อะซีม เปรมจี
อะซีม ฮะชีม เปรมจี[6][7][8][9][10] (อักษรโรมัน: Azim Hashim Premji เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม 2488) เป็นนักธุรกิจใหญ่ นักลงทุน และนักการกุศล ผู้เป็นประธานบริษัทวิโปรจำกัด (Wipro Limited) ผู้รู้จักกันว่าเป็นเจ้าพ่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศอินเดีย[11][12] เป็นผู้นำบริษัทที่ขยายธุรกิจเป็นเวลาสี่ทศวรรษจนกลายเป็นบริษัทชั้นนำของโลกบริษัทหนึ่งในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์[13][14] ในปี 2553 นิตยสารเอเชียวีกจัดเขาให้เป็นชายที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในโลกในจำนวน 20 คน และนิตยสารไทม์ได้จัดให้เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในโลกในจำนวน 100 คนในปี 2547 และ 2554[15] เพรมจีเป็นเจ้าของหุ้น 79.45% ของบริษัทวิโปร และเป็นเจ้าของกองทุนรวมตราสารแห่งทุน (private equity fund) คือ PremjiInvest ซึ่งบริหารจัดการทรัพย์สมบัติส่วนตัวมีค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[16] ในปี 2556 เขาได้เซ็นสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินส่วนตัวโดยมากกับองค์กรการกุศล แล้วต่อมาจึงบริจาคหุ้นบริษัทมีค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับทรัสต์ที่บริหารกองทุนของมูลนิธิอะซีมเพรมจี ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ให้ความสนใจในเรื่องการศึกษา การบริจาคทรัพย์ครั้งนี้ได้เพิ่มจำนวนทรัพย์ที่เขาบริจาคแล้วทั้งหมดเป็น 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 131,000 ล้านบาทในปี 2556)[17] การงานและอาชีพ
ชีวิตส่วนตัวอะซีมเกิดในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย[1][18] ในครอบครัวมุสลิมชีอะฮ์[4] ที่มีต้นกำเนิดมาจากรัฐคุชราต[19] บิดาของเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง โดยรู้จักกันว่าเป็น "ราชาข้าวแห่งพม่า" หลังจากที่แบ่งประเทศ ผู้ก่อตั้งประเทศปากีสถานได้เชิญให้บิดาของเขาไปอยู่ในปากีสถาน แต่เขาปฏิเสธและเลือกที่จะดำรงอยู่ในประเทศอินเดีย[20] เพรมจีได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เขาได้แต่งงานกับยาสมีน และมีลูกด้วยกันสองคนคือ ริเชดและทารีค ริเชดทำงานกับบิดาเป็น Chief Strategy Officer (ประธานฝ่ายกลยุทธ์) และกรรมการบริษัทวิโปร[21] การยกย่องนิตยสาร Business Week ได้ยกย่องเพรมจีว่าเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง (Greatest Entrepreneur)[22] เพราะสร้างบริษัทวิโปรให้เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกบริษัทหนึ่ง เขาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์หลายปริญญาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้ง
เขาได้รับรางวัลทั้งของเอกชนและของรัฐบาลรวมทั้ง
การกุศลมูลนิธิและมหาวิทยาลัยอะซีมเพรมจีในปี 2544 เพรมจีได้จัดตั้งมูลนิธิอะซีมเพรมจีขึ้น[28] โดยเป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้มีการศึกษาคุณภาพที่เข้าถึงได้ทั่วไปเพื่ออำนวยให้เกิดสังคมที่ยุติธรรม ที่เท่าเทียมกัน ที่ประกอบด้วยมนุษยธรรม และที่ยั่งยืน โดยมีงานที่ทดลองและพัฒนาสร้างแบบอย่างในการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่อาจจะช่วยอำนวยการปรับปรุงโรงเรียนระดับประถมของรัฐ 1.3 ล้านแห่งในประเทศ จุดความสนใจโดยเฉพาะอย่างหนึ่งก็คือในเขตชนบท ซึ่งเป็นที่ที่โรงเรียนส่วนมากอยู่ การเลือกที่จะทำการในเรื่องการศึกษาขั้นประถม (ตั้งแต่ ป.1 จนถึง ม.2) ในโรงเรียนของรัฐ เพราะอาศัยหลักฐานที่แสดงประสิทธิผลทางการศึกษาของนักเรียนในประเทศอินเดีย มูลนิธิปัจจุบันปฏิบัติการในรัฐกรณาฏกะ อุตตราขัณฑ์ ราชสถาน ฉัตตีสครห์ อานธรประเทศ พิหาร มัธยประเทศ และเขตปุทุจเจรี โดยร่วมมือกับรัฐบาลของรัฐเหล่านั้น และทำงานโดยมากในเขตชนบท เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพและความเท่าเทียมกันของการศึกษาในโรงเรียน ในเดือนธันวาคม 2553 เขาสัญญาที่จะบริจาคทรัพย์มีมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปรับปรุงการศึกษาในโรงเรียนของอินเดีย โดยถ่ายโอนหุ้นจำนวน 213 ล้านหุ้นของบริษัทวิโปรที่บริษัทที่เพรมจีเป็นผู้มีอำนาจเป็นเจ้าของ ไปยังทรัสต์อะซีมเพรมจี ซึ่งเป็นการบริจาคทรัพย์ที่มากที่สุดในประเทศอินเดีย ส่วนมหาวิทยาลัยอะซีมเพรมจีได้รับการสถาปนาโดยกฎหมายของรัฐกรณาฏกะในปี 2553 เพื่อดำเนินโปรแกรมพัฒนาการศึกษาและบุคลากร เพื่อหาแบบทางเลือกในการปรับปรุงการศึกษา และเพื่อให้ทุนงานวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาสำหรับขยายขอบเขตแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษา โดยมูลนิธิเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนในเบื้องต้น และอะซีม เพรมจีทำหน้าที่เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย สัญญาว่าจะให้ (The Giving Pledge)อะซีม เพรมจี เป็นคนอินเดียคนแรกที่เข้าร่วมปฏิญญาสัญญาว่าจะให้ (The Giving Pledge) ซึ่งเป็นการรณรงค์ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ และบิล เกตส์ เพื่อโปรโหมตให้คนที่ร่ำรวยที่สุดตกลงใจที่จะให้ทรัพย์สินโดยมากของตนแก่การกุศล เขาเป็นคนที่ไม่ใช่คนอเมริกันคนที่สามต่อจากริชาร์ด แบรนสัน และบารอนเดวิด เซนซ์เบอรี่ ที่เข้าร่วมคลับการกุศลนี้ โดยกล่าวว่า[29]
ในเดือนเมษายน 2556 เขากล่าวว่า เขาได้บริจาคทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 25% ต่อการกุศลแล้ว และมีแผนที่จะให้ทรัพย์สินอีก 25% ที่เหลือตามสัญญาภายในอีก 5 ปีต่อมา[31] ในเดือนกรกฎาคม 2558 เขาได้ให้หุ้นอีก 18% ของบริษัทวิโปร เป็นการให้หุ้นบริษัทรวมกันเป็น 39%[32][33] ดูเพิ่มเชิงอรรถและอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ อะซีม เปรมจี
|
Portal di Ensiklopedia Dunia