ฮาเร็ม

สตรีแห่งคาบูล (ภาพพิมพ์หินใน ค.ศ. 1848 โดย James Rattray) แสดงการเปิดตัวในพื้นที่แซนอเน (زنانه)

ฮาเร็ม (อังกฤษ: Harem; เปอร์เซีย: حرمسرا, อักษรโรมัน: haramsarā; อาหรับ: حَرِيمٌ ḥarīm, แปลว่า "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ล่วงละเมิดไม่ได้; ฮาเร็ม; สมาชิกหญิงในครอบครัว")[1][2] สื่อถึงพื้นที่บ้านที่สงวนเฉพาะผู้หญิงในบ้านของครอบครัวมุสลิม[3][4][5] ผู้ที่อยู่ในฮาเร็มอาจมีทั้งภรรยาหรือบรรดาภรรยาของฝ่ายชาย เด็กผู้ชายก่อนเข้าวัยหนุ่มวัยสาว ลูกสาวที่ยังไม่แต่งงาน หญิงรับใช้ในบ้าน และญาติหญิงฝ่ายอื่น ๆ ที่ไม่ได้แต่งงาน ในอดีตมีนางบำเรอทาสก็อยู่ในนี้ด้วย บางฮาเร็มในอดีตจะมีขันทีเฝ้าดูผู้ที่สมควรเข้าข้างใน โครงสร้างฮาเร็มและขอบเขตของการมีคู่สมรสคนเดียวหรือมีภรรยาหลายคนนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบุคลิกของครอบครัว สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และประเพณีท้องถิ่น[3] สถาบันที่คล้ายคลึงกันนี้พบได้ทั่วไปในอารยธรรมแถบเมดิเตอร์เรเนียนและตะวันออกกลางอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มราชวงศ์และชนชั้นสูง[4] และบางครั้งใช้คำนี้ในความหมายอื่นด้วย[6]

แม้ว่าสถาบันนี้จะประสบกับการมีจำนวนลดลงอย่างมากในสมัยใหม่ เนื่องจากโอกาสทางการศึกษาและเศรษฐกิจสำหรับผู้หญิงที่เพิ่มขึ้น และอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก การแยกผู้หญิงยังคงปรากฏในบางพื้นที่ เช่นแถบชนบทของประเทศอัฟกานิสถาน และรัฐอนุรักษ์นิยมในอ่าวเปอร์เซีย[4][7]

ส่วนฮาเร็มในมุมมองของนักบูรพทิศชาวตะวันตกเป็นโลกซ่อนเร้นที่มีการกดขี่ข่มเหงทางเพศ โดยผู้หญิงจำนวนมากเอนกายในท่าทางที่ชี้นำทางเพศ ซึ่งมีอิทธิพลต่อภาพวาด การผลิตละครเวที ภาพยนตร์ และงานวรรณกรรมมากมาย[3][4] ภาพวาดสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยายุคแรกบางส่วนในคริสต์ศตวรรษที่ 16 แสดงผู้หญิงในฮาเร็มออตโตมันเป็นบุคคลที่มีสถานะและมีความสำคัญทางการเมือง[8] ผู้หญิงในฮาเร็มตามประวัติศาสตร์อิสลามในหลายยุค ใช้อำนาจทางการเมืองในหลายระดับ[9]

ภูมิหลังก่อนอิสลาม

แนวคิดฮาเร็มหรือการแยกผู้หญิงไม่ได้มีต้นกำเนิดจากมุฮัมมัดหรือศาสนาอิสลาม[9] การแยกผู้หญิงเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในชุมชนตะวันออกใกล้โบราณหลายแห่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่สามารถมีคู่ครองหลายคนได้[10] ในอัสซีเรียและเปอร์เซียก่อนอิสลาม ราชสำนักส่วนใหญ่มีฮาเร็มของตนเอง โดยบรรดามเหสีและพระสนมของผู้นำอาศัยอยู่ในนั้นร่วมกับพนักงานหญิงและขันที[9] Encyclopædia Iranica ใช้คำว่า ฮาเร็ม เพื่อสื่อถึงวิถีปฏิบัติของตะวันออกใกล้ในสมัยโบราณ[11]

ในวัฒนธรรมอิสลาม

มุมมองตะวันตก

ภาพจินตนาการอันแตกต่างของฮาเร็มเกิดขึ้นในโลกตะวันตกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อชาวยุโรปเริ่มตระหนักว่าในฮาเร็มของชาวมุสลิมมีผู้หญิงจำนวนมากอาศัยอยู่ ในสมัยการล่าอาณานิคมของยุโรปมีการสร้าง "ฮาเร็มในจินตนาการ" เพื่อใช้เป็นตัวแทนสิ่งที่นักวิชาการบูรพาทิศมองเป็นสถานะที่ถูกเหยียดหยามและกดขี่ของสตรีในอารยธรรมอิสลาม แนวคิดเหล่านี้ทำหน้าที่หล่อหลอมให้ตะวันตกเป็นประเทศที่เหนือกว่าทางวัฒนธรรมและสร้างความชอบธรรมให้กับบริษัทอาณานิคม[4] ฮาเร็มมักถูกมองว่าเป็นซ่องโสเภณีส่วนตัวที่มีผู้หญิงจำนวนมากนอนเล่นในท่าทางที่ส่อไปในทางชี้นำทางเพศ ชี้นำเรื่องเพศที่รุนแรงแต่ถูกกดขี่ต่อชายโสดในรูปแบบของ "ความรักใคร่เชิงแข่งขัน" (competitive lust) ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของ อาหรับราตรี[3][4]

ภาพ

ศิลปินตะวันตกหลายคนวาดภาพฮาเร็มตามจินตนาการของตน

ดูเพิ่ม

บุคคล

อื่น ๆ

อ้างอิง

  1. Wehr & Cowan 1976, pp. 171–172.
  2. Harem at WordReference.com
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 Cartwright-Jones 2013, "Harem".
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 Anwar 2004, "Harem".
  5. Harem in Merriam-Webster Dictionary
  6. Haslauer 2005, "Harem".
  7. Doumato 2009, "Seclusion".
  8. Madar 2011.
  9. 9.0 9.1 9.2 Britannica 2002.
  10.  "Harem" . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911. Vol. 12 (11 ed.). 1911. pp. 950–952.
  11. A. Shapur Shahbazi (2012). "HAREM i. IN ANCIENT IRAN". Encyclopaedia Iranica.

ข้อมูล

แหล่งข้อมูลอื่น

 

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia