 ปี โดยเป็นอาจารย์ผู้สอนของนายทหารผู้มีบทบาทสำคัญในประเทศ เช่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอก อุดมเดช สีตบุตร เป็นต้น[5]ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ขณะดำรงยศ พันเอก ได้รับตำแหน่งโฆษกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ต่อมาในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ขณะดำรงยศพลตรีได้รับตำแหน่ง โฆษกคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พลตรี ประพาศ ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2549[6] ผู้ประกาศข่าวและผู้บรรยายพลตรี ประพาศ เป็นผู้ประกาศข่าวของช่อง 5 ในยุคแรกร่วมกับเสกสรรค์ ภู่ประดิษฐ์ และสุชาติ นาทะพันธุ์[7][8] รวมถึงยังเป็นผู้ประกาศข่าวของช่อง 7 ยุคก่อตั้งสถานีที่ยังคงอยู่ในความดูแลของ ททบ.5 และยังออกอากาศเป็นภาพขาวดำอยู่ พลตรี ประพาศ ยังมีความแม่นยำเรื่องของงานพระราชพิธี ราชาศัพท์ และการออกเสียงพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์อย่างถูกต้อง ทุกพระองค์ จึงเป็นผู้วางระเบียบวิธีการในการอ่านข่าวในพระราชสำนักของผู้ประกาศข่าวทุกสถานี เป็นผู้ฝึกสอนผู้ประกาศข่าว เรื่องหลักการใช้ภาษาไทย การอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง อีกทั้งเป็นวิทยากรอบรมเรื่องการประกาศข่าว ให้กับกรมประชาสัมพันธ์ ททบ.5 และหน่วยงานจำนวนมาก ต่อเนื่องยาวนานมากว่า 40 ปี[9] หลังเกษียณอายุราชการ พลตรี ประพาศ ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก และได้รับโอกาสให้เป็นผู้บรรยายงานพระราชพิธีและรัฐพิธีที่ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยหลายครั้ง โดยงานที่เขาภูมิใจที่สุดคือได้เป็นหัวหน้าคณะผู้บรรยายในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ต่อมาได้ทำหน้าที่เดียวกันในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 และพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 ตามลำดับ[5] ด้านการละครและดนตรีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 พลตรี ประพาศ ขณะมียศเป็นพันตรี ได้มีโอกาสแสดงละครเวทีเฉพาะพระพักตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่องด้วยกัน โดยเรื่องที่สร้างชื่อเสียงได้แก่ สี่แผ่นดิน ในปี พ.ศ. 2517 ซึ่งเขารับบทเป็นคุณเปรม แสดงคู่กับพัชรา ชินพงสานนท์ ร่วมด้วยสุมาลี ชาญภูมิดล (ต่อมาสมรสกับ ชูศักดิ์ สุธีรธรรม) และรจิต ภิญโญวนิชย์ กำกับการแสดงโดย สุพรรณ บูรณะพิมพ์[5][10] นอกจากนี้พลตรี ประพาศ ยังเป็นนักดนตรีที่เล่นดนตรีไทยได้หลายชิ้น สามารถร้องเพลงไทย และขับเสภาได้ไพเราะ จนได้รับคำชมจากหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เขามีโอกาสแสดงดนตรีและขับเสภาในงานสำคัญต่าง ๆ หลายครั้ง อีกทั้งยังเป็นเจ้าของเสียงขับเสภาในละครโทรทัศน์แนวจักร ๆ วงศ์ ๆ หลายเรื่อง เช่น ยอพระกลิ่น, แก้วหน้าม้า, นางสิบสอง, โกมินทร์, ปลาบู่ทอง, ดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง และขวานฟ้าหน้าดำ เป็นต้น[5][11] เขายังเป็นผู้ก่อตั้งสำนักสยามเสภานุรักษ์ และเป็นผู้ควบคุมหลักของชมรมดนตรีไทยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในการแสดงถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันปิยมหาราชของทุกปีด้วย[3] โฆษกคณะปฏิวัติพลตรี ประพาศ ได้รับฉายาว่าเป็น "โฆษกคณะปฏิวัติ" เช่นเดียวกับอาคม มกรานนท์ เนื่องจากมักเป็นผู้ที่อ่านประกาศของคณะรัฐประหารหรือคณะปฏิรูปหรือเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงของชาติหลายครั้ง เช่น เป็นผู้อ่านประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ในเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อปี พ.ศ. 2534, ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535[12] และอ่านประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ในการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2549 เป็นต้น[5] ชีวิตส่วนตัวพลตรี ประพาศ สมรสกับสุปรียา (สกุลเดิม: กล้าหาญ, ถึงแก่กรรมแล้ว) มีบุตร 4 คน ได้แก่ พลเอก ศานติ ศกุนตนาค หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4, ปิยะ ศกุนตนาค ผู้อำนวยการโรงเรียนศิริมงคลศึกษา[13], ปวรัตน์ และสุพัตรา[3] พลตรีประพาศเคยเลี้ยงไก่ชนประมาณ 100 ตัว ซึ่งรวมถึงไก่ชนพันธุ์เหลืองหางขาว รวมถึงมีความชื่นชอบในไม้ประดับ, พระเครื่อง, รถจิ๊ป ส่วนโรคประจำตัวได้แก่ เบาหวาน, น้ำท่วมปอด และหัวใจ เขาถูกฝังอุปกรณ์ช่วยการเต้นของหัวใจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 และต้องไปตรวจการทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวทุก 6 เดือน[5] ถึงแก่อนิจกรรมพลตรี ประพาส ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร สิริอายุ 92 ปี 2 วัน[14] ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดโสมนัสราชวรวิหาร แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร กำหนดสวดพระอภิธรรมระหว่างวันที่ 3-9 มกราคม พ.ศ. 2568 และกำหนดจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 12 มกราคม ปีเดียวกัน[15] รางวัล
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |
Portal di Ensiklopedia Dunia