เพลแลกรา อาการทางผิวหนังของเพลแลกรา ผิวหนังลอก , แดง และหนาตัว ตรงส่วนที่โดนแดด สาขาวิชา ตจวิทยา อาการ ผิวหนังอักเสบ , ท้องเสีย , ภาวะสมองเสื่อม , เจ็บปาก[ 1] ประเภท ปฐมภูมิ, ทุติยภูมิ[ 1] สาเหตุ ร่างกายมีไนอาซิน ไม่เพียงพอ[ 2] วิธีวินิจฉัย Based on symptoms[ 3] โรคอื่นที่คล้ายกัน ควาชิออร์คอร์ , เพมฟีกัส , โฟโตเดอร์มาทิทิส , พอร์ฟัยเรีย [ 3] การป้องกัน ขจัดความยากจน [ 3] การรักษา ให้เสริมไนอาซินหรือนิโคทินาไมด์ [ 1] พยากรณ์โรค ดี (หากได้รับการรักษา), เสียชีวิตใน ~ 5 ปี (ไม่ได้รับการรักษา)[ 3] ความชุก พบยาก (ประเทศพัฒนาแล้ว), ค่อนข้างทั่วไป (ประเทศกำลังพัฒนา)[ 3]
เพลแลกรา หรือ เพลลากรา (อังกฤษ : Pellagra ) เป็นโรคที่เกิดจากการขาดไนอาซิน (วิตามิน บี3 )[ 2] อาการประกอบด้วยการอักเสบของผิวหนัง, ท้องเสีย, ภาวะสมองเสื่อม และความเจ็บปวดในปาก[ 1] โดยผิวหนังส่วนที่เสียดสีบ่อยหรือโดนแดดจะแสดงอาการก่อน[ 1] เมื่อเวลาผ่านไปผิวหนังอาจเข้มลง หลุดลอก หรือแดงขึ้น[ 1] [ 3]
เพลแลกราแบ่งออกเป็นสองชนิด ปฐมภูมิ และ ทุติยภูมิ[ 1] แบบปฐมภูมิเกิดจากอาหารการกินที่มีไนอาซินกับทริพโทแฟน ไม่เพียงพอ[ 1] แบบทุติยภูมิเกิดจากความสามารถในการเอาไนอาซินจากอาหารออกมาใช้โดยร่างกาย.[ 1] อาจเป้นผลจากการติดสุรา , ท้องเสียยาวนาน, โรคคาร์ซินอยด์ , โรคฮาร์ทนัพ หรือยาเช่นไอโซไนอาซิด [ 1] การตรวจโรคนั้นประเมินตามอาการแสดงและอาจตรวจปัสสาวะร่วมด้วย[ 3]
การรักษาสามารถทำด้วยการเสริมไนอาซินหรือนิโคทินาไมด์ [ 1] อาการจะดีขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่วันหรือหนึ่งอาทิตย์[ 1] รวมถึงมักแนะนำให้ประบอาหารการกินควบคู่ไปด้วย[ 3] การลดการเผชิญกับแสดงแดดด้วยการทาครีมกันแดด หรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดนั้นจำเป็นเพื่อให้ผิวหนังค่อย ๆ รักษาอาการ[ 1] และเป้นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา[ 3] โรคนี้พบได้มากที่สุดในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในแอฟริกาแถบซับซาฮารา [ 3]
ระบาดวิทยา
เพลลากราอาจพบได้ทั่วไปในผู้คนที่มีแหล่งพลังงานหลัก จากการกินข้าวโพด โดยเฉพาะในแถบอเมริกาใต้ ที่ซึ่งข้าวโพดเป็นอาหารหลัก หากข้าวโพดไม่ได้ถูกนำไปผ่านกระบวนการนิกซ์ทามาไลส์ จะทำให้ขาดทริพโทแฟน เช่นเดียวกับไนอาซิน นอกจากนี้ในอดีต เพลลากราเคยเป็นโรคระบาด ในรัฐที่ยากจนของสหรัฐ เช่นมิสซิสซิพพี กับ อะลาแบมา ที่ซึ่งปรากฏอาการของเพลลากราเป็นวงจรเสมอ ๆ ทุก ๆ ฤดูใบไม้ร่วงหลังผ่านพ้นฤดูหนาวซึ่งมีแต่เนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก จนโรคนี้เป็นที่รู้จักในเวลานั้นว่า "โรคฤดูใบไม้ร่วง" (spring sickness) รวมถึงในทัณฑสถานและสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ตามที่ได้ศึกษาโดย ดร. จอเซฟ โกลด์เบอร์เยอร์ [ 4]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Hampl JS, Hampl WS (1 November 1997). "Pellagra and the origin of a myth: evidence from European literature and folklore" . Journal of the Royal Society of Medicine . 90 (11): 636–39. doi :10.1177/014107689709001114 . PMC 1296679 . PMID 9496281 .
"Reports and Resolutions of the General Assembly of the State of South Carolina, Regular Session Commencing January 11, 1916". Annual Report of the State Board of Health (1915–1916) . Columbia, S.C.: Gonzales and Bryan, state printers. 4 . 1916.
Beardsley E (2006). The Spartanburg Pellagra Hospital. In: The South Carolina Encyclopedia . Columbia, S.C: University of South Carolina Press. ISBN 1-57003-598-9 .
Swain CP, Tavill AS, Neale G (September 1976). "Studies of tryptophan and albumin metabolism in a patient with carcinoid syndrome, pellagra, and hypoproteinemia" . Gastroenterology . 71 (3): 484–89. doi :10.1016/s0016-5085(76)80460-x . PMID 133045 .
Hendrick, Burton J. (April 1916). "The Mastery of Pellagra: The Mysterious Disease, Almost Unknown in This Country Fifteen Years Ago, That Now Claims 7,500 Victims A Year And Is Spreading Rapidly" . The World's Work: A History of Our Time . XXXI : 633–39.
Kraut, Alan. "Dr. Joseph Goldberger and the War on Pellagra, By Alan Kraut, Ph.D. " Office of History, National Institutes of Health. 3 September 2010.
Crabb, Mary Katherine (1992). "An Epidemic of Pride: Pellagra and the Culture of the American South". Anthropologica . 34 (1): 89–103. doi :10.2307/25605634 . JSTOR 25605634 .
การจำแนกโรค ทรัพยากรภายนอก