เบ็ตตี ฟอร์ด
เอลิซาเบธ แอน บลูมเมอร์ วอร์เรน ฟอร์ด (8 เมษายน ค.ศ. 1918 - 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2011) หรือทีรู้จักกันคือ เบ็ตตี ฟอร์ด เป็นภริยาของอดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ระหว่าง ค.ศ. 1974–1977 เธอเป็นผู้ก่อตั้งเบ็ตตี ฟอร์ด เซ็นเตอร์ และเป็นประธานคนแรกของที่นี่ ช่วงต้นของชีวิตเอลิซาเบธ แอน บลูมเมอร์เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1918 ในชิคาโก เธอเป็นบุตรคนที่ 3 และเป็นบุตรหญิงคนเดียวของเซอร์วิลเลียม สตีเฟนสัน บลูมเมอร์นักเดินทางขายสินค้าของบริษัทรอยัล รับเบอร์กับภรรยาของเขาฮอร์เทรส นีอาร์ เธอมีพี่ชาย 2 คนคือ โรเบิร์ต และวิลเลียมจูเนียร์และหลังจากนั้นก็ไปอาศัยอยู่ที่เดนเวอร์เพียงครู่หนึ่ง เธอเติบโตในแกรนด์ ราพิด รัฐมิชิแกนที่ซึ่งเธอได้เรียนจบมาจากโรงเรียนเซนเทิล หลังจากเหตุการณ์หุ้นวอลสตรีตล่มใน ค.ศ. 1929 เมื่อเบ็ตตี บลูมเมอร์อายุได้ 11 ปี เธอเริ่มต้นออกแบบเสื้อผ้าและสอนเด็กๆเต้นรำ เธอเรียนการเต้นรำจากสตูดิโอคาร์ลา ทราวิช แดนซ์ และเรียนจบใน ค.ศ. 1935 เมื่อเธออายุได้ 16 ปี พ่อเธอเสียชีวิตจากการได้รับสารพิษคาร์บอน โมโนไซด์ในขณะที่กำลังซ่อมรถของครอบครัวในโรงรถ ซึ่งตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุหรือฆ่าตัวตายซึ่งปัจจุบันไม่มีผู้ใดทราบ ใน ค.ศ. 1933 หลังจากเรียนจบมาจากโรงเรียนเซนเทิล เธอได้ตั้งใจที่จะเรียนการเต้นรำที่นิวยอร์กแต่แม่ของเธอปฏิเสธ แต่เธอได้ไปเรียนการเต้นรำที่โรงเรียนการเต้นรำเบนนินตันในรัฐเวอร์มอนต์แทน เธอได้เรียนกับมาร์ธา เกรแฮม และฮันยา โฮล์ม การงานหลังจากเธอได้เป็นลูกศิษย์ของมาร์ธา เกรแฮม เบ็ตตี บลูมเมอร์ได้ย้ายไปอยู่ที่แมนฮัตตันและได้ทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นที่บริษัทจอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์ เธอได้รับการสนับสนุนคณะของเกรแฮมและในที่สุดก็ทำงานสำเร็จที่คาร์เนจี ฮอลล์ แม่ของเธอได้แต่งงานใหม่กับอาเทอร์ เมิกห์ ก็อดวิน ไม่ยินยอมเกี่ยวกับงานของเธอและสั่งให้เธอย้ายบ้าน แต่เธอก็ไม่ยอม สุดท้ายแม่และพ่อเลี้ยงได้มาขอร้องให้เธอกลับมาบ้านภายใน 6 เดือน และถ้าไม่ได้ทำงานในนิวยอร์กก็ให้กลับไปที่มิชิแกน และเธอได้ทำใน ค.ศ. 1941 เธอได้เป็นนักแฟชั่นของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในท้องถิ่น เธอได้จัดตั้งวงเต้นรำขึ้น และสอนการเต้นที่ต่างจากในแกรนด์ ราพิด โดยรวมเด็กกับผู้พิการเข้าด้วยกัน การสมรสและครอบครัว![]() ![]() ใน ค.ศ. 1941 บลูมเมอร์ได้สมรสกับวิลเลียม จี วอลแลนนักขายเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่อายุได้ 12 ปี สามีของเธอได้เริ่มต้นขายประกัน ทำให้ต้องย้ายบ้านบ่อยๆ ครั้งหนึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ในโทเลโด รัฐโอไฮโอที่ซึ่งเธอได้รับการว่าจ้างเป็นผู้สาธิตงานในห้างสรรพสินค้าราเซล แอนด์ ค็อกช์ งานนี้ส่งผลให้เธอเป็นพนักงานขายหญิง พวกเขาไม่มีบุตรด้วยกันและหย่ากันในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1947 เนื่องจากเห็นว่าเข้ากันไม่ได้ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1948 บลูมเมอร์ได้สมรสกับเจอรัลด์ ฟอร์ดผู้เป็นนักกฎหมายและทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2ที่โบสถ์เกรซ เอพริสคอเปลในแกรนด์ ราพิด รัฐมิชิแกน การสมรสล่าช้าจนกระทั่งมีการคัดเลือกสั้นๆ เพราะนิตยสารเดอะนิวยอร์กไทมส์ได้รายงานว่า"เจอรี่กำลังวิ่งเพื่อสภาและไม่มั่นใจกับผู้เลือกตั้งว่าจะรู้สึกอย่างไรกับการแต่งงานกับแดนเซอร์ที่เคยหย่ามาแล้ว" ทั้งคู่แต่งงานยาวนานถึง 58 ปีมีบุตร 4 คนได้แก่ ครอบครัวฟอร์ดได้ย้ายไปอาศัยที่ชานเมืองวอชิงตัน ดี.ซี.ในรัฐเวอร์จิเนียอยู่ใกล้รัฐโคลัมเบียและอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 25 ปี เจอรัลด์ ฟอร์ดได้กลายเป็นนักการเมืองระดับสูงของพรรครีพับลิกัน จากนั้นได้รักการแต่งตั้งเป็นรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อสไปโร แอกนิวลาออกจากตำแหน่งนี้ใน ค.ศ. 1973 และเจอรัลด์ ฟอร์ดได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาใน ค.ศ. 1974 จากริชาร์ด นิกสันที่ลาออกไปในคดีวอเตอร์เกท สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาพลังแห่งชาติ อำนาจ และตรงไปตรงมา![]() ![]() ในความเห็นของนิตยสารเดอะนิวยอร์กไทมส์ว่า "คุณนายฟอร์ดได้ส่งผลกระทบต่อธรรมเนียมของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นม่าย และสามีของเธอซึ่งอยู่ในตำแหน่งเพียง 896 วันเท่านั้น ต้องทำให้ความมีเกรียติของประธานาธิบดีกลับคืนมา" ในขณะที่เธอได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เธอได้ถูกโจมตีอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องในอดีตหลายเรื่อง แต่เธอก็ได้รับการสัมภาษณ์ผ่านสื่อนิตยสาร"60 นาที"อย่างตรงไปตรงมา ทำให้มีการวัดโพลปรากฏว่ามีผู้ชมชอบเธอถึง 75 เปอร์เซ็นต์ นโยบายทางสังคม และการดำเนินการเพื่อบรรลุผลทางการเมือง![]() ![]() ในระหว่างเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เบ็ตตีสนับสนุนให้สตรีมีสิทธิ์พูดจาเปิดเผย เธอสนับสนุนการพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เธอได้ดำเนินการเพื่อการทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้ง บทบาททางการเมืองของเธอนิตยสารไทม์ได้เรียกเธอว่าFighting First Lady และให้เธอเป็นสตรีแห่งปีในฐานะเป็นชาวอเมริกันที่ทำเพื่อสิทธิสตรี เจอรัลด์ได้ถามภรรยาซึ่งสนับสนุนสิทธิสตรีให้เลือกว่าจะดำเนินหรือยุติการตั้งครรภ์ในทัศนคติของเธอ อย่างไรก็ตามเขาบอกผู้สัมภาษณ์ แลร์รี คิง ภายในขอบเขตของพรรค สุขภาพและการรับรู้ถึงมะเร็งเต้านมหลายสัปดาห์หลังจากเบ็ตตี ฟอร์ดเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เธอได้ตรวจพบมะเร็งเต้านมและผ่าตัดเต้านมในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2517 การป่วยของเธอทำให้ชาวอเมริกันแต่ก่อนไม่อยากพูดถึง"เมื่อผู้หญิงคนอื่นเป็น ไม่เห็นพาดหัวข่าว" เธอพูดผ่านทางนิตยสารไทม์ว่า"ในความเป็นจริง ฉันเป็นภริยาของประธานาธิบดีถึงได้พาดหัวข่าวและได้นำมาก่อนที่รู้กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะประสบการณ์นี้ที่ฉันกำลังฟันฝ่า มันทำให้ผู้หญิงมากมายตระหนักถึงสิ่งที่มันสามารถบังเกิดขึ้นแก่พวกเขา ฉันมั่นใจว่า ฉันอาจจะรอดจากโรคนี้แค่เพียงคนเดียวหรืออาจมากกว่านั้น"จากคำพูดนี้มีผู้สนับสนุนมากมายในวงกว้างเพื่อให้ตระหนักถึงภัยของมะเร็งเต้านม ในหลายสัปดาห์หลังจากเบ็ตตี ฟอร์ดได้รับการผ่าตัดเอาเต้านมออก แฮปปี้ รอกกีเฟลเลอร์ภริยาของรองประธานาธิบดี เนลสัน รอกกีเฟลเลอร์ก็ได้รับการผ่าตัดเอาเต้านมออกด้วยเช่นกัน ศิลปะเบ็ตตี ฟอร์ดได้สนับสนุนเกี่ยวกับศิลปะในขณะดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา และการแสดงในมาร์ธา เกรแฮมทำให้ได้รับเหรียญตราแห่งเสรีภาพ เบ็ตตี ฟอร์ดได้เก็บรักษารางวัลจาก โรงเรียนพาร์สัน ซึ่งเป็นโรงเรียนเกี่ยวกับแฟชั่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1976หลังจากสามีของเธอพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1976เธอได้กล่าวสุนทรพจน์การยอมให้ในประวัติศาสตร์ เบ็ตตีได้พูดเพื่อประธานาธิบดีและถูกต้องแล้วที่เลือกจิมมี คาร์เตอร์หลังจากเจอรัลด์ ฟอร์ดแพ้คะแนนเสียงในการเลือกตั้ง เบ็ตตี ฟอร์ด เซ็นเตอร์![]() ใน ค.ศ. 1978 เวลาที่ครอบครัวฟอร์ดเริ่มต่อต้านการติดสุราและการต่อต้านการเสพติดยาที่ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด ซึ่งได้มีกฎหมายกำหนดขึ้นในก่อน ค.ศ. 1960 ที่มีผลต่อระบบประสาท "ฉันชอบแอลกอฮอล์"เป็นคำที่ฟอร์ดเขียนไว้ในบันทึกประจำวัน ค.ศ. 1987 "มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น และฉันชอบทานยาเม็ด พวกมันช่วยบรรเทาความตึงเครียดและความเจ็บปวด" ใน ค.ศ. 1982 หลังจากเธอหายเป็นปกติ เธอได้ก่อตั้งเบ็ตตี ฟอร์ด เซ็นเตอร์ ขึ้นในรันโช มิราจ รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อบำบัดรักษาผู้ที่ติดสารเสพติด เธอได้เขียนถึงการบำบัดรักษาในหนังสือเมื่อ ค.ศ. 1987 ชื่อว่า Betty: A Glad Awakening ใน ค.ศ. 2003 เธอได้ประพันธ์หนังสืออื่นอีก คือ Healing and Hope: Six Women from the Betty Ford Center Share Their Powerful Journeys of Addiction and Recovery ใน ค.ศ. 2005 ฟอร์ตได้สละตำแหน่งประธานของเบ็ตตี ฟอร์ด เซ็นเตอร์ บุตรสาว ซูซาน ฟอร์ดจึงรับหน้าที่ต่อไป บั้นปลาย![]() ในปีที่หลังจากออกจากทำเนียบขาวใน ค.ศ. 1977 เบ็ตตี ฟอร์ดได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระในการทำงานในเบ็ตตี ฟอร์ด เซ็นเตอร์ เธอได้พูดถึงเรื่องของการต่อสู้ของสตรีไว้มากมาย และได้ทำงานการกุศลทางศาสนา ใน ค.ศ. 1987 เธอได้เปิดศูนย์เกี่ยวกับโรคหัวใจ แต่เป็นการทำไปได้ยาก ใน ค.ศ. 1991 เธอได้รับรางวัลเหรียญตราแห่งเสรีภาพ(Presidential Medal of Freedom)จากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชและได้รางวัล Congressional Gold Medal ใน ค.ศ. 2001 ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 เบ็ตตีได้รับรางวัลที่เป็นที่เคารพนับถือWoodrow Wilson Awardที่ลอสแอนเจลิส เพื่อการบริการจากWoodrow Wilson Center เธอได้อาศัยอยู่ที่รันโช มิราจ และในแบรเวอร์ เครกกับสามีของเธอ และในปีนั้นเองเจอรัลด์ ฟอร์ดสามีของเธอเสียชีวิตจากโรคหัวใจล้มเหลวในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2006 อายุ 93 ปี ฟอร์ดได้เดินทางมาไกลเพื่อมาร่วมพิธีฝังศพสามีของนาง หลังจากที่สามีเสียชีวิตไปแล้ว ฟอร์ดได้อาศัยอยู่ที่เมืองรันโชมิราจต่อไป ในขณะอายุ 93 ปี เธอเป็นอดีตผู้อาศัยในทำเนียบขาวที่มีอายุมากที่สุด และเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีอายุยืนยาวที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจาก เบสส์ ทรูแมน (97 ปี) และ เลดี เบิร์ด จอห์นสัน (94 ปี) สุขภาพที่ไม่แข็งแรงและความอ่อนแอที่เพิ่มมากขึ้นจากการผ่าตัดรักษาลิ่มเลือดที่ขาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2006 และเมษายน ค.ศ. 2011 ทำให้ต้องลดการใช้ชีวิตท่ามสาธาณชน ปัญหาสุขภาพของเบตตี้ ฟอร์ดทำให้เธอไม่สามารถไปร่วมงานฝังศพของเลดี เบิร์ด จอห์นสัน เพื่อนเก่าของเธอและอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2007 ได้ ซูซาน ฟอร์ด บุตรสาวจึงไปร่วมงานในฐานะตัวแทนของแม่แทน เจอรัลด์และเบ็ตตี้ ฟอร์ด เป็นประธานาธิบดีและสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีอายุเกินเก้าสิบปี เช่นเดียวกับอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แนนซี่ เรแกน ได้มีอายุครบ 90 ปี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ดังนั้นเธอและสามี อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน จึงร่วมกับสามีภรรยาฟอร์ดในฐานะที่เป็นคู่สามีภรรยาหมายเลขหนึ่งที่มีอายุอยู่ในช่วงเก้าสิบปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2011 เบ็ตตี้ ฟอร์ดมีอายุครบ 93 ปี เท่ากับสามี อดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ที่มีอายุเท่ากันในวันเกิดครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 ฟอร์ดเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ณ ศูนย์การแพทย์ไอเซนฮาวร์ เมืองรันโชมิราจ รัฐแคลิฟอร์เนีย สิริอายุ 93 ปี 3 เดือน ดูเพิ่มอ้างอิง
![]() วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ เบ็ตตี ฟอร์ด |
Portal di Ensiklopedia Dunia