ไฟนอลแฟนตาซี III
![]() ไฟนอลแฟนตาซี III (อังกฤษ: Final Fantasy III) (ญี่ปุ่น: ファイナルファンタジーIII; โรมาจิ: Fainaru Fantajī Surī) เป็นเกมเล่นตามบทละคร หนึ่งในเกมชุดไฟนอลแฟนตาซีถูกพัฒนาครั้งแรกและวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2533 โดยบริษัทสแควร์สำหรับเล่นในเครื่องเกมแฟมิคอม ตัวละครในเรื่องออกแบบโดยโยะชิทะกะ อะมะโนะ และเพลงออกแบบโดย โนะบุโอะ อุเอะมัตสึ เหมือนในภาคก่อนหน้า โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้มีโครงการที่จะพัฒนาเกมลงเครื่องวันเดอร์สวอนแต่ได้ถูกยกเลิกไป ต่อมาได้มีการพัฒนาอีกครั้งและวางจำหน่ายในปี 24 สิงหาคม พ.ศ. 2549 สำหรับเครื่องเกมนินเทนโด ดีเอส จากทางสแควร์เอนิกซ์ โดยในเกมที่ทำใหม่นั้นได้ปรับปรุงระบบภาพเป็นกราฟิกส์ 3 มิติ ทั้งหมด และมีระบบการเชื่อมต่อระบบวายฟายเพิ่มเข้ามา การดำเนินเรื่องของเกมเกี่ยวกับเด็กกำพร้าสี่คนได้บังเอิญมาเจอกับคริสตัลในถ้ำแห่งหนึ่ง และได้รับคำชี้แนะของทางคริสตัลว่าแท้จริงแล้วพวกเขาคือนักรบแห่งแสงสว่าง ที่จะมาช่วยกู้โลกจากความมืด หลังจากนั้นเด็กทั้งสี่ได้ผจญภัยไปในโลกกว้าง และได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นตลอดการเดินทางเผื่อปราบมารร้ายซันเด และนำความสงบกลับคืนมาสู่โลก ในสหรัฐอเมริกา ไฟนอลแฟนตาซี III มักจะถูกเรียกสับสนกับเกมไฟนอลแฟนตาซี VI ซึ่งเป็นเกมที่วางจำหน่ายในอเมริกาเป็นเกมลำดับที่ 3 ระบบเกมระบบเกมของภาค III นี้ระบบหลักของเกมจะคล้ายคลึงกับระบบของ ไฟนอลแฟนตาซี I และ ไฟนอลแฟนตาซี II ที่ระบบการต่อสู้จะผลัดกันโจมตีคนละหนึ่งตากับทางศัตรู ระบบการเลือกอาวุธและเครื่องป้องกันสำหรับผู้เล่นการใช้เวทมนตร์ร่วมต่อสู้จะเหมือนเดิม ส่วนความสามารถในการเลือกอาชีพของตัวละครพัฒนาขึ้นมาซึ่งแตกต่างจากภาค I ที่อาชีพตัวละครจะมีให้เลือกตอนต้นเกมและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยภาค III นี้ ตัวละครสามารถเปลี่ยนอาชีพได้ตลอดเวลาปรับเปลี่ยนตามรูปแบบการผจญภัยในที่ต่างๆ ระบบการเพิ่มประสบการณ์ในภาค III จะเป็นรูปแบบเดียวกับภาค I ซึ่งขาดหายไปในภาค II นั้นเอง โดยเมื่อระดับประสบการณ์ของตัวละครถึงจุดหนึ่ง ตัวละครจะมีการเพิ่มระดับตนเองทำให้มีความสามารถซึ่งรวมถึง พลังโจมตี พลังป้องกัน ความฉลาด เพิ่มขึ้น เกมในภาค III เป็นเกมแรกที่มีการใช้เวทมนตร์เรียกสัตว์อสูรเข้ามาร่วมต่อสู้เป็นภาคแรก และมีใช้ต่อกันในอีกหลายภาคถัดมา อีกทั้งยังมี โมกลี ตัวละครเสริมที่ได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก โดยที่สองตัวละครยอดนิยมนี้ยังได้ปรากฏตัวในไฟนอลแฟนตาซีอีกหลายภาคต่อมา ไฟนอลแฟนตาซี III ใน ดีเอสไฟนอลแฟนตาซี III ได้มีการนำมาทำใหม่อีกครั้งสำหรับเครื่องนินเทนโดดีเอส โดยออกวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อ 24 สิงหาคม 2549 และวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือเมื่อ 14 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ก่อนที่จะนำมาพัฒนาให้กับทางดีเอสนั้น ทางบริษัทมีแนวคิดจะพัฒนาในเครื่องเพลย์สเตชัน 2 มาก่อน[1] โดยการพัฒนาในครั้งนี้ ฮิโระมิจิ ทะนะกะ หนึ่งในผู้พัฒนาไฟนอลแฟนตาซีในรุ่นแฟมิคอมเดิมได้เป็นหัวหน้าในการพัฒนาหลัก ระบบที่พัฒนาขึ้นไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงจากสองมิติเป็นสามมิติเท่านั้น ระบบยังได้พัฒนาการทำงานรับรองของเครื่องดีเอส ที่มีการใช้สไตลัสช่วยในการบังคับ ระบบแผนที่และทางวงกตใต้ดินได้ถูกพัฒนาเป็นสามมิติหมดโดยมีลักษณะที่ทำให้ใกล้เคียงกับแผนที่เดิมในภาคแฟมิคอม และมากกว่านั้นได้มีส่วนที่เป็นเนื้อเรื่องฉากเปิดและฉากปิดเพิ่มเข้ามา ระบบเกมคราวนี้พัฒนาโดยบริษัทเมทริกซ์ซอฟต์แวร์นำโดย โทะโมะยะ อะซะโนะ และขณะเดียวกันตัวละครหลักถูกออกแบบใหม่โดย อะกิฮิโกะ โยะชิดะ และได้มีชื่อของตัวละครแต่ละตัวรวมถึงประวัติที่เพิ่มเข้ามา ข้อแตกต่างของ รุ่นแฟมิคอม และดีเอสระบบใหม่ที่เปลี่ยนในภาคดีเอส นี้ได้แก่ระบบกราฟิกส์ได้เปลี่ยนเป็น 3 มิติทั้งหมดและมีการปรับปรุงระบบกราฟิกส์หลายส่วน รวมถึงฉากต่อสู้ ฉากเริ่มต้น ฉากจบ และฉากพูดคุยระหว่างตัวละครกันเอง ตัวละครหลักของเกมได้มีการกำหนดชื่อและหน้าตารวมถึงประวัติส่วนตัวของแต่ละคน ระบบการเซฟเกมจะมีระบบใหม่เพิ่มขึ้นมา โดยมีระบบที่เรียกว่า "ควิกเซฟ" สำหรับการเซฟเกมที่ตำแหน่งไหนก็ได้ในเกมเมื่อเซฟเสร็จระบบจะปิดเกมให้อัตโนมัติ ระบบการเชื่อมต่อกับวายฟายที่เพิ่มขึ้นมา โดยเชื่อมต่อเข้ากับระบบ "ม็อกเน็ต" ที่ให้ผู้เล่นเกมสามารถส่งจดหมายหาผู้เล่นคนอื่นผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ และยังให้ผู้เล่นสามารถส่งจดหมายหาตัวละครตัวอื่นได้เช่นกัน โดยในส่วนนี้จะนำไปสู่เนื้อเรื่องย่อยที่ซ่อนอยู่ เช่นในการตามหาเครื่องรางที่หายไปขององค์หญิงซารา การตามหาโลหะในตำนานโอริคัลคุม และค้นหาดาบในตำนาน อัลทิมาเวพอน ระบบอาชีพได้มีการเปลี่ยนแปลงให้อาชีพเริ่มต้นเป็นฟรีแลนเซอร์แทน ส่วนอัศวินหัวหอมที่เป็นอาชีพเริ่มต้นในภาคแฟมิคอมจะกลายเป็นอาชีพที่ซ่อนอยู่ โดยผู้เล่นจำเป็นต้องผ่านเงื่อนไขพิเศษ ถึงจะนำมาเล่นได้ ซึ่งในระหว่างเกมการได้มาอาชีพใหม่จากคริสตัลจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อปรับความสมดุลของเกมมากขึ้น ความสามารถในแต่ละอาชีพจะมีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่นอาชีพนินจาจะไม่สามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิดเหมือนภาคเดิม แต่จะใช้ได้เฉพาะดาบนินจา อาชีพแต่ละอาชีพจะมีระดับของตนเอง แทนที่ระบบการใช้ C ในภาคแฟมิคอม โดยเมื่อผู้เล่นเกมใช้อาชีพนั้นบ่อย อาชีพจะพัฒนาระดับขึ้น พลังโจมตีกับพลังป้องกันก็จะเพิ่มขึ้นตาม และเมื่อผู้เล่นพัฒนาระดับอาชีพถึงระดับที่ 99 ผู้เล่นก็จะได้อาวุธหรือเครื่องป้องกันพิเศษจากแต่ละอาชีพนั้น รุ่นวันเดอร์สวอน ก่อนที่ถูกยกเลิกในปี 2543 ทางบันไดได้ออกวางจำหน่ายเครื่องวันเดอร์สวอนที่เป็นเกมมือถือสีออกมา และได้ทำสัญญากับทางสแควร์จะวางจำหน่ายเกมไฟนอลแฟนตาซี 3 ภาคแรกนั้น ซึ่งหนึ่งปีถัดมา ไฟนอลแฟนตาซี I และ ไฟนอลแฟนตาซี II ได้วางจำหน่าย แต่ภาค III นั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมาจนกระทั่งทางบันไดได้ยกเลิกเครื่องเกมวันเดอร์สวอน ภายหลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต่อมาเมื่อสแควร์ได้รวมบริษัทกับทางเอนิกซ์ ได้มีการประกาศว่ายังมีการพัฒนาเกมต่อโดยจะทำลงเครื่องเล่นเพลย์สเตชันหรือไม่ก็เกมบอยแอดวานซ์แทน และในที่สุดเกมได้ถูกพัฒนาลงเครื่องดีเอสในปี 2549 โครงเรื่องเนื้อเรื่องภาคออริจินอลเกมไฟนอลแฟนตาซี III นั้น จะมีตัวละครหลักดำเนินเรื่องอยู่สี่คน ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าจากหมู่บ้านอูรที่รับเลี้ยงโดนผู้เฒ่าโตปาปา (ในภาคของดีเอส จะมีเนื้อเรื่องเริ่มต้นแตกต่างกัน) เด็กน้อยสี่คนได้ไปวิ่งเล่นในถ้ำแห่งหนึ่งและได้พบกับคริสตัลแห่งสายลมภายในถ้ำ คริสตัลนั้นได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นรวมถึงเหตุการณ์ร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งบอกกับเด็กน้อยว่าพวกเขาคือ "นักรบแห่งแสงสว่าง" ที่สามารถช่วยโลกพ้นภัยจากความมืดได้ ซึ่งเมื่อพวกเขาได้กลับไปที่หมู่บ้าน ได้ลาท่านนักบวชและแม่เลี้ยงและออกเดินทาง ระหว่างทางได้เจอกับ ซิด องค์หญิงซารา ที่ต้องการช่วยเหลือหมู่บ้านให้พ้นคนสาปของจอมมารจินน์ ภายหลังจากปราบจอมมารจินน์ลงจึงได้รู้ว่า มีจอมมารปีศาจซันเดซึ่งเป็นหัวหน้าของจินน์อีกทีนึง ต้องการทำลายล้างแสงสว่าง เหล่าผู้กล้าทั้งสี่จึงได้ออกเดินทางเพื่อตามหาซันเด ในระหว่างทางนั้นมีรูปปั้นยักษ์ทั้งสี่ขวางทางไปหาปราสาทของซันเด โดยจำเป็นต้องเก็บเขี้ยวแห่งพลัง ดิน น้ำ ลม ไฟ เพื่อใช้ในการป้องกันพลังของรูปปั้นยักษ์นั้น และเข้าต่อสู้กับซันเด
ตัวละครในเกมจะมีตัวละครหลักอยู่สี่คนที่ดำเนินเรื่องทั้งหมด ซึ่งในรุ่นแฟมิคอมนั้นตัวละครตัวละครหลัก ตัวละครเสริมและปีศาจถูกออกแบบโดย โยะชิทะกะ อะมะโนะ ส่วนในรุ่นของดีเอสตัวละครหลักถูกออกแบบใหม่และมีประวัติและชื่อของตนเองออกแบบโดย อะกิฮิโกะ โยะชิดะ ส่วนตัวละครเสริมและปีศาจยังคงใช้รูปแบบเดิมของอะมะโนะอยู่ ตัวละครหลัก รุ่นแฟมิคอม
ตัวละครหลัก ภาครีเมค
ตัวละครเสริม
ฝ่ายความมืด
ระบบอาชีพระบบอาชีพในเกมไฟนอลแฟนตาซี III นั้น จะให้ผู้เล่นสามารถเลือกอาชีพให้แก่ตัวละครได้โดยอิสระ โดยในรุ่นแฟมิคอม ผู้เล่นจำต้องมีจำนวน C (ค่า Capacity) จำนวนหนึ่งในการเลือกอาชีพตามจำนวน C ที่ต้องการ บางอาชีพในรุ่นแฟมิคอมจะมีคำสั่งพิเศษเพิ่มขึ้นมา เช่น "ขโมยของ" สำหรับอาชีพขโมย หรือ "กระโดดโจมตี" สำหรับอาชีพอัศวินมังกร ส่วนในเวอร์ชันรีเมค ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนอาชีพได้อย่างอิสระโดยที่ไม่มีค่า capacity อีกต่อไป เเต่จะมีช่วง Job transition phase ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาเเทน ซึ่งพลังของแต่ละอาชีพจะถูกลดลลงจนกว่าจะครบจำนวนการต่อสู้ที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือค่าความชำนาญอาชีพ ที่เมื่อเก็บค่าประสบการณ์อาชีพจากการต่อสู้ครงในปริมาณที่กำหนด ความชำนาญก็จะเพิ่มขึ้น โดยเมื่อมีความชำนาญในระดับ 99 จะได้อาวุธหรือเครื่องป้องกันพิเศษเฉพาะในเเต่ละอาชีพมา ในเรื่องของคำสั่งพิเศษสำหรับภาคดีเอสนั้น เเต่ละอาชีพก็จะมีคำสั่งพิเศษของตนเองอยู่อย่างน้อยหนึ่งคำสั่ง เช่นอาชีพ Warrior ก็จะมีท่า Advance เเละในบางอาชีพก็จะมีคำสั่งพิเศษสองคำสั่ง เช่นอาชีพ Thief ที่มีทั้งคำสั่ง Steal เเละ Flee (โดยคำสั่งพิเศษอย่างที่สองนั้น จะถูกนำมาเเทนที่คำสั่ง Guard) อาชีพหลักในเกม
อ้างอิงแหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia