กองบิน 1 นครราชสีมา
กองบิน 1 (อังกฤษ: Wing 1 Royal Thai Air Force) เป็นกองบินขับไล่สกัดกั้นยุทธวิธี อยู่ในส่วนกำลังรบและเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองทัพอากาศไทย[1] ประจำการอยู่ที่ฐานบินโคราช ตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2479[1] ประวัติกองบิน 1 มีจุดเริ่มต้นมาจากการก่อตั้ง กองบินใหญ่ทหารบกที่ 1 ในปี พ.ศ. 2461 ขึ้นการบังคับบัญชากับ กรมอากาศยานทหารบก ประจำการเครื่องบินแบบ นิวเออร์ปอร์ต และแบบสปัด ตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของฐานทัพอากาศดอนเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2464 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองโรงเรียนการบินที่ 1 และมีพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2479 เปลี่ยนชื่อเป็น กองบินน้อยที่ 1 ซึ่งปัจจุบันได้ยึดถือเอาวันดังกล่าวเป็นวันสถาปนากองบิน มีเครื่องบินประจำการอยู่ 4 แบบ คือ แอฟโร 504เอ็น (บ.ฝ.4) นิเออร์ปอรท์ เดอลาจ (บ.ข.4) เคอร์ติสฮอว์ค 2 (บ.ข.9) และเคอร์ติสฮอว์ค 3 (บ.ข.10)[2] กรณีพิพาทอินโดจีนจากนั้นในกรณีพิพาทอินโดจีน พ.ศ. 2483 กองบินน้อยที่ 1 ได้แบ่งกองบินออกเป็นฝูงบินออกเป็นฝูงบินอิสระไปปฏิบัติการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความกล้าหาญและได้รับคำชมเชย ได้รับการประดับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ "สายยงยศไหมเขียว"[2] สงครามมหาเอเชียบูรพาจากนั้นไม่ได้ฝูงบินได้ร่วมเข้าปฏิบัติการผสมกับกองบินใหญ่ ร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา โดยมีวีรกรรมที่โดดเด่น คือการนำเครื่องบิน 5 เครื่องขึ้นต่อสู้กับเครื่องบินของข้าศึก 21 เครื่องเหนือนครลำปาง[2] เหตุการณ์ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ฝูงบินโจมตีของฝ่ายสัมพันธมิตรจำนวนกว่า 21 เครื่อง ประกอบไปด้วย เครื่องบินแบบ พี-51 (มัสแตง) และเครื่องบินแบบ พี-38 (ไลท์นิ่ง) เข้าปฏิบัติการและโจมตีในพื้นที่สนามบินลำปาง โดยกองบินใหญ่ผสมภาคพายัพได้ส่งฝูงบินขับไล่แบบโอตะ (บ.ข.12) จำนวน 5 เครื่องขึ้นสกัดกั้น นำโดย เรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร, พันจ่าอากาศเอก จุลดิศถ์ เดชกุญชร, พันจ่าอากาศเอก วาสน์ สุนทรโกมล และจ่าอากาศเอก ธาดา เบี้ยวไข่มุก เป็นนักบิน โดยฝ่ายไทยสามารถสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรด้วยการยิงเครื่องบินตก 4 ลำ ขณะที่ฝ่ายไทยถูกยิงทั้ง 5 เครื่อง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างการรบคือ พันจ่าอากาศเอก วาสน์ สุนทรโกมล นักบิน และเกือบเสียผู้บังคับฝูงบิน คือ เรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ที่ถูกยิงที่ขากระสุนฝังในตกลงมาพร้อมกับเครื่อง และถูกช่วยเหลือโดยราษฎร์ออกมาจากตัวเครื่องก่อนที่เครื่องจะระเบิด จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กองบัญชาการทหารสูงสุดได้ขอพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้กับนักบินและพลปืนทุกคนในเหตุการณ์นี้[2] สงครามเย็นในปี พ.ศ. 2491 กองบินน้อยที่ 1 ได้ส่งอากาศยานแบบนาโกยา (บ.จ.2) จำนวน 3 เครื่องไปประจำการที่สนามบินสงขลาเพื่อปราบปรามโจรจีนคอมมิวนิสต์[2] กองบินน้อยที่ 1 ได้มีส่วนร่วมในการปราบกบฏแมนฮัตตันด้วยการส่งอากาศยานจากฝูงบิน 2 และ 3 คือเครื่องบินสปิดไฟร์ และที-6 ผลการปฏิบัติคือกลุ่มกบฎพ่ายแพ้เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494[2] ในปี พ.ศ. 2496 กองบินยุทธการมอบหมายให้กองบินน้อยที่ 1 จัดกำลังจากฝูงบิน 3 พร้อมด้วยอากาศยานแบบแบร์แคท (บ.ข.15) จำนวน 4 เครื่องไปประจำการที่สนามบินพิษณุโลก และจัดกำลังจากฝูงบิน 2 พร้อมด้วยอากาศยานแบบที-6 (บ.ฝ.8) จำนวน 5 เครื่องไปประจำการที่สนามบินแพร่ ในการปฏิบัติการสนับสนุนการปราบโจรฮ่อ ขึ้นตรงต่อ ผบ.ผส.9 ลำปาง[2] กองบินน้อยที่ 1 ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น กองบิน 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2506[2] ในปี พ.ศ. 2513 กองบิน 1 ได้สูญเสียอากาศยานแบบเอฟ-5 จำนวน 2 เครื่อง พร้อมด้วยนักบิน 2 นาย คือ เรืออากาศเอก ชาญชัย มหากาญจนะ และ เรืออากาศโท พงษณรงค์ เกษตรศุกร์ ระหว่างการบินเข้าตีที่หมายกลุ่มคอมมิวนิสต์บริเวณเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์[2] จากดอนเมืองสู่โคราชกองบิน 1 ได้ย้ายที่ตั้งจากฐานทัพอากาศดอนเมือง ไปยังฐานบินโคราช ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองนครราชสีมาประมาณ 5 กิโลเมตรเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2519 กองบิน 1 ฝูงบิน 102 ได้ส่งอากาศยานเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีฐานที่ตั้งปืนใหญ่บริเวณบ้านบ่อล้าน ประเทศลาว ด้วยระเบิดแบบร็อกอาย เครื่องละ 4 ลูก สามารถทำลายเป้าหมายในพื้นที่ได้ทั้งหมด ในช่วง พ.ศ. 2544 ได้เกิดการปะทะตามแนวชายแดนไทยและพม่า กองบิน 1 โดยฝูงบิน 103 ได้ปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศตามแนวชายแดนพม่า และได้จัดหน่วยบิน 1032 ไปวางกำลังที่ฐานบินส่วนหน้าในฐานบินเชียงใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้กำลังทางอากาศ ระหว่างเหตุการณ์จลาจลในประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 ฝูงบิน 103 ได้รับคำสั่งให้เตรียมความพร้อมในการใช้กำลังทางอากาศหากเกิดกรณีฉุกเฉินหรือเหตุการณ์รุนแรงขึ้นภายใต้ แผนปฏิบัติการโปเชนตง 2 การจัดหน่วยกองบิน 1 แบ่งส่วนการบริหารราชการภายใน ดังนี้ กองบังคับการ
ส่วนปฏิบัติการ
กองเทคนิค
หน่วยขึ้นตรง
อากาศยาน
อดีตอากาศยาน
ที่ตั้ง
ภารกิจกองบิน 1 มีภารกิจในการเตรียมความพร้อม ทั้งด้านของ กำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มีความพร้อมรบ และการดำเนินการปฏิบัติการใช้กำลังทางอากาศ แบ่งขอบเขตของปฏิบัติการตามฝูงบินในสังกัดทั้ง 2 คือ ฝูงบิน 102 มีหน้าที่ในการขับไล่สกัดกั้นอากาศยานที่รุกล้ำน่านฟ้าไทยหรือปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบหมาย และฝูงบิน 103 มีหน้าที่ในการขับไล่ยุทธวิธีต่ออากาศยานข้าศึก ดำเนินกลยุทธ์เพื่อใช้กำลังทางอากาศ และปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน[5] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |
Portal di Ensiklopedia Dunia