คุกลับ![]() คุกลับ[1] (อังกฤษ: Black site) เป็นศูนย์กักกันลับที่ดำเนินการโดยรัฐ โดยนักโทษซึ่งไม่เคยถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมจะถูกจำคุกโดยไม่ได้รับกระบวนการยุติธรรมหรือคำสั่งศาล มักถูกปฏิบัติอย่างทารุณกรรมและถูกสังหาร โดยไม่มีสิทธิ์ในการประกันตัว[2][3][4] อาร์เจนตินาศูนย์กักขังลับหลายแห่งเปิดดำเนินการในอาร์เจนตินาระหว่างการปกครองแบบเผด็จการทหาร ซึ่งปกครองประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ถึง 2526 นักโทษหลายคน "หายตัวไป" ถูกทรมานและสังหาร รวมถึงสตรีมีครรภ์ที่ถูกฆ่าหลังคลอดและให้ทารกแก่ครอบครัวทหาร[5] จีนคุกลับแพร่หลายในประเทศจีน และคุกลับของจีนถูกกล่าวหาว่ามีตั้งอยู่ในดูไบโดยอดีตผู้ถูกคุมขัง[3] คุกลับในจีนมีอีกชื่อหนึ่งว่า "คุกดำ" (black jail)[6] อียิปต์คุกลับถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยหน่วยรักษาความปลอดภัยอียิปต์ ในช่วงวิกฤตการณ์อียิปต์ (พ.ศ. 2554-2557) ผู้ประท้วงหลายร้อยคนกล่าวหาว่ามีการทรมานในคุกลับเหล่านี้ หน่วยรักษาความปลอดภัยอียิปต์ยังดำเนินการคุกลับที่เกี่ยวข้องกับโครงการคุกลับเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายของซีไอเอ[7] อิหร่านกลุ่มสิทธิได้บันทึกการละเมิดในศูนย์กักกันลับ แหล่งข่าวที่ซีเอ็นเอ็นอ้างถึงตั้งข้อสังเกตในปี พ.ศ. 2566 ว่าการทรมานในคุกลับดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นในระหว่างการประท้วงกรณีแมฮ์ซอ แอมีนี[8] อิสราเอลในช่วงสงครามอิสราเอล-ฮามาส มีรายงานว่าผู้ต้องขังชาวกาซานถูกส่งตัวจากฉนวนกาซาไปยังสเดเตมาน ซึ่งเป็นฐานทัพทหารที่ใช้เป็นคุกลับ มีการรายงานความรุนแรง การละเมิด และในบางกรณีมีผู้เสียชีวิต[9] รัสเซียในเชชเนีย ชายเกย์อ้างว่าถูกทรมานในคุกลับโดยกองกำลังความมั่นคงเชเชน[10] เกย์ในพื้นที่อื่น ๆ ของรัสเซียถูกลักพาตัวและถูกส่งตัวไปยังสถานที่ในเชชเนีย ซึ่งมีผู้ถูกทรมานมากกว่า 100 ราย และบางส่วนเสียชีวิต[11] เจ้าหน้าที่ชาวเชเชนได้ขัดขวางความพยายามของเครือข่ายแอลจีบีทีรัสเซียในการช่วยชาวเกย์ในเชชเนียหลบหนีไปยังสถานที่ปลอดภัยในรัสเซีย และขัดขวางการสืบสวนของทัตยานา มอสคัลโควา กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเครมลิน แม้จะมีการประท้วงในเมืองใหญ่ ๆ ของรัสเซียเพื่อต่อต้านสถานการณ์ในเชชเนีย แต่วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งต้องการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคาดีรอฟ ก็ได้ปฏิเสธว่ามีการใช้การละเมิดกลุ่มรักร่วมเพศในเชชเนีย เชชเนียถือเป็นพื้นที่ที่มีการเกลียดชังกลุ่มรักร่วมเพศมากที่สุดในรัสเซีย โดยประชากร 95% นับถือศาสนาอิสลามนิกายออร์โธดอกซ์ (สุหนี่) ยังคงเป็นเขตเดียวของรัสเซียที่การรักร่วมเพศเป็นสิ่งผิดกฎหมายและมีโทษจำคุก[12][13] สหรัฐรัฐบาลสหรัฐใช้คุกลับที่ควบคุมโดยซีไอเอในสงครามต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อกักขังนักรบของศัตรู[4] ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐยอมรับการมีอยู่ของเรือนจำลับที่ดำเนินการโดยซีไอเอในระหว่างการปราศรัยเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2549 คำกล่าวอ้างว่ามีคุกลับเกิดขึ้นโดย เดอะวอชิงตันโพสต์ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และก่อนหน้านี้โดยองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน[14] รายงานของสหภาพยุโรป (EU) ที่รับรองเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยเสียงข้างมากของรัฐสภายุโรป (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 382 คนลงคะแนนเห็นชอบ 256 คนคัดค้าน และงดออกเสียง 74 คน) ระบุว่าซีไอเอดำเนินการเที่ยวบิน 1,245 เที่ยว และไม่สามารถโต้แย้งหลักฐานหรือ ข้อเสนอแนะว่าศูนย์กักขังลับที่นักโทษถูกทรมานนั้นดำเนินการในโปแลนด์และโรมาเนีย[4][15] หลังจากปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้มานานหลายปี โปแลนด์ก็ยืนยันในปี พ.ศ. 2557 ว่าได้เป็นเจ้าของพื้นที่คุกลับดังกล่าว[16] ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 สำนักงานอัยการสูงสุดของโปแลนด์ได้เริ่มดำเนินคดีสืบสวนสอบสวนซบิกเนียว เซียเมียทโคว์สกี้ อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของโปแลนด์ เซียเมียทโคว์สกี้ถูกตั้งข้อหาอำนวยความสะดวกในการดำเนินการกักขังของซีไอเอที่ถูกกล่าวหาว่าตั้งอยู่ในโปแลนด์ ซึ่งผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติอาจถูกทรมานในบริบทของสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นไปได้ว่า เลสเซ็ค มิลเลอร์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ระหว่างปี พ.ศ. 2544 ถึง พ.ศ. 2547 ก็อาจจะมีส่วนร่วมและรับรู้ด้วย[17][18] เรื่องราวของ United Press International ในปี พ.ศ. 2565 อ้างถึงอดีตประธานาธิบดีโปแลนด์ อาแล็กซันแดร์ กฟัชแญฟสกี โดยยอมรับในปี พ.ศ. 2557 ว่าประเทศของเขาได้จัดเตรียม "สถานที่เงียบสงบ" ให้ซีไอเอดำเนินการคุกลับเพื่อทรมานผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ 9/11[19] ในประเทศไทยมีการกล่าวหาว่าเคยมีคุกลับของซีไอเอตั้งอยู่ในพื้นที่ของรัฐบาลไทยที่เคยให้กองทัพสหรัฐใช้งานในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเกี่ยวข้องกับจีนา แฮสเปล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการคุกลับในไทย[1]ที่มีชื่อว่า สถานกักกันเขียว (Detention Site Green) จากการเปิดเผยของคณะกรรมาธิการวิสามัญด้านข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐ (SSCI) ซึ่งคาดว่าอยู่ในฐานทัพหลักของสหรัฐในอดีตในจังหวัดอุดรธานี[20] แต่ไม่ระบุชัดเจน เช่น ฐานบินอุดรธานี[20] ค่ายรามสูร[21] ดูเพิ่มอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:
|
Portal di Ensiklopedia Dunia