ตัณหา
ตัณหา เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในพุทธศาสนา หมายถึง ความติดใจอยาก ความยินดี ยินร้าย หรือติดในรสอร่อยของโลก ประกอบด้วย ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ เพลิดเพลินยิ่งนักในอารมณ์นั้น ๆ และ ตัณหาย่อมเจริญแก่ผู้ประพฤติประมาท ซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ ครอบงำบุคคลใด ความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ดังนั้น ความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อบุคคลยังถอนเชื้อตัณหาไม่ได้ ในหลักปฏิจจสมุปบาท ตัณหาเกิดจากเวทนาเป็นปัจจัย โดยมี อวิชชาเป็นมูลราก ควรเห็นตัณหา เป็นดังเครือเถาที่เกิดขึ้น แล้ว จงตัดรากเสียด้วยปัญญา ประเภทของตัณหาตัณหาแบ่งออกเป็น 3 อย่าง
ควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละตัณหา 3 อย่างนี้ ตัณหาได้ชื่อว่าเป็นเหตุแห่งทุกข์ ดังอรรถว่าตัณหาเพียงดังเนิน คือความทะยานอยากนั้นไม่มีที่สิ้นสุด ความอยากเสพความสุขทุกอย่างทุกชนิดที่มีอยู่บนโลก ที่แปลกใหม่อยู่เสมอ แล้วเชื่อว่าจะพอใจ หรือปรารถนาความสุขที่ไม่รู้จัก แต่คิดเอาเองว่ามีอยู่ เชื่อว่าถ้าได้เสพทุกอย่างครบถ้วน แล้วเชื่อว่าจะพอใจ หรืออาจเพียงแค่ติดใจยินดีพอใจในบางสิ่งบางอย่างเพียงแค่นั้น พอใจแค่นั้น แต่ต้องได้เสพสิ่งนั้นตลอด ไม่งั้นจะเกิดความทุกข์ได้ บางครั้งเสพนาน ๆ ไปก็เกิดความเบื่อหน่าย นำไปสู่ความทุกข์เช่นกัน ถ้าได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา จะเอาสิ่งเหล่านั้นไปวางกองไว้ที่ไหน โลกย่อมไม่เพียงพอต่อความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทรัพยากรโลกก็มีให้ใช้ ไม่เพียงต่อความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด และอายุขัยก็ไม่ยืนยาวพอที่จะเสพทุกความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุดได้ ตัณหาตัณหา 6 หมวด ได้แก่
ความเกิดขึ้น ความตั้งอยู่ ความบังเกิด ความปรากฏแห่งตัณหาทั้ง 6 นี้ เป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ ความดับโดยไม่เหลือ ความสงบระงับ ความสูญแห่งตัณหาทั้ง 6 นี้ เป็นความดับโดยไม่เหลือแห่งทุกข์ ตัณหาทั้ง 6 นี้ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา ผู้เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ธรรมะที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง
![]() วิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:
|
Portal di Ensiklopedia Dunia