อัญชลี วานิช เทพบุตร
อัญชลี วานิช เทพบุตร (เกิด 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2504) อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต อดีตนายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นิพนธ์ พร้อมพันธุ์) เมื่อ พ.ศ. 2535 และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในปี พ.ศ. 2547 - เม.ย 2551 ประวัติอัญชลี (นามสกุลเดิม: วานิช; ชื่อเล่น: อ่อน) เป็นบุตรของนายเอกพจน์ – นางบุญรอด วานิช คหบดีในจังหวัดภูเก็ต [2] อัญชลี จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2524 และปริญญาโทด้านกฎหมายพานิชย์นาวีและกฎหมายทั่วไป จากมหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา สมรสกับทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาเคยทำกิจกรรมองค์การนักศึกษา และสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นนักศึกษาร่วมรุ่นกับ สมคิด เลิศไพฑูรย์, อภิชาติ ดำดี, วสันต์ ภัยหลีกลี้, วิฑูรย์ นามบุตร, นพดล ปัทมะ, สุรพล นิติไกรพจน์ และบุญสม อัครธรรมกุล[3] งานการเมืองอัญชลี วานิช เทพบุตร เข้าสู่งานการเมืองในปี พ.ศ. 2531 เป็นครั้งแรก ในสังกัดพรรคประชาชน[4] แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง โดยแพ้ให้กับนายเรวุฒิ จินดาพล อดีตผู้ต้องหาแทนทาลัม ถึงสองครั้ง คือในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2531 และการเลือกตั้งเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 ต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต สมัยแรกในการเลือกตั้งเดือนกันยายน พ.ศ. 2535 สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งต่อเนื่อง 3 สมัยติดต่อกัน จนกระทั่งในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 ได้มาลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 25 และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ จนถึงในปี พ.ศ. 2547 ได้ลาออกจากตำแหน่งมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต อัญชลี ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในการเลือกตั้งโดยตรงเป็นครั้งแรกของประเทศไทย จนกระทั่งหมดวาระการดำรงตำแหน่ง จึงได้กลับเข้ามามีบทบาทในการเมืองระดับชาติอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2552 เธอได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และต่อมาในปี พ.ศ. 2554 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แทน กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ที่ลาออก เธอนับเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของไทย ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 เธอได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 5 และเธอได้รับเลือกในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประชาธิปัตย์ ให้ดำรงตำแหน่ง นายทะเบียนพรรค[5][6] กรณี สปก.4-01อัญชลี และสามี เคยเป็นข่าวเมื่อถูกสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) ฟ้องร้องจากกรณีรับที่ดิน สปก.4-01 ที่บนภูเขาในเขตอำเภอเมืองภูเก็ต จำนวน 98 ไร่ เมื่อ พ.ศ. 2537 โดยไม่มีคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นผู้มีฐานะดีและไม่ได้เป็นเกษตรกร[7] อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คำตัดสินของศาลจะออกมาเช่นนั้น ก่อนหน้ามีคดีความ สามีของ อัญชลี ได้ถือครองที่ดินนี้อยู่แล้วโดยมี ส.ค.1 เป็นเอกสารกรรมสิทธิ์ แต่เนื่องจาก ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ลาดเอียงจึงไม่สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นโฉนดได้ เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia