อาสนวิหารลิงคอล์น
อาสนวิหารลิงคอล์น (อังกฤษ: Lincoln Cathedral) มีชื่อเป็นทางการว่า The Cathedral Church of the Blessed Virgin Mary of Lincoln หรือ อาสนวิหารนักบุญมารีย์ เป็นอาสนวิหารสำคัญตั้งอยู่ที่เมืองลิงคอล์นในมณฑลลิงคอล์นเชอร์ใน สหราชอาณาจักร นักประวัติศาสตร์บางส่วนอ้างว่าอาสนวิหารลิงคอล์นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกต่อจากมหาพีระมิดแห่งกีซา โดยมียอดแหลมตรงกลางสูงถึง 160 เมตร (520 ฟุต) ที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1311 ซึ่งดำรงตำแหน่งนี้เป็นเวลา 238 ปี ก่อนที่ยอดแหลมพังลงมาใน ค.ศ. 1548[2][3][4] และมิได้สร้างใหม่จึงเสียตำแหน่ง อาสนวิหารมีชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สมลักษณะสิ่งก่อสร้างที่ดี จอห์น รัสคินนักเขียนสมัยพระราชินีนาถวิคตอเรีย บรรยายว่า “...อาสนวิหารลิงคอล์นเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นที่สำคัญที่สุดในอังกฤษ และมีคุณค่าเท่าสองอาสนวิหารที่เรามี”[5] ประวัติ![]() ![]() พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ทรงสั่งให้สร้างอาสนวิหารลิงคอล์นเมื่อปี ค. ศ. 1072 ก่อนหน้านั้นวัดเซ็นต์แมรีแห่งลิงคอล์นเป็นเพียงวัดแม่ (mother church) แต่ไม่ใช่อาสนวิหารและขึ้นอยู่กับเป็นสังฆมณฑลออกซฟอร์ดเชอร์ ซึ่งมีอาสนวิหารอยู่ที่ดอร์เชสเตอร์ออนเทมส์ (Dorchester-on-Thames) แต่ที่ตั้งของเมืองลิงคอล์นเป็นจุดศูนย์กลางของมณฑลมากกว่าที่ดอร์เชสเตอร์ บาทหลวงเรมิเจียส (Bishop Remigius) สร้างอาสนวิหารแรกบนที่ตั้งปัจจุบันและแล้วเสร็จเมื่อปี ค. ศ. 1092 แต่ท่านเสียชีวิตเพียงสองวันก่อนที่อาสนวิหารจะได้รับการสถาปนาเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมในปีเดียวกัน ประมาณ 50 ปีต่อมาอาสนวิหารเกือบทั้งหมดถูกไฟไหม้ บาทหลวงอเล็กซานเดอร์ (Alexander of Lincoln) จึงสร้างและขยายใหม่แต่ก็อยู่ได้เพียง 40 ปีก็มาถูกทำลายโดยแผ่นดินไหว เมื่อปี ค. ศ. 1185 หลังจากแผ่นดินไหวก็มีบาทหลวงใหม่มาปกครอง—บาทหลวงฮิว (Hugh of Lincoln) จากอวาลอน (Avalon) ประเทศฝรั่งเศส ผู้ต่อมาได้เป็นนักบุญ บาทหลวงฮิวก็เริ่มก่อสร้างและขยายอาสนวิหารอย่างใหญ่หลวง การบูรณะเริ่มที่ทางท้ายวัดตรงมุขและคูหาสวดมนต์รอบจรมุข ทางเดินกลางสร้างแบบสถาปัตยกรรมกอธิคอังกฤษสมัยต้น อาสนวิหารลิงคอล์นใช้วิธีการก่อสร้างที่ล่าสุดในสมัยนั้นเช่น เพดานโค้งแหลม กำแพงค้ำยันแบบปีก และเพดานโค้งแหลมแบบมีสัน (ribbed vault) สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้กำแพงหลักไม่ต้องรับน้ำหนักจากหลังคาและตัวกำแพงทั้งหมด จึงทำให้สามารถสร้างหน้าต่างที่กว้างกว่าเดิมได้มาก เมื่อพูดถึงเนื้อที่ใช้สอยภายในอาสนวิหาร อาสนวิหารลิงคอล์นใหญ่เป็นที่ 3 ในสหราชอาณาจักรรองจากอาสนวิหารยอร์ค และ อาสนวิหารเซ็นต์พอล ที่กรุงลอนดอนโดยมีเนื้อที่ 484 ฟุตคูณ 271 ฟุต หอคอยของอาสนวิหารเป็นหอที่สูงที่สุดในยุโรปในยุคกลาง นอกจากนั้นก็ยังมีระฆังใหญ่ที่เรียกกันว่า “Great Tom of Lincoln” ที่ติดตั้งเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 และจะตีบอกเวลาทุก 15 นาที หน้าต่างกุหลาบบนแขนกางเขนทางด้านเหนือ -- Dean's Eye – สร้างเมื่อค. ศ. 1192 บูรณะโดยนักบุญฮิว (St Hugh) มาเสร็จเมื่อเมื่อค. ศ. 1235 ทางด้านใต้ -- Bishop’s Eye—บูรณะเมื่อ ค. ศ. 1330 ราวประมาณปีค.ศ. 1237 หรือ 1239 หอกลางของวัดก็ทลายลงมา เมื่อค. ศ. 1255 ชาวเมืองลิงคอล์นยื่นคำร้องต่อพระเจ้าเฮนรีที่ 3ขอให้รื้อกำแพงเมืองบางส่วนลงเพื่อที่จะได้ขยายอาสนวิหารและสร้างหอและยอดใหม่ ทางด้านหลังวัดก็สร้างคูหาสวดมนต์ใหญ่แทนคูหาสวดมนต์เดิมที่สร้างโดยนักบุญฮิวเพื่อรับนักแสวงบุญที่มาสักการะนักบุญฮิวที่เพิ่มมากขึ้น ระหว่างปี ค.ศ. 1307 ถึงปี ค.ศ. 1311 หอกลางที่สูง 271 ฟุตก็สร้างเสร็จ หอทางด้านตะวันตกก็มีการบูรณะและต่อเติมจนสูงถึง 525 ฟุตซึ่งทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกในสมัยนั้นสูงกว่าปิรามิดกีซาที่เป็นครองตำแหน่งสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกเป็นเวลา 4000 ปี แต่ก็มาถูกพายุพัดทลายลงมาเมื่อปี ค.ศ. 1549 ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ก็มีการก่อสร้างฉากหินสลัก เก้าอี้อิง (misericords) และ บริเวณสงฆ์ใหม่ที่เรียกว่า Angel choir สถาปนิกพยายามสร้างซุ้มซ้อนกันสองชั้นเพื่อให้ดูเหมือนมีทางเดินเพิ่มนอกกำแพงอย่างฝรั่งเศส แต่กะสัดส่วนผิดจึงมิได้ผลอย่างที่ตั้งใจ เมื่อปี ค.ศ. 1290 พระราชินีของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 เอเลเนอร์แห่งคาสตีล (Eleanor of Castile) สิ้นพระชนม์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงทรงจัดให้มีขบวนศพอย่างสมพระเกียรติ หลังจากทำศพซึ่งในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 หมายถึงการควักเครื่องในออก เครื่องในที่ถูกควักออกมานี้ก็เอาฝังไว้ที่อาสนวิหารลิงคอล์นเอง ชุดเทียมเอาไปฝังไว้ที่เวสท์มินสเตอร์แอบบี โลงศพที่อาสนวิหารลิงคอล์นยังมีอยู่แต่อนุสรณ์ของพระนางถูกทำลายเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17 แต่มาสร้างแทนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 ด้านนอกของอาสนวิหารมีรูปปั้นเด่นสองรูปปั้นที่เชื่อกันว่าเป็นรูปปั้นของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและพระราชินีแต่รูปปั้นนี้ถูกซ่อมแซมอย่างไม่ปราณีตเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อปี ค.ศ. 1398 จอห์น กอนท์ (John of Gaunt) และแค็ทเธอริน สวินฟอร์ด (Katherine Swynford) สร้างคูหาสวดมนต์(chantry) เพื่อเอาไว้สวดมนต์แก่วิญญาณของเขา เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 15 ก็มีการสร้างคูหาสวดมนต์เพิ่มขึ้น คูหาสวดมนต์ติดกับบริเวณสงฆ์ Angel Choir เป็นแบบกอธิคสูง (Perpendicular gothic) ซึ่งเน้นเส้นดิ่งหรือความเพรียว ลักษณะนี้จะเห็นได้จากลวดลายหน้าต่างและการตกแต่งผนัง มหากฎบัตรบาทหลวงแห่งลิงคอล์นเป็นผู้หนึ่งที่ลงนามใน “แม็กนา คาร์ตา” อาสนวิหารจึงเป็นที่เก็บเอกสารนี้ไว้ฉบับหนึ่งในจำนวนทั้งหมดด้วยกันสี่ฉบับเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่ปัจจุบันเอกสารฉบับนี้ย้ายไปเก็บไว้ที่ปราสาทลิงคอล์น อีกสองฉบับอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติอังกฤษ และฉบับที่สี่อยู่ที่อาสนวิหารซอลสบรี อิมพ์แห่งลิงคอล์น![]() ปนาลีหรือการ์กอล์ย ตัวหนึ่งของอาสนวิหารเรียกว่า “Lincoln Imp” ซึ่งที่มามาจากหลายตำนาน ตำนานหนึ่งจากคริสต์ศตวรรษที่ 14 กล่าวว่า ซาตานส่งสัตว์เจ้าเล่ห์สองตัวที่เรียกว่า “Imps” มากวนโลก หลังจากที่ก่อความวุ่นวายทางภาคเหนือของอังกฤษอิมพ์สองตัวก็เดินทางมาลิงคอล์น พอมาถึงอาสนวิหารก็ทำลายโต๊ะและเก้าอี้และทำให้บาทหลวงสะดุดล้ม อิมพ์ตัวหนึ่งนั่งบนยอดเสาเอาก้อนหินขว้างขณะที่อีกตัวหนึ่งนั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะ อิมพ์ตัวที่โยนหินถูกสาปให้เป็นหินที่เรียกว่า Lincoln Imp นั่งอยู่บนเสาหินภายในบริเวณสงฆ์ Angel Choir อยู่ทุกวันนี้ อิมพ์อีกตัวหนีไปกริมสบี (Grimsby) ไปก่อความวุ่นวายต่อ ในที่สุดก็เข้าไปในวัดเซ็นต์เจมส์และไปก่อความยุ่งยากเช่นที่อาสนวิหารลิงคอล์น เทวดาก็เลยมาปรากฏตัวแล้วตีก้นอิมพ์ป้าบใหญ่ก่อนที่จะสาปให้เป็นหินเหมือนตัวแรก กริมสบีจึงมี “Grimsby Imp” ที่มือหนึ่งกุมก้นที่ถูกเทวดาตี หอสมุดเร็นหอสมุดเร็น (Wren library) มีหนังสือโบราณต้นฉบับทั้งหมด 277 เล่มรวมทั้งหนังสือ “ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับศาสนาของชนอังกฤษ” ที่เขียนโดยนักบุญบีด ผู้เขียนจดหมายเหตุที่เป็นกลายมาเป็นเอกสารสำคัญที่สุดในการบันทึกประวัติศาตร์อังกฤษเป็นครั้งแรก ปัจจุบัน![]() เว็ปไซท์ของอาสนวิหารกล่าวว่าอาสนวิหารใช้งบประมาณกว่า 70 ล้านบาทต่อปีในการบำรุงรักษาวัด โครงการหลังสุดที่ทำคือการบูรณะด้านหน้าเมื่อ ค.ศ. 2000 ประมาณ 10 ปีก่อนหน้านั้นทางอาสนวิหารพบว่ากำแพงค้ำยันทางตะวันออกแยกออกจากตัวอาคารจึงจำเป็นต้องซ่อมก่อนที่อาสนวิหารจะทลายลงมา อีกปัญหาที่พบคือหินที่หน้าต่างกุหลาบทางด้านเหนือเริ่มผุกร่อน และนอกจากนั้นยังพบว่าถ้าหินเลื่อนไปเพียง 5 มิลลิเมตรหน้าต่างก็จะพังลงมา ทางวัดก็เลยรื้อหน้าต่างเดิมออกและสร้างหน้าต่างใหม่แทน ทุกสี่ปีทางอาสนวิหารจัดละครลึกลับที่เรียกว่า “Lincoln Mystery Plays” ซึ่งมีผู้ชมมาจากทั่วโลก โครงเรื่องนำมาจากบทละครที่เขียนโดยคีธ แรมเซย์ (Keith Ramsay) เมื่อ ค.ศ. 1978 ละครครั้งต่อไปจะเล่นในปี ค.ศ. 2008 เกร็ด![]()
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
อ่านเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ อาสนวิหารลิงคอล์น |
Portal di Ensiklopedia Dunia