ซอร์บิทอล
ชื่อ
IUPAC name
(2S ,3R ,4R ,5R )-Hexane-1,2,3,4,5,6-hexol
ชื่ออื่น
D -glucitol; L -Sorbitol; Sorbogem; Sorbo
เลขทะเบียน
ChEBI
ChEMBL
เคมสไปเดอร์
ดรักแบงก์
ECHA InfoCard
100.000.056
เลขอี
E420 (thickeners, ...)
MeSH
Sorbitol
UNII
InChI=1S/C6H14O6/c7-1-3(9)5(11)6(12)4(10)2-8/h3-12H,1-2H2/t3-,4+,5-,6-/m1/s1
N [pubchem ] Key: FBPFZTCFMRRESA-JGWLITMVSA-N
N [pubchem ] InChI=1/C6H14O6/c7-1-3(9)5(11)6(12)4(10)2-8/h3-12H,1-2H2/t3-,4+,5-,6-/m1/s1
Key: FBPFZTCFMRRESA-JGWLITMVSA
OC([C@H] (O) [C@@H] (O) [C@H] (O)CO)CO
คุณสมบัติ
C 6 H 14 O 6
มวลโมเลกุล
182.17 ก. /โมล
ลักษณะทางกายภาพ
ผงผลึกสีขาว
ความหนาแน่น
1.49 ก. /ซม 3 [ 1]
จุดหลอมเหลว
94–96 องศาเซลเซียส (201–205 องศาฟาเรนไฮต์; 367–369 เคลวิน)[ 1]
2,350 ก. /ลิตร [ 1]
-107.80·10−6 ซม3 /โมล
เภสัชวิทยา
A06AD18 (WHO ) A06 AG07
B05 CX02
V04 CC01
ความอันตราย
NFPA 704 (fire diamond)
จุดวาบไฟ
>100 องศาเซลเซียส [ 1]
420 องศาเซลเซียส [ 1]
Chemical compound
ซอร์บิทอล (อังกฤษ : sorbitol ) หรือ กลูซิทอล (อังกฤษ : glucitol ) ที่เป็นชื่อสามัญน้อยกว่า
เป็นแอลกอฮอล์น้ำตาล มีรสหวาน ซึ่งร่างกายมนุษย์ย่อยสลายได้ช้า ๆ และให้แคลอรี น้อยกว่าซูโครส หรือน้ำตาลทั่วไปถึง 1 ใน 3
หากบริโภคมากเกิน (เช่นในหมากฝรั่งไร้น้ำตาล) อาจทำให้ท้องร่วง รุนแรงและน้ำหนักลด[ 2]
สามารถสังเคราะห์ได้โดยรีดิวซ์กลูโคส ซึ่งเปลี่ยนหมู่แอลดีไฮด์ ให้เป็นไฮดรอกซิล
ซอร์บิทอลโดยมากทำมาจากน้ำเชื่อมข้าวโพด แต่ก็มีโดยธรรมชาติเหมือนกัน เช่นในลูกแอปเปิล สาลี่ ท้อ พรุน [ 3]
องุ่น สาหร่ายทะเล อ้อย และมันสำปะหลัง [ 4] ใช้กับเครื่องดื่มจะลดความขมของน้ำตาลได้[ 4]
สามารถเปลี่ยนเป็นฟรักโทส ได้ด้วยเอนไซม์ sorbitol-6-phosphate 2-dehydrogenase
เป็นไอโซเมอร์ ของแมนนิทอล (mannitol) ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์น้ำตาลอีกชนิดหนึ่ง
ทั้งสองต่างกันแค่ตรงทิศทางของหมู่ไฮดรอกซิลที่คาร์บอนอะตอมที่ 2[ 5]
แม้จะคล้าย ๆ กัน แอลกอฮอล์ทั้งสองก็มีแหล่งตามธรรมชาติ จุดหลอมเหลว และการใช้สอยที่ต่างกัน
ลักษณะทั่วไป เป็นเกล็ดเมล็ด ไม่มีกลิ่น ความหวานกลมกล่อม ความหวานเป็น 60% ของน้ำตาลทราย สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ซอร์บิทอลเหลวหรือน้ำ มีสีขาวใส ๆ ไม่ขุ่น จะเหนียวหนืดพอสมควร และซอร์บิทอลผง เป็นผงผลึกขาว เป็นเกล็ดเล็กมาก[ 4]
การสังเคราะห์
ซอร์บิทอลสามารถสังเคราะห์โดยรีดิวซ์กลูโคส [ 6]
ซึ่งเปลี่ยนหมู่แอลดีไฮด์ให้เป็นไฮดรอกซิล
เป็นปฏิกิริยาที่ต้องใช้ nicotinamide adenine dinucleotide (NADH) และเร่งปฏิกิริยา ด้วยเอนไซม์ aldehyde/aldose reductase
การรีดิวซ์กลูโคสเป็นขั้นตอนแรกของเมแทบอลิซึมของกลูโคสผ่านวิถี polyol pathway ของมนุษย์ และพบว่าเป็นตัวการของภาวะแทรกซ้อน หลายอย่างในคนไข้โรคเบาหวาน
เรซิดิวไทโรซีน ที่ตำแหน่งกัมมันต์ (active site) ของเอนไซม์ aldehyde reductase มีบทบาทในกลไกนี้
อะตอมไฮโดรเจน บน NADH จะย้ายไปที่อะตอมคาร์บอนของ aldehyde (electrophilic)
ส่วนอิเล็กตรอนที่พันธะคู่ของคาร์บอน-ออกซิเจนบน aldehyde จะย้ายไปที่ออกซิเจนซึ่งจะจับกับโปรตอนที่ tyrosine side chain โดยกลายเป็นหมู่ไฮดรอกซิล
บทบาทของหมู่ aldehyde reductase tyrosine phenol group ก็เพื่อเป็นกรดซึ่งให้โปรตอนแก่ reduced aldehyde oxygen ของกลูโคส
กระบวนการเช่นนี้ไม่ใช่วิถีเมแทบอลิซึม หลักของกลูโคสในร่างกายมนุษย์ปกติ ที่มีระดับกลูโคสในเลือดปกติ
แต่ในคนไข้โรคเบาหวานที่ระดับกลูโคสในเลือดสูง กลูโคสถึง 1/3 อาจจะผ่านเมแทบอลิซึมวิถีนี้
ซึ่งใช้ NADH จนหมดแล้วทำให้เซลล์ เสียหาย
การใช้
น้ำตาลเทียม
ซอร์บิทอลสามารถใช้เป็นน้ำตาลเทียม (INS 420, E 420)
โดยหวานประมาณ 60% ของน้ำตาลทราย (ซูโครส )
เป็นน้ำตาลที่ให้พลังงาน คือ 2.6 กิโลแคลอรี (11 กิโลจูล ) ต่อกรัม เทียบกับพลังงานของคาร์โบไฮเดรต โดยเฉลี่ยที่ 4 กิโลแคลอรี (17 กิโลจูล)
บ่อยครั้งใช้ในอาหารไดเอ็ต (รวมทั้งน้ำอัดลม และไอศกรีม ) ลูกอม ยาแก้ไอ และหมากฝรั่งปลอดน้ำตาล[ 7]
แบคทีเรียโดยมากไม่สามารถใช้ซอร์บิทอลเป็นพลังงานได้ แต่กลุ่มแบคทีเรียที่พบในปาก คือ Streptococcus mutans ก็สามารถหมักมันได้อย่างช้า ๆ และดังนั้น จึงอาจทำให้ฟันผุซึ่งไม่เหมือนไซลิทอล ที่ไม่ทำให้เกิดสภาวะกรด[ 8] [ 9]
ยาระบาย
เหมือนกับแอลกอฮอล์น้ำตาลอื่น ๆ อาหารที่มีซอร์บิทอลอาจทำให้ไม่สบายท้อง
ซอร์บิทอลสามารถใช้เป็นยาระบายเมื่อทานหรือใช้สวนทวาร
ทำงานโดยดึงน้ำเข้าไปในลำไส้ใหญ่ ซึ่งกระตุ้นให้ถ่าย[ 10]
ยาได้กำหนดว่า ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ แม้จะแนะนำให้ใช้ในการดูแลของแพทย์[ 11]
ผลไม้แห้งบางอย่างมีซอร์บิทอล เช่นลูกพรุน ซึ่งมีฤทธิ์ระบาย[ 12]
ซอร์บิทอลพบเป็นครั้งแรกในน้ำเบอร์รี สด (Sorbus aucuparia ) ในปี 1872[ 13]
แต่ต่อมาก็พบด้วยในลูกแอปเปิล พลัม สาลี่ เชอร์รี อินทผลัม ท้อ และเอพริคอต
การแพทย์
ซอร์บิทอลใช้เพาะเชื้อแบคทีเรียเพื่อแยกเชื้อ Escherichia coli O157:H7 ที่ก่อโรค จากสายพันธุ์อื่น ๆ ของ E. coli เพราะปกติมันจะไม่สามารถหมักซอร์บิทอลโดยไม่เหมือนกับสายพันธุ์ 93% ที่รู้จัก[ 14]
ภาวะโพแทสเซียมในเลือดเกิน (hyperkalaemia) อาจรักษาด้วยซอร์บิทอลบวกกับเรซินแลกเปลี่ยนไอออน คือ sodium polystyrene sulfonate[ 15]
คือตัวเรซินจะแลกเปลี่ยนไอออนโซเดียมกับโพแทสเซียมภายในลำไส้ ในขณะที่ซอร์บิทอลจะช่วยกำจัดมัน
แต่ในปี 2010 องค์การอาหารและยาสหรัฐ ได้ออกหมายเตือนถึงความเสี่ยงเนื้อตายในทางเดินอาหาร (GI necrosis) ที่สูงขึ้นเมื่อใช้สารผสมเช่นนี้[ 16]
ซอร์บิทอลยังใช้ผลิตแคปซูลนิ่ม (softgel capsule) เพื่อบรรจุยา[ 17]
สุขภาพ อาหาร และความงาม
ซอร์บิทอลบ่อยครั้งใช้ในเครื่องสำอาง ปัจจุบันโดยเป็นสารคงความชื้นและสารเพิ่มความเข้มข้น[ 18]
ตลอดจนในน้ำยาบ้วนปากและยาสีฟัน
เจล โปร่งใสบางอย่างจะสามารถทำได้ก็ด้วยซอร์บิทอลเท่านั้น เพราะมันมีดรรชนีหักเห สูง
ซอร์บิทอลใช้เป็นสารป้องกันความเย็นจัด (โดยผสมกับซูโครส และ sodium polyphosphate) ในการผลิตซูริมิ (ผลิตภัณฑ์ปลาหรือเนื้อบด)[ 19]
และใช้เป็นสารคงความชื้นในบุหรี่ บางชนิด[ 20]
นอกจากจะใช้เป็นน้ำตาลเทียมในอาหารลดน้ำตาล มันยังใช้เป็นสารคงความชื้นในคุกกี้ และอาหารความชื้นต่ำ เช่น เนยถั่วลิสง และผลิตภัณฑ์ผลไม้แช่อิ่ม (เช่น แยม ผลไม้)[ 21]
สำหรับอาหารอบ มันสามารถใช้เป็นสารคงความชื้น คือช่วยให้แห้งช้า[ 21]
อื่น ๆ
ซอร์บิทอลผสมกับดินประสิว สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิง จรวด [ 22]
ซอร์บิทอลได้ระบุว่าอาจเป็นสารเคมีมัธยันตร์สำคัญอย่างหนึ่ง[ 23]
เพื่อผลิตเชื้อเพลิงจากมวลชีวภาพ
คือ ส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรตของมวลชีวภาพ เช่น เซลลูโลส จะผ่านกระบวนการแยกสลายด้วยน้ำและการเติมไฮโดรเจนตามลำดับเมื่อมีตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะ (metal catalyst) แล้วกลายเป็นซอร์บิทอล[ 24]
การรีดิวซ์ซอร์บิทอลอย่างสิ้นเชิงจะสร้างแอลเคน เช่น เฮกเซน ซึ่งสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ
ไฮโดนเจนซึ่งจำเป็นในปฏิกิริยานี้สามารถผลิตโดยกระบวนการ aqueous phase catalytic reforming ของซอร์บิทอล คือ[ 25]
19 C6 H14 O6 → 13 C6 H14 + 36 CO2 + 42 H2 O
นี้เป็นปฏิกิริยาเคมี แบบคายความร้อน คือ ซอร์บิทอล 1.5 โมลจะให้เฮกเซนประมาณ 1 โมล
ถ้าให้ไฮโดรเจนร่วมด้วย ก็จะไม่มีผลผลิตเป็นคาร์บอนไดออกไซด์
polyol ที่มีซอร์บิทอล์เป็นมูลฐาน สามารถใช้ผลิตโฟมโพลียูรีเทน สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ความสำคัญทางการแพทย์
aldose reductase เป็นเอนไซม์ แรกในวิถีเมแทบอลิซึม sorbitol-aldose reductase pathway[ 26]
ซึ่งรีดิวซ์กลูโคสเป็นซอร์บิทอล และรีดิวซ์ galactose เป็น galactitol ด้วย
ซอร์บิทอลที่ติดอยู่ในเซลล์จอตา ที่เซลล์เลนส์ตา และที่ Schwann cells ซึ่งเป็นปลอกไมอีลิน หุ้มปลายประสาท เกิดบ่อยเพราะภาวะน้ำตาลสูงในเลือด เนื่องจากโรคเบาหวาน ที่ควบคุมไม่ได้
ทำให้เซลล์เหล่านี้เสียหาย แล้วนำไปสู่โรคจอตา (retinopathy) ต้อกระจก และโรคเส้นประสาทส่วนปลาย ตามลำดับ
สารยับยั้ง aldose reductase ซึ่งระงับหรือหน่วงฤทธิ์ของเอนไซม์ ปัจจุบันกำลังศึกษาเพื่อใช้ป้องกันหรือหน่วงเวลาภาวะแทรกซ้อน เช่นนี้[ 27]
ซอร์บิทอลจะหมักอยู่ในลำไส้ใหญ่และมีผลิตผลเป็นกรดไขมัน ลูกโซ่สั้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของลำไส้ใหญ่โดยทั่วไป[ 28]
ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
คนไข้โรค coeliac disease ที่ไม่ได้รักษาบ่อยครั้งจะดูดซึมซอร์บิทอลอย่างผิดปกติ เพราะลำไส้เล็กเสียหาย
เป็นเหตุสำคัญให้อาการคงยืนสำหรับคนไข้ที่ทานอาหารไร้กลูเตน อยู่แล้ว
การทดสอบไฮโดรเจนในลมหายใจเสนอว่าอาจใช้ตรวจจับ coeliac disease เพราะค่าวัดมีสหสัมพันธ์ กับรอยโรคในลำไส้เป็นอย่างดี
ถึงกระนั้น แม้มันจะใช้ในงานวิจัยได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้เป็นอุปกรณ์ช่วยวินิจฉัยโรคในคนไข้[ 29]
มีข้อสังเกตว่า ซอร์บิทอลที่เติม sodium polystyrene sulfonate (SPS) ซึ่งใช้รักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดเกิน อาจก่อภาวะแทรกซ้อนในทางเดินอาหาร รวมทั้งเลือดออก แผลเปื่อยในลำไส้ใหญ่ทะลุ ลำไส้ใหญ่อักเสบเหตุขาดเลือด (ischemic colitis) และเนื้อลำไส้ใหญ่ตาย (colonic necrosis) โดยเฉพาะคนไข้ภาวะเลือดมียูเรีย (uremia)
ปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหารวมทั้งภูมิคุ้มกันหย่อนสมรรถภาพ , ภาวะเลือดน้อย (hypovolemia), พึ่งผ่าตัด, ความดันต่ำหลังจากล้างไต และโรคหลอดเลือดนอกสมอง (peripheral vascular disease)
ดังนั้น ยาผสม SPS-sorbitol จึงควรใช้รักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดเกินอย่างระมัดระวัง[ 30]
ยาเกินขนาด
การทานยาจำนวนมากอาจทำให้ปวดท้อง ท้องอืด และท้องร่วง อย่างอ่อน ๆ จนถึงรุนแรง[ 31]
มีกรณีที่การทานหมากฝรั่งปลอดน้ำตาลเป็นประจำซึ่งทำให้ได้ซอร์บิทอลมากกว่า 20 กรัม ต่อวัน ได้ทำให้ท้องร่วงอย่างรุนแรง น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ หรือแม้ต้องเข้า รพ.[ 32]
แม้ในงานศึกษาปี 1958 การทานซอร์บิทอล 25 กรัมตลอดทั้งวัน จะมีผลระบายในบุคคลเพียงแค่ร้อยละ 5[ 33]
ผลเช่นนี้อธิบายได้อย่างหนึ่งคือ ซอร์บิทอลมีมวลโมเลกุล สูง
ที่ 182 กรัม/โมล ซึ่งลำไส้เล็กจะดูดซึมได้ไม่ดีเพราะเป็นค่าใกล้การแพร่ สูงสุดข้ามเนื้อเยื่อบุผิว ของลำไส้เล็ก[ 34]
ดังนั้น เมื่อทานยาเข้าไปเป็นจำนวนมาก ลำไส้เล็กจะดูดซึมเป็นส่วนน้อย และส่วนมากจะไปถึงลำไส้ใหญ่
ซึ่งเกินสมรรถภาพการหมักของลำไส้ใหญ่ จึงเกิดผลทางลำไส้ขึ้น[ 28]
เช่นทำให้ท้องร่วง[ 2]
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถและอ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 Record in the GESTIS Substance Database of the Institute for Occupational Safety and Health
↑ 2.0 2.1 "หมากฝรั่งไร้น้ำตาล อันตรายต่อสุขภาพ" . วิชาการ.คอม. 2008-01-20. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-25. สืบค้นเมื่อ 2018-10-14 . อ้างอิง "Severe weight loss caused by chewing gum". 2008. doi :10.1136/bmj.39280.657350.BE .
↑ Teo, G; Suzuki, Y; Uratsu, SL; Lampinen, B; Ormonde, N; Hu, WK; Dejong, TM; Dandekar, AM (2006). "Silencing leaf sorbitol synthesis alters long-distance partitioning and apple fruit quality" . Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America . 103 (49): 18842–7. doi :10.1073/pnas.0605873103 . PMC 1693749 . PMID 17132742 .
↑ 4.0 4.1 4.2 บริษัท คานาอัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย)จำกัด (2010-10-28). "ซอร์บิทอล คืออะไร" . sanook!. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-13. สืบค้นเมื่อ 2018-10-14 . {{cite web }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Kearsley, M. W.; Deis, R. C (2006). Sorbitol and Mannitol . Sweeteners and Sugar Alternatives in Food Technology . Oxford: Ames. pp. 249–261. {{cite book }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ "Reduction of Glucose" . butane.chem.uiuc.edu . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-09-25. สืบค้นเมื่อ 2018-10-13 .
↑ Campbell; Farrell (2011). Biochemistry (Seventh ed.). Brooks/Cole. ISBN 978-1-111-42564-7 .
↑
Hayes, C. (Oct 2001). "The effect of non-cariogenic sweeteners on the prevention of dental caries: a review of the evidence" . Journal of Dental Education . 65 (10): 1106–1109. ISSN 0022-0337 . PMID 11699985 .
↑
Nicolas, Guillaume G.; Lavoie, Marc C. (Jan 2011). "[Streptococcus mutans and oral streptococci in dental plaque]" . Canadian Journal of Microbiology . 57 (1): 1–20. doi :10.1139/w10-095 . ISSN 1480-3275 . PMID 21217792 .
↑ "ACS :: Cancer Drug Guide: sorbitol" . American Cancer Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2007-06-30.
↑ Lederle, FA (1995). "Epidemiology of constipation in elderly patients. Drug utilisation and cost-containment strategies". Drugs & aging . 6 (6): 465–9. doi :10.2165/00002512-199506060-00006 . PMID 7663066 .
↑ Stacewicz-Sapuntzakis, M; Bowen, PE; Hussain, EA; Damayanti-Wood, BI; Farnsworth, NR (2001). "Chemical composition and potential health effects of prunes: a functional food?". Critical reviews in food science and nutrition . 41 (4): 251–86. doi :10.1080/20014091091814 . PMID 11401245 .
↑ Panda, H. (2011). The Complete Book on Sugarcane Processing and By-Products of Molasses (with Analysis of Sugar, Syrup and Molasses) . ASIA PACIFIC BUSINESS PRESS Inc. p. 416. ISBN 8178331446 .
↑ Wells, JG; Davis, BR; Wachsmuth, IK และคณะ (Sep 1983). "Laboratory investigation of hemorrhagic colitis outbreaks associated with a rare Escherichia coli serotype" . Journal of Clinical Microbiology . 18 (3): 512–20. PMC 270845 . PMID 6355145 . The organism does not ferment sorbitol; whereas 93% of E. coli of human origin are sorbitol positive {{cite journal }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )[ลิงก์เสีย ]
↑ Rugolotto, S; Gruber, M; Solano, PD; Chini, L; Gobbo, S; Pecori, S (Apr 2007). "Necrotizing enterocolitis in a 850 gram infant receiving sorbitol-free sodium polystyrene sulfonate (Kayexalate) : clinical and histopathologic findings". J Perinatol . 27 (4): 247–9. doi :10.1038/sj.jp.7211677 . PMID 17377608 . {{cite journal }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ "Kayexalate (sodium polystyrene sulfonate) powder" . fda.gov . สืบค้นเมื่อ 2015-07-12 .
↑ "Home - Catalent" . catalent.com . สืบค้นเมื่อ 2015-07-12 .
↑ "Sorbitol 70%" . bttcogroup.in . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-07-10. สืบค้นเมื่อ 2015-07-12 .
↑ Medina, J.R.; Garrote, R.L. (2002). "The effect of two cryoprotectant mixtures on frozen surubí surimi". Brazilian Journal of Chemical Engineering . 19 (4): 419–424. doi :10.1590/S0104-66322002000400010 . ISSN 0104-6632 .
↑ "Gallaher Group" . gallaher-group.com . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2008-12-27. สืบค้นเมื่อ 2015-07-12 .
↑ 21.0 21.1 Chemical and functional properties of food saccharides . Tomasik, Piotr,. Boca Raton: CRC Press. 2004. ISBN 9780203495728 . OCLC 317752036 .{{cite book }}
: CS1 maint: extra punctuation (ลิงก์ ) CS1 maint: others (ลิงก์ )
↑ "Richard Nakka's Experimental Rocketry Web Site" . nakka-rocketry.net . สืบค้นเมื่อ 2015-07-12 .
↑ Metzger, Jürgen O. (2006). "Production of Liquid Hydrocarbons from Biomass". Angewandte Chemie International Edition . 45 (5): 696–698. doi :10.1002/anie.200502895 .
↑ Shrotri, Abhijit; Tanksale, Akshat; Beltramini, Jorge Norberto; Gurav, Hanmant; Chilukuri, Satyanarayana V. (2012). "Conversion of cellulose to polyols over promoted nickel catalysts". Catalysis Science & Technology . 2 (9): 1852–1858. doi :10.1039/C2CY20119D .
↑ Tanksale, Akshat; Beltramini, Jorge Norberto; Lu, GaoQing Max (2010). "A review of catalytic hydrogen production processes from biomass". Renewable and Sustainable Energy Reviews . 14 (1): 166–182. doi :10.1016/j.rser.2009.08.010 .
↑ Nishikawa, T; Edelstein, D; Du, XL; Yamagishi, S; Matsumura, T; Kaneda, Y; Yorek, MA; Beebe, D; และคณะ (2000). "Normalizing mitochondrial superoxide production blocks three pathways of hyperglycaemic damage". Nature . 404 (6779): 787–90. doi :10.1038/35008121 . PMID 10783895 .
↑ "FindArticles.com - CBSi" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-07-10.
↑ 28.0 28.1 Islam, M. S.; Sakaguchi, E (2006). "Sorbitol-based osmotic diarrhea: Possible causes and mechanism of prevention investigated in rats". World Journal of Gastroenterology . 12 : 7635–7641. doi :10.3748/wjg.v12.i47.7635 .
↑ Montalto, M; Gallo, A; Ojetti, V; Gasbarrini, A (2013). "Fructose, trehalose and sorbitol malabsorption" (PDF) . Eur Rev Med Pharmacol Sci (Review). 17 (Suppl 2): 26–9. PMID 24443064 . {{cite journal }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Erfani, Mohamad; Akula, Yougandhar; Zolfaghari, Touraj; Hertan, Hilary I (2010). "Sodium Polystyrene Sulfonate (SPS) : Sorbitol-induced Colonic Necrosis" (PDF) . Practical Gastroenterology (Case report). เก็บ (PDF) จากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-05-08. {{cite web }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Islam, MS; Sakaguchi, E (2006). "Sorbitol-based osmotic diarrhea: possible causes and mechanism of prevention investigated in rats". World Journal of Gastroenterology . 12 (47): 7635–41. doi :10.3748/wjg.v12.i47.7635 . PMID 17171792 .
↑ Doheny, Kathleen (2008-01-10). "Sweetener Side Effects: Case Histories" . WebMD Medical News. สืบค้นเมื่อ 2008-01-10 .
↑ Peters, Ronald; Lock, R. H. (1958-09-13). "Laxative Effect of Sorbitol" . British Medical Journal . 2 (5097): 677–678. doi :10.1136/bmj.2.5097.677 . ISSN 0007-1447 . PMC 2026423 . PMID 13572866 .
↑ Lenhart, A.; Chey, W. D. (2017). "A Systematic Review of the Effects of Polyols on Gastrointestinal Health and Irritable Bowel Syndrome" . Advances in Nutrition . 8 : 587–96. PMID 28710145 .
แหล่งข้อมูลอื่น