อภิรดี ภวภูตานนท์
อภิรดี ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม [1][2](เกิด 23 กันยายน พ.ศ. 2508) ชื่อเล่น แก้ว เป็นนักแสดงหญิงชาวไทย ประวัติอภิรดีมีชื่อเล่นว่า แก้ว เกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2508 ที่กรุงเทพมหานคร[3] เป็นบุตรของพันตำรวจเอก (พิเศษ) ทศพล และอำไพ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม เธอมีเชื้อสายมอญ[4]อภิรดีเข้ารับการศึกษาระดับปฐมวัยที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ, ระดับประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์, ต่อมาได้เข้าศึกษาระดับ ปวช.วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาวิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ[3] และศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาจาก ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง[3] ปริญญาโท มหาวิทยาลัยเกริก และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีในปี พ.ศ. 2560[5][6] หลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 9 สถาบันพระปกเกล้า เธอเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกจากการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา และต่อมาเธอก็ได้รับการสนับสนุนจากจีรวรรณ กัมปนาทแสนยากรให้เป็นนักแสดง[3] โดยภาพลักษณ์และบทบาทของอภิรดีถูกวางให้เป็นนางเอกบู๊ ก่อนที่จะหันมารับบทร้ายบทเซ็กซี่ในจอเงิน ในปี พ.ศ. 2530 อภิรดีแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง ทองเนื้อเก้า ทางช่อง 7 ซึ่งเป็นผลงานละครชิ้นแรกของเธอ ละครประสบความสำร็จอย่างสูง ทำให้ชื่อเสียงของอภิรดีขึ้นมานักแสดงชั้นแนวหน้าที่มากฝีมือการแสดง อีกทั้งบทลำยองจากเรื่องนี้ก็เป็นภาพจำติดตัวอภิรดีมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากทองเนื้อเก้า ละครที่โด่งดังสุดๆ ของอภิรดีอีกเรื่อง คือ สุสานคนเป็น ซึ่งประชันบทบาทกับชไมพร นางเอกและนักแสดงมากฝีมือ ละครเรื่องนี้ทำคนเกลียดชีพรสสุคนธ์ ขณะเดียวกันก็หวาดกลัวผีคุณนายลั่นทมกันทั้งประเทศ ละครโด่งดังมากจนทำให้ชีพ ซึ่งรับบทโดยภาณุเดช ที่ถือเป็นหน้าใหม่ในวงการขณะนั้น เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง อภิรดีถือเป็นนักแสดงที่รับบทได้หลากหลาย ไม่ยึดติดกับภาพนางเอกเหมือนนางเอกร่วมรุ่นส่วนใหญ๋ เธอเป็นทั้งนางเอกนักบู๊ นางร้ายยั่วยวน นักแสดงบทชีวิตเข้มข้น หรือนางเอกกุ๊กกิ๊ก อย่างในละครเรื่อง แววมยุรา อภิรดีก็สามารถเล่นบทที่แตกต่างกันเหล่านี้ได้ทั้งหมด แม้บทบาทในจอเงินของอภิรดีมักเป็นบทร้ายบทรอง กระทั่งตอนที่โด่งดังสุดขีดจากทองเนื้อเก้าแล้วก็ตาม แต่ในทางจอแก้ว อภิรดีนับเป็นนักแสดงจากสายภาพยนตร์ในยุคนั้นที่ผันมารับงานละครโทรทัศน์ได้ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ชีวิตส่วนตัวอภิรดีสมรสกับโอภาส ทศพร ตั้งแต่ปีประมาณ พ.ศ. 2530 และใช้ชีวิตคู่กันหลายปี มีบุตร-ธิดา 3 คน ได้แก่ ปภณ (บูม), ภัสกร (แบงก์) และเลลาณี (เบลล์)[3] ก่อนจะหย่าเมื่อ พ.ศ. 2549[7] โดยให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากหนี้สินในการทำธุรกิจ [8] ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เธอรับว่าจดทะเบียนสมรสแล้วกับพันเอกวินธัย สุวารี (ยศในขณะนั้น)[9] หลังจากที่ทั้งคู่ได้คบหากันมาเป็นระยะเวลาประมาณ 8 ปี[10] แต่แยกกันอยู่[11] ผลงานการแสดงละครโทรทัศน์ละครสั้น
งานเพลง
ผลงานภาพยนตร์
พิธีกร
รางวัล
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |
Portal di Ensiklopedia Dunia