เจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน)
รองอำมาตย์เอก ร้อยตำรวจเอก เจ้าราชดนัย (น้อยยอดฟ้า ณ น่าน) หรือ เจ้าน้อยยอดฟ้า ณ น่าน เจ้าราชดนัยแห่งนครน่าน อดีตพระยาราชบุตรแห่งนครแพร่ และเป็นราชโอรสในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 กับแม่เจ้ายอดหล้า พระประวัติเจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน) หรือ เจ้าน้อยยอดฟ้า ณ น่าน เป็นราชโอรสในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 กับแม่เจ้ายอดหล้า มีเชษฐา-เชษฐภิคินี ร่วมเจ้ามารดารวม 13 องค์ คือ
เจ้าน้อยยอดฟ้า เสกสมรสกับเจ้าหญิงสุพรรณวดี เทพวงศ์ ราชธิดาในเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย กับแม่เจ้าบัวไหล เจ้าน้อยยอดฟ้า มีตำแหน่งเดิมเป็น พระยาราชบุตร พระยาราชบุตรนครแพร่ และรับราชการเป็นนายตำรวจอยู่ในเมืองนครแพร่ มียศเป็น ร้อยตำรวจเอกพระยาราชบุตร ต่อมาปีพ.ศ. 2446 ภายหลังจากกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน เจ้าบิดาได้ขอย้ายพระยาราชบุตรไปรับราชการที่เมืองนครน่าน และขอรับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น เจ้าราชดนัย เจ้าราชดนัยแห่งนครน่าน[1] ท่านจึงได้พาครอบครัวไปพำนักอยู่นครน่าน จึงกระทั่งถึงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2460 เจ้าราชดนัยป่วยเป็นโรคฝีในปอด ถึงแก่กรรมเมื่อชนมายุได้ 47 ปี พระยศเจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน) ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์ ดังนี้
เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่ในปี พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองนครแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว เจ้าพิริยเทพวงษ์จึงต้องเสด็จหรีภัยการเมืองไปประทับเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว[2] และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี พ.ศ. 2455 ส่วนเจ้านายองค์อื่น ๆ ถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่กรุงเทพฯ และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ร่วมถึงพระยาราชบุตร (เจ้าน้อยยอดฟ้า ณ น่าน) ก็ถูกถอดยศศักดิ์ ริบทรัพย์สมบัติ ให้ชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ และให้ย้ายออกจากนครแพร่ ภายหลังเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี มีคำสั่งให้ร้อยตำรวจเอกพระยาราชบุตรนำกองกำลังตามขึ้นไปตีพวกโจรเงี้ยวที่แตกไปอยู่ตำบลสะเอียบ ซึ่งร้อยตำรวจเอกเพระยาราชบุตรก็สามารถกระทำงานที่มอบหมายสำเร็จ คือตีพวกกองโจรเงี้ยวจนแตกพ่ายไป ได้ริบทรัพย์จับเชลยกลับมาเป็นจำนวนมาก อันเป็นวิธีสร้างความดีลบล้างความผิดเพื่อหลีกเลี่ยงการประหารชีวิตเพราะสยามไม่ประสงค์จะให้กระทบกระเทือนใจเจ้านายเมืองเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระยาราชบุตรเป็นราชโอรสในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน ต่อมาปี พ.ศ. 2446 เจ้าบิดาได้ขอย้ายพระยาราชบุตรไปรับราชการที่เมืองนครน่าน และขอรับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น “เจ้าราชดนัย” อันเป็นตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นชอบด้วย ธิดาเจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน) สมรสกับเจ้าสุพรรณวดี เทพวงศ์ โดยเจ้าพิริยเทพวงษ์ได้ไปสู่ขอตามประเพณีล้านนาในปี พ.ศ. 2439 มีธิดา 2 คน คือ
โดยธิดาทั้งสองคือสายสัมพันธ์สองแผ่นดินแห่งนครแพร่ และนครน่าน เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ราชตระกูล
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia