ทัศนาวลัย ศรสงคราม
ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม (สกุลเดิม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์; เกิด 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488) เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กับพันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ เป็นพระภาคิไนยเพียงคนเดียวในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นพระเชษฐภคินีฝ่ายสมเด็จพระบรมชนกนาถในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประวัติท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นพระธิดาเพียงคนเดียวในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กับพันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ เป็นพระราชนัดดาคนแรกในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นพระราชปนัดดาคนแรกในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ขณะสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาทรงพระครรภ์นั้น พระองค์ทรงขาดแคลนทุนทรัพย์และไม่ได้ประกอบอาชีพ ทำให้ท่านผู้หญิงทัศนาวลัยมีโภชนาการไม่ค่อยดี แม้ว่าสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงมอบเงินจำนวน 600 ฟรังก์สวิสต่อเดือนก็ตาม เมื่อท่านผู้หญิงทัศนาวลัยเกิดมา ทั้งสามจึงอยู่กันอย่างมัธยัสถ์ในสวิตเซอร์แลนด์[3] ในวัยเยาว์ท่านผู้หญิงทัศนาวลัยเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย และไม่ซุกซน[3] เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรเสด็จนิวัตกลับประเทศไทย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา มิได้ตามเสด็จด้วย เนื่องจากต้องดูแลพระธิดา[3] ครั้นท่านผู้หญิงทัศนาวลัยขณะมีอายุได้ 6 ขวบ ก็ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กลับประเทศไทยโดยทางเรือ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัยสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย[3] จากนั้นได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[2] ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงขุดเรือใบฝีพระหัตถ์จำนวนมาก ซึ่งทรงสร้างได้แนบเนียนตามรูปร่างอย่างแบบเรือใบแข่งเพรียวลมด้วยการย่อส่วนอย่างถูกต้องตามหลัก เรือใบที่สำเร็จขึ้นโดยฝีพระหัตถ์เหล่านี้ มีอยู่ลำหนึ่งซึ่งโปรดกว่าลำอื่น พระราชทานชื่อว่า "ทัศนาวลัย" อันเป็นชื่อของพระภาคิไนย และพระราชทานเป็นพระปรมาภิไธย "ภ.อ." ติดที่เรือใบด้วย ส่วนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานพระราชทรัพย์สร้างโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช[4] เดิมชื่อโรงเรียนประชาบาลสามตำบล ต่อมาได้พระราชทานนามโรงเรียนใหม่ว่า "โรงเรียนทัศนาวลัย"[5] ชีวิตส่วนตัวบรรพบุรุษทางฝ่ายบิดาของท่านผู้หญิงทัศนาวลัยเป็นชาวจีนแซ่อึ้งที่อพยพมาจากแต้จิ๋ว ชื่อ หวงกุ้ย หรือ "จีนกุ๋ย แซ่อึ้ง" ซึ่งอพยพเข้ามาทางจังหวัดราชบุรี ในสมัยกรุงธนบุรี หวงกุ้ยได้รับราชการดูแลการค้าทางเรือ ล่วงมาจนถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 บุตรชายคนที่สองของหวงกุ้ยคือ หวงจวิน หรือ "จีนกุน แซ่อึ้ง" รับราชการเป็นที่สมุหนายกในตำแหน่ง เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน) ต้นสกุลรัตนกุล[6] ซึ่งเป็นบิดาของเจ้าจอมมารดาอิ่มในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1[7] ต่อมาภายหลังได้มีการเปลี่ยนนามสกุลเป็น รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์[6] ท่านผู้หญิงทัศนาวลัยเดินทางไปศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ และพบกับสินธู ศรสงคราม ซึ่งรับราชการอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงแบร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้รับพระราชทานสมรสกับสินธู ศรสงคราม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 โดยมีบุตรชายคนเดียว คือ ร้อยเอก จิทัศ ศรสงคราม[8] สมรสกับเจสสิกา มิกเคลิช อดีตนักแสดงซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์[9] กิจกรรมการทำงานท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตลาดบองมาร์เช่[10] และมีธุรกิจร้านอาหารในอาคารรัจนากร ถนนสาทรใต้[2] นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาของมูลนิธิเพื่อสถาบันราชานุกูล ในพระอุปถัมภ์ฯ[11]และเป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 ของมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัยขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการกองทุนการกุศลสมเด็จย่าและทุนการกุศล กว. สืบทอดพระปณิธานต่อไป[12] ท่านผู้หญิงทัศนาวลัยถือหุ้นของ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 10[13] ถือหุ้นของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มหาชน ใหญ่อันดับที่ 17[14] ผู้แทนพระองค์ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เคยตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรซึ่งทอดพระเนตร และพระราชทานรางวัลการแข่งขันเรือยาวประเพณีรอบชิงชนะเลิศชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ที่อ่างเก็บน้ำเขาเต่า โครงการพระราชดำริ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์[15][16] หลังจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงครามจึงได้สานต่อพระกรณียกิจให้ลุล่วง เช่น การดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาพิเศษของกองทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิกในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์[17] การตัดหวายลูกนิมิตรเอกวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ที่อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์ศรีพุทธคยา ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นประธานในการจัดสร้าง[18] การเป็นผู้แทนรับมอบปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์[19] และการเป็นประธานรางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นพระประสงค์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552[20] และในปี พ.ศ. 2553[21] เป็นต้น เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม ได้เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารราชนครินทร์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมมอบเงิน 6 ล้านบาท จากทุนการกุศล กว. สมทบการจัดซื้อครุภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์สำหรับอาคารดังกล่าว ซึ่งชื่ออาคารถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์[22] หลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม ได้ตามเสด็จพระบรมศพจากโรงพยาบาลศิริราชสู่พระบรมมหาราชวังพร้อมกับพระบรมวงศานุวงศ์[23][24][25] และยังเป็นตัวแทนของราชสกุลมหิดลในการเป็นเจ้าภาพร่วมในการสวดพระอภิธรรมพระบรมศพด้วย[26][27] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
สถานที่ที่ตั้งตามนาม
พงศาวลี
อ้างอิงวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ทัศนาวลัย ศรสงคราม
|
Portal di Ensiklopedia Dunia