ฮิโตชิ ซากิโมโตะ (ญี่ปุ่น: 崎元 仁; โรมาจิ: Sakimoto Hitoshi; เกิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1969) เป็นผู้ประพันธ์เพลงและผู้เรียงเรียงเสียงประสานชาวญี่ปุ่น มีชื่อเสียงด้านทำดนตรีประกอบเกมไฟนอลแฟนตาซีแท็กติกและไฟนอลแฟนตาซี XII เขาทำประพันธ์ประกอบเกมกว่าเจ็ดสิบเกม และเรียบเรียงเสียงประสานกว่าสี่สิบเกม พื้นฐานเดิมเขาเรียนด้านดนตรีตั้งแต่ประถม และได้ประกาศเป็นฟรีแลนซ์ในปี 1988 และในปี 1997 เขาได้สมัครงานเข้าในบริษัทสแควร์อีนิกซ์
ในปี 2002 เขาได้ลาออกจากบริษัทสแควร์อีนิกซ์ และก่อตั้งบริษัททำเสียงประกอบเกมเป็นของตัวเองคือ Basiscape และได้ทำการบริหารงานทางด้านธุรกิจทำเสียงอย่างเต็มรูปแบบทั้งเสียงเกม การ์ตูนอนิเมะ เป็นต้น
ประวัติ
วัยหนุ่ม
ฮิโตชิ ซากิโมโตะ เกิดที่โตเกียว ถูกบังคับเรียนดนตรีตั้งแต่ประถม แต่โดยส่วนตัวเขาสนใจเกี่ยวกับเกมเป็นอย่างมาก ในช่วงที่เขาเรียนดนตรีนั้นเขาสนใจจำพวกวงร็อก วงเครื่องลมทองเหลือง และออร์แกนไฟฟ้า แต่ว่าก็เรียนเปียโนเป็นเครื่องมือหลัก[1]เขาได้ร่วมมือกับเพื่อน ๆ ของเขาในการทำเกมตั้งแต่สมัยอยู่มัธยม[2] และในช่วงมัธยมปลายเขาได้เขียนบทความในนิตยสาร Oh!FM โดยส่วนตัวเขาได้บอกว่าเขาเป็นเซียนเกมแต่ว่าเป็นนักดนตรีที่ยังอ่อนหัด[1]
เขาเริ่มแต่งเพลงสำหรับเกมเมื่ออายุสิบหกปี และร่วมกันเขียนเกมกับเพื่อน ๆ [3] ซึ่งเกมแรก ๆ นั้นเขาได้ใช้เครื่องมือทุกชิ้นเท่าที่หามาได้แบบมั่ว ๆ [4] เขาได้ผลักดันตัวเองและรับงานทำเกมอย่างมืออาชีพเมื่อปี 1988 เขากับเพื่อนร่วมงาน มาซาฮารุ อิวาตะ ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานประกอบเกมหลาย ๆ เกมด้วยกัน ซึ่งเกมแรกที่นับว่าเป็นงานอย่างจริงจังของเขาคือเกมแนวยิง Revolter ซึ่งวางจำหนายโดยบริษัท ASCGroup for the NEC PC-8801 (คอมตั้งโต๊ะ) ซากิโมโตะได้ทำเสียงจำพวกซินธิไซเซอร์และ ดนตรีแนวบรรยากาศอวกาศเป็นหลักในช่วงแรก ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของดนตรีประกอบเกมของญี่ปุ่นในยุค 1990 ยังไงก็ตามเกม Revolter ก็ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง และเขาก็ได้ทำเสียงประกอบเกมอีกหลายเกมและผลงานเสียงประกอบเกมของเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมดนตรีอย่างเต็มรูปแบบ[3][5]
วัยทำงาน
ผมเชื่อว่าเสียงนั้นมันครอบคลุมความรู้สึกของเกมจริง ๆ นะ เช่นนั้นเองผมจึงอยากทำงานแบบนี้
คำพูดของฮิโตชิ ซากิโมโตะ[6]
หลังจากเกม Revolter ไปแล้ว ผลงานของซากิโมโตะได้เข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมดนตรีอื่น ๆ อีกมากมาย ในยุคคอมพิวเตอร์-8801 ได้มีเกมมาอีกเช่น Starship Rendezvous และ Gauntlet ซึ่งเป็นเกมที่ได้รับความนิยมพอ ๆ กับเกม Stone of Deigan ในปี 1989 และ The Witch of Barbatus ในปี 1990 [1]ช่วงปี 1990 และ 1992 เขาได้ทำเสียงเกมกว่า 24 ชิ้นงาน ช่วงนี้เขาได้สมัครงานในบริษัท Toshiba EMI, Artec, และ Data East.[5]แต่ว่าเขาก็ได้ทำเสียงเกมในงานชิ้นโบว์แดงหรือว่างานเดี่ยวก็เห็นจะเป็น Bubble Ghost ในช่วงปี 1990[1]
ในช่วงปี 1993-1997 นั้นเขาก็ได้ทำเสียงเกมที่ได้รับความนิยมอีกหลายเกม Ogre Battle: March of the Black Queen, Shin Megami Tensei, Alien vs. Predator, Tactics Ogre, และ Dragon Quest VI เป็นต้น[5] ซึ่งช่วงเวลาในปี 1997 เขาได้ย้ายมาอยู่สแควร์อย่างเป็นทางการโดยทำเกมไฟนอลแฟนตาซีแท็กติก ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เขาได้เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในวงการเกม (การได้ออกไปทัวร์นอกประเทศ)[3][7]แม้ว่าเขาจะงานเต็มเอียดในช่วงไม่กี่ปีในช่วงนั้น แต่ว่าเขาก็ได้รับความสำเร็จจากเกม Vagrant Story อยู่ดี[5] งานสุดท้ายที่ทำให้สแควร์คือเบรทออฟไฟล์ห้า และ Tactics Ogre: The Knight of Lodis สำหรับแคปคอมและ Quest หลังจากนั้นเขาจึงลาออกจากพนักงานบริษัทมาทำเป็นบริษัท Basiscape ในวันที่ 4 ตุลาคม 2002 อย่างเป็นทางการ
เบสิสเคพ
Basiscape เป็นบริษัทที่รับทำเสียงประกอบทุกชนิดโดยเฉพาะเกม ซากิโมโตะได้ลาออกจากสแควร์อีนิกซ์ เพราะว่าต้องการอิสระกว่าเดิม โดยที่เขาจะสามารถคัดเลือกงานที่จะทำได้เพื่อจะได้ไม่งานเต็มมือเหมือนแต่ก่อน[8]ตอนก่อตั้งบริษัทมีสมาชิกสามคนคือ ซากิโมโตะ, อิวาตะ และ มานาบุ นามิกิ เมื่อก่อตั้งบริษัทแยกออกมาแล้วบริษัทก็รับทำเสียงสำหรับวิดีโอเกมหลาย ๆ ค่ายเกม แต่หลัก ๆ แล้วจะเป็น สแควร์อีนิกซ์ เมื่อปี 2005 ก็มีการรับสมัครนักประพันธ์เพลงเพิ่มคือ มิตสึฮิโระ คาเนดะ และ คิมิฮิโระ อาเบะ, หลังจากเขาได้รับความสำเร็จในเกมส์ไฟนอลแฟนตาซี XIIเขาก็ได้ขยายบริษัทเพิ่มขึ้นไปอีกโดยเกณฑ์นักประพันธ์เพลงมาทำงานเพิ่มได้แก่ โนริยูกิ คามิกูระ, โยชิมิ คูโด และ อาซูซะ ชิบะ[9][10] ซึ่งทำให้กลายมาเป็นบริษัททำเพลงประกอบเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ หลังจากนั้นก็ยังทำงานอีกชิ้นคือ Odin Sphere และ ไฟนอลแฟนตาซี XII ภาคเสริม[3] บริษัทนี้จะแบ่งการบริหารงานคือการประพันธุ์เพลงหลักจะยกให้ซีอีโอ และแบ่งงานการเรียบเรียงเสียงประสานให้บุคลากรอื่นทำ รวมถึงมีบทเพลงบางชิ้นจะแบ่งให้คนในบริษัททำแยกออกไปด้วยตามความถนัด โดยการรับงานจะเป็นการรับงานในรูปแบบบริษัท บุคลากรที่เป็นนักประพันธ์เพลงทั้งหมดจะเป็นทั้งฟรีแลนซ์และเป็นพนักงานบริษัทแบบเต็มเวลาได้พร้อมกัน[11] ตัวธุรกิจ Basiscape เพิ่งถูกจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อปี 2009[12]
ซากิโมโตะเคยกล่าวถึงผลงานที่ไม่แสวงหากำไร[1] เขามีส่วนทำให้อัลบัมเสียงเกม Ten Plants (1998) และ 2197 (1999) เป็นหัวข้อในการกล่าวถึงเสียงเกม[13][14] ซึ่งในงานของเบสิสเคพนั้นเขาได้ทำงานกับนักร้องเลียในการออกอัลบัมเพลงป๊อปของเลียมาสองอัลบัม และงานด้านอื่นก็ทำอนิเมะเรื่องโรมิโอ × จูเลียตในปี 2007 และ The Tower of Druaga: The Aegis of Uruk ในปี 2008 และ ทำการ์ตูนแผ่นเรื่อง Legend of Phoenix ~Layla Hamilton Monogatari~ in 2005[3]
การแสดง
ยาสุโนริ มิตสึดะ และซากิโมโตะ ณ A Night in Fantasia 2007: Symphonic Games Edition
ซากิโมโตะมักจะเสนอหน้าในงานคอนเสิร์ตเพลงประกอบเกมหลาย ๆ งาน เขาไปพบปะกับ โยโกะ ชิโมมูระ และ ไมเคิล เสียงาโตริ ซึ่งเป็นแขกพิเศษในงาน Play! A Video Game Symphony ณ หอแสดงออเคสตรา ณ ดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา[15] งานของเขาได้ทำการแสดงโดยวงซิมโฟนีออเคสตราเอมิเนนซ์, อีกทั้งมีคอนเสิร์ตที่ใช้บทเพลงของเขาและ Basiscape ในการแสดง[16] เขาและยาสุโนริ มิซซีดะ ได้ไปคอนเสิร์ตร่วมกันในงาน Passion เมื่อธันวาคม 2006, ใน เมษายน 2007 เขาปรากฏตัวที่วงออเคสตราในงานA Night in Fantasia 2007: Symphonic Games Edition, ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีสามบทประพันธ์ใหญ่ของทั้งสอง[17] และเขาทั้งสองได้ร่วมงานกับวงซิมโฟนีออเคสตราเอมิเนนซ์ในการแสดงคอนเสิร์ตในช่วงกรกฎาคมปีนั้นในงาน Destiny: Reunion ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตสำหรับดนตรีประกอบเกมญี่ปุ่นเท่านั้น[18] วงซิมโฟนีออเคสตราเอมิเนนซ์ได้วางแผ่น Passionในปี 2006 และ Destiny: Dreamer's Allianceในปี 2007[19] ตีมของเพเนโลจากไฟนอลแฟนตาซี XII และ เมดเลย์ของไฟนอลแฟนตาซีแท็กติก A2 ซึ่งแสดงที่สิงค์โปร์[20]
ถึงแม้ว่าเขาจะมีโชว์ตัวในงานคอนเสิร์ตอยู่สำหรับไฟนอลแฟนตาซีก็ตาม แต่ว่าบทเพลงของเขาก็ได้ถูกเรียบเรียงใหม่สำหรับเปียโนโดยอาซาโกะ นิวะ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นเพลงสำหรับเปียโนในระดับกลางซึ่งถูกขายโดย โรงพิมพ์โดเรมี[21]
สไตล์เพลง และแรงจูงใจ
ลักษณะงานดนตรีของเขานั้นมักจะเป็นแบบเรียบเรียงเครื่องดนตรีให้เด่นเท่า ๆ กันและจะชอบใช้เปียโนสั้น ๆ แล้วค่อยต่อเข้าคอม[7] แล้วเขาก็จะชอบเขียนดนตรีแนวออเคสตราอย่างมาก โดยเขียนมาในซีเควนเซอร์ก่อนแล้วค่อยเอาวงเล่นจริง เมื่อเขาจะเขียนเพลงเขาจะนึกว่าเขาเป็นโปรดิวเซอร์ก่อนว่าต้องการอะไร หากรอบของเพลงก่อนจากนั้นค่อยหาทำนองที่ใช่ แล้วจึงประพันธ์เป็นเดโม[4] เขามักจะบอกว่าเขาจะพยายามทำให้เหมือนพวกเสียงอนิเมะของญี่ปุ่น แต่ว่าอาจจะไม่เหมือนกันบ้างเล็กน้อย[16] เขายังบอกอีกว่าเขาจะทำผลงานออกมาเรื่อย ๆ ให้มีคุณภาพมากกว่านี้แล้วเมื่อทำชิ้นก่อน ๆ ไปแล้วมันจะทำให้เรารู้ว่าเราจะทำของใหม่ให้ดีขึ้นอย่างไร[4]
ส่วนด้านแรงจูงใจนั้นเขาได้รับอิทธิพลจากดนตรีเทคโนเก่ากับโปรเกรสซีพร็อค ซึ่งเขาจะชอบวงเยลโลว์แมจิกออเคสตราเอามาก ๆ [6][16] เมื่อเขาทำการศึกษาเกี่ยวกับพื้นฐานทางดนตรีแล้วเขาก็ใช้นามปากกาว่า "YmoH.S" มาตลอด, เขายังอ้างอิงว่าเขายังใช้ดนตรีแจ๊สโดยเฉพาะชิกโคเรียอีกด้วยในงานหลัก[1] ตัวของซากิโมโตะในช่วงที่กำลังปั่นงานไฟนอลแฟนตาซี XII นั้นเองเขายังแอบอู้งานมาฟังพวกแนวเทคโนและแจ๊สฟิวชั่นเวลาเซ็งและมักจะชอบบทเพลงในไฟนอลแฟนตาซีภาคเก่า ๆ ที่โนบูโอะ อูเอมัตสึปั้มเอาใว้ด้วย[22] บ้างก็หาแรงบันดาลใจที่บ้าน, เขาจะชอบนึกไอเดียเจ๋ง ๆ เวลาอยู่ที่สตูดิโออยู่เสมอ ๆ และบทประพันธ์ที่เขารู้สึกภูมิใจเสนอที่สุดก็คือ Vagrant Story[4]
ผลงานสะสม
วิดีโอเกม
|
ปี |
เกม |
หน้าที่ |
ผู้ร่วมผลงาน
|
1988 |
Revolter |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
1989 |
Stone of Deigan |
เรียบเรียง |
|
1990 |
en:Bubble Ghost |
ประพันธ์ |
|
Metal Orange |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
Starship Rendezvous |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
Carat |
ประพันธ์ |
|
en:Advanced Dungeons & Dragons: Heroes of the Lance |
เรียบเรียง |
|
1991 |
Devilish |
ประพันธ์ |
|
en:Verytex |
ประพันธ์ |
|
en:Magical Chase |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
King Breeder |
ประพันธ์ |
|
en:Midnight Resistance |
เรียบเรียง |
|
en:Master of Monsters |
เรียบเรียง |
|
Dragons of Flame |
เรียบเรียง |
|
en:Death Knights of Krynn |
เรียบเรียง |
|
1992 |
Mounted Soldier |
เรียบเรียง |
|
en:Two Crude Dudes |
เรียบเรียง |
|
en:Death Bringer |
เรียบเรียง |
|
en:Captain America and the Avengers |
เรียบเรียง |
|
en:Champions of Krynn |
เรียบเรียง |
|
Dragon Master Silk |
เรียบเรียง |
|
Eye of the Beholder |
เรียบเรียง |
|
Seven Colors |
เรียบเรียง |
|
1993 |
Gauntlet |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
Bad Omen |
ประพันธ์ |
|
Super Back to the Future Part II |
ประพันธ์ |
|
en:Ogre Battle: The March of the Black Queen |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ และ ฮายาโตะ มัสสึโอะ
|
Tail Spin |
เรียบเรียง |
|
en:Aguri Suzuki F-1 Super Driving |
เรียบเรียง |
|
Alien vs. Predator |
เรียบเรียง |
|
The Little Mermaid |
เรียบเรียง |
|
J-LEAGUE Soccer |
เรียบเรียง |
|
Classic Lord |
เรียบเรียง |
|
en:Shin Megami Tensei |
เรียบเรียง |
|
Quiz Jipangu |
เรียบเรียง |
|
1994 |
en:Kingdom Grand Prix |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
en:X-Kaliber 2097 |
ประพันธ์ |
ฮายาโตะ มัสสึโอะ
|
Moldorian |
ประพันธ์ |
|
Pile Up March |
ประพันธ์ |
|
en:Side Pocket |
เรียบเรียง |
|
en:Nankoku Shōnen Papuwa-kun |
เรียบเรียง |
|
Shogi |
เรียบเรียง |
|
Mighty Morphin Power Rangers: The Movie |
เรียบเรียง |
|
en:Super Ice Hockey |
เรียบเรียง |
|
Lorelei |
เรียบเรียง |
|
Swap |
เรียบเรียง |
|
Blue Garnet |
เรียบเรียง |
|
1995 |
en:Tactics Ogre: Let Us Cling Together |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
Chick's Tale |
ประพันธ์ |
|
Dragon Master Silk 2 |
ประพันธ์ |
|
en:Pet Club: Inu Daisuki! |
เรียบเรียง |
|
en:Akazukin Chacha |
เรียบเรียง |
|
en:Dragon Quest VI |
เรียบเรียง |
|
en:Bomberman: Panic Bomber |
เรียบเรียง |
|
Classic Lord 2 |
เรียบเรียง |
|
F1 GP |
เรียบเรียง |
|
1996 |
en:Treasure Hunter G |
ประพันธ์ |
จ้อน พี้,, โทชิอากิ ซาโกดะ, โยโกะ ทาคาดะ, โทโมโกะ มัสสึอิ, และ อากีโกะ โกโต
|
en:Terra Diver |
ประพันธ์ |
มานาบุ นามิกิ
|
The Adventures of Hourai High School |
ประพันธ์ |
|
Chip Chan Kick! |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
Thoroughbred Breeder 3 |
เรียบเรียง |
|
My Best Friends |
เรียบเรียง |
|
Virtual Gallop Kisyudou |
เรียบเรียง |
|
1997 |
Bloody Roar |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ และ มานาบุ นามิกิ
|
en:Final Fantasy Tactics |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
Civizard – Majutsu no Keifu |
เรียบเรียง |
|
1998 |
en:Radiant Silvergun |
ประพันธ์ |
|
en:Armed Police BatRider |
ประพันธ์ |
|
Traffic Confusion |
เรียบเรียง |
|
en:Battle Garegga |
เรียบเรียง |
|
Roommate 3 |
เรียบเรียง |
|
1999 |
en:Ogre Battle 64: Person of Lordly Caliber |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ และ ฮายาโตะ มัสสึโอะ
|
Roommate W -Futari- |
เรียบเรียง |
|
2000 |
en:Vagrant Story |
ประพันธ์ |
|
2001 |
en:Tactics Ogre: The Knight of Lodis |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
Kuusen |
ประพันธ์ |
|
en:Legaia 2: Duel Saga |
ประพันธ์ |
ยาสุโนริ มิตสึดะ และ มิชิรุ โอชิมา
|
en:Tekken Advance |
ประพันธ์ |
อสูฮิโร โมโตยามา
|
Block Wars |
เรียบเรียง |
|
2002 |
en:Breath of Fire: Dragon Quarter |
ประพันธ์ |
|
Perfect Prince |
ประพันธ์ |
ชินจิ โฮโซเอ และ อายาโกะ ซาโซ
|
en:The Pinball of the Dead |
เรียบเรียง |
|
2003 |
en:Final Fantasy Tactics Advance |
ประพันธ์ |
อายาโกะ ซาโซ, คาโอริ โอโคชิ และ ตาหนวดใส่แว่นแก่ ๆ
|
2004 |
en:Gradius V |
ประพันธ์ |
|
en:Stella Deus: The Gate of Eternity |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
en:Mushihime-sama |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ, มานาบุ นามิกิ, ชินจิ โฮโซเอ, อายาโกะ ซาโซ, and โชอิจิโร ซาคาโมโต
|
2005 |
ArtePizza |
ประพันธ์ |
|
Wizardry Gaiden: Prisoners of the Battles |
ประพันธ์ |
|
Bleach: Heat the Soul 2 |
ประพันธ์ |
|
Zoids: Full Metal Crash |
ประพันธ์ |
|
B-Legend! Battle B-daman Fire Spirits! |
เรียบเรียง |
|
2006 |
en:Monster Kingdom: Jewel Summoner |
ประพันธ์ |
หลายคน
|
en:Fantasy Earth: Zero |
ประพันธ์ |
|
Final Fantasy XII |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ, ฮายาโตะ มัสสึโอะ, และโนบุโอะ อุเอมัตสึ
|
en:Battle Stadium D.O.N |
ประพันธ์ |
|
en:Digimon World Data Squad |
ประพันธ์ |
|
2007 |
en:GrimGrimoire |
ประพันธ์ |
|
en:Final Fantasy XII: Revenant Wings |
ประพันธ์ |
เคนิชิโร ฟูคูอิ
|
en:Final Fantasy Tactics: The War of the Lions |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
en:Odin Sphere |
ประพันธ์ |
เบสิสเคพ
|
en:ASH: Archaic Sealed Heat |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
en:Final Fantasy Tactics A2 |
ประพันธ์ |
|
en:Opoona |
ประพันธ์ |
เบสิสเคพ
|
Deltora Quest |
ประพันธ์ |
เบสิสเคพ
|
2008 |
L no Kisetsu 2: Invisible Memories |
ประพันธ์ |
|
en:Valkyria Chronicles |
ประพันธ์ |
|
en:The Wizard of Oz: Beyond the Yellow Brick Road |
ประพันธ์ |
คิมิฮิโระ อาเบ, มาซาฮารุ อิวาตะ, and มิชิโกะ นารุเกะ
|
Elminage: Priestess of Darkness and The Ring of the Gods |
ประพันธ์ |
|
2009 |
Coded Soul |
ประพันธ์ |
|
en:Crystal Defenders |
ประพันธ์ |
|
en:Muramasa: The Demon Blade |
ประพันธ์ |
|
en:Tekken 6 |
ประพันธ์ |
หลายคน
|
Lord of Vermilion II |
ประพันธ์ |
|
2010 |
en:Valkyria Chronicles II |
ประพันธ์ |
|
en:Lord of Arcana |
ประพันธ์ |
|
en:Tactics Ogre: Let Us Cling Together |
ประพันธ์ |
มาซาฮารุ อิวาตะ
|
2011 |
en:Valkyria Chronicles III |
ประพันธ์ |
|
งานด้านอื่น
|
ปี |
ชิ้นงาน |
หน้าที่ |
ผู้ร่วมผลงาน
|
1991 |
MCMXCI |
ประพันธ์ |
|
1992 |
MYSTERY CASE in HI! SCHOOL! |
ประพันธ์ |
|
Be filled with feeling |
ประพันธ์ |
|
1993 |
Great Wall |
ประพันธ์ |
|
G.T.R |
ประพันธ์ |
|
1994 |
T•O•U•R•S |
ประพันธ์ |
|
1995 |
Megami Tensei 1 and 2 |
ประพันธ์ |
|
1998 |
Ten Plants |
ประพันธ์ |
|
1999 |
2197 |
ประพันธ์ |
|
2005 |
Colors of Life |
ประพันธ์ |
เลีย
|
2005 |
Legend of Phoenix ~Layla Hamilton Monogatari~ |
ประพันธ์ |
|
2007 |
Romeo x Juliet |
ประพันธ์ |
|
2008 |
en:The Tower of Druaga: The Aegis of Uruk |
ประพันธ์ |
|
2011 |
Iron Vendetta |
ประพันธ์ |
|
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 Chris. "Hitoshi Sakimoto :: Biography". Square Enix Music Online. สืบค้นเมื่อ 2008-12-05.
- ↑ "Hitoshi Sakimoto - Profile". CocoeBiz. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-02. สืบค้นเมื่อ 2008-12-05.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 "Credits". Hitoshi Sakimoto's official website. สืบค้นเมื่อ 2008-12-06.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 Sakimoto, Hitoshi; Kennedy, Sam (2007-10-30). "Final Fantasy XII Composer Hitoshi Sakimoto Interview from 1UP.com". 1UP.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-21. สืบค้นเมื่อ 2009-10-15.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 "Hitoshi Sakimoto - Discography". CocoeBiz. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-02. สืบค้นเมื่อ 2008-12-05.
- ↑ 6.0 6.1 Sakimoto, Hitoshi; Larsen, Phil (2006-11-06). "Hitoshi Sakimoto Interview". PALGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-26. สืบค้นเมื่อ 2009-10-15.
- ↑ 7.0 7.1 Sakimoto, Hitoshi (2006-10-24). "Twelve Days of Final Fantasy XII: Hitoshi Sakimoto Interview Part I". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-12. สืบค้นเมื่อ 2009-10-15.
- ↑ Sakimoto, Hitoshi; Winkler. "RPGFan Exclusive Interview #4: Hitoshi Sakimoto, Composer, Basiscape". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-05. สืบค้นเมื่อ 2009-10-15.
- ↑ "Basiscape". Square Enix Music Online. สืบค้นเมื่อ 2008-12-06.
- ↑ "Basiscape :: Composers". Square Enix Music Online. สืบค้นเมื่อ 2008-12-06.
- ↑ Sakimoto, Hitoshi; Napolitano, Jason (2009-04-02). "GDC 2009: Shooting The Breeze With Hitoshi Sakimoto". Original Sound Version. สืบค้นเมื่อ 2009-10-15.
- ↑ Rojek, Kamil (2010-10-06). "Interview with Hitoshi Sakimoto (October 2010)". Square Enix Music Online. สืบค้นเมื่อ 2010-10-06.
- ↑ Ten Plants. Biosphere Records (1998-04-22). BICA-5001.
- ↑ 2197. Troubadour Records (1999-04-18). TTRC-0028.
- ↑ "Hitoshi Sakimoto to attend Detroit concert". PLAY! A Video Game Symphony. 2006-05-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-12. สืบค้นเมื่อ 2008-12-06.
- ↑ 16.0 16.1 16.2 Shea, Cam (2007-02-15). "Hitoshi Sakimoto AU Interview". IGN. สืบค้นเมื่อ 2008-12-06.
- ↑ Shea, Cam (2007-05-04). "A Night in Fantasia 2007 Photos". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-07. สืบค้นเมื่อ 2009-10-15.
- ↑ Kermarrec, Jérémie; Jeriaska (2008-10-15). "Interview with Yasunori Mitsuda". RPGFan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-05. สืบค้นเมื่อ 2008-12-06.
{{cite web}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
- ↑ "Portfolio". Eminence Symphony Orchestra. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-07-30. สืบค้นเมื่อ 2009-10-15.
- ↑ "Fantasy Comes Alive :: Report by Between Moments". Square Enix Music Online. สืบค้นเมื่อ 2010-06-09.
- ↑ "Doremi Music Web Site" (ภาษาญี่ปุ่น). DOREMI Music Publishing. สืบค้นเมื่อ 2008-09-14.
- ↑ Sakimoto, Hitoshi (2006-10-25). "Twelve Days of Final Fantasy XII: Hitoshi Sakimoto Interview Part II". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-06. สืบค้นเมื่อ 2008-12-05.
แหล่งข้อมูลอื่น