หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์
พลเรือเอก[1] นายแพทย์ หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ (27 ธันวาคม พ.ศ. 2472 – 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567) เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ ประสูติแต่หม่อมเร่ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา เป็นพระอนุชาร่วมพระชนกในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และมีศักดิ์เป็นพระอนุชาของพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระประวัติหม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ ประสูติแต่หม่อมเร่ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม บุนนาค) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2472 และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[2] หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ มีภราดาและภคินีร่วมครรโภทรสิบองค์[3] หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสกสมรสกับหม่อมนวลศรี สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม วีรบุตร) ธิดาพลตำรวจตรีวุฒิ วีรบุตร มีโอรสธิดาสองคน ได้แก่[4]
อีกทั้งยังเป็นพระอนุวงศ์ผู้ใหญ่ ครั้นถึงเทศกาลสงกรานต์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชสำนักผู้ใหญ่ เชิญเครื่องสรงน้ำสงกรานต์ไปพระราชทาน เป็นการแสดงพระราชกตัญญุตาธรรมตามโบราณราชประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์เชิญเครื่องสรงน้ำสงกรานต์ไปพระราชทาน[5] การทรงงานและกรณียกิจพลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงจบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และทรงสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เมื่อปี พ.ศ. 2505 ทรงเข้ารับราชการตั้งแต่ พ.ศ. 2505 โดยทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นนายแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ กรมแพทย์ทหารเรือ ต่อมาเป็นรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และเป็นนายแพทย์ประจำสำนัก กองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นต้น[4] พ.ศ. 2534 เป็นราชองครักษ์พิเศษ และวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552 ได้รับพระราชทานพระยศ พลเรือเอก เป็นกรณีพิเศษ และแต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กองนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน[6] และงานพิเศษ พ.ศ. 2528[4] หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นแพทย์ไทยที่นำวิทยาการด้านรังสีวิทยามาใช้ในการตรวจวิเคราะห์ และวินิจฉัยอาการป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้วิทยาการด้านรังสีวิทยาประเมินอาการของโรคได้อย่างแม่นยำ ทรงเป็นแพทย์ไทยท่านแรกที่ได้นำเครื่องมืออัลตราซาวนด์มาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้วิทยาการด้านนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้โดยทั่วไป พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อสาธารณประโยชน์อยู่หลายองค์กร ได้แก่
การทรงงานพิธีเนื่องด้วยพระราชวงศ์![]() หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จทรงงานพิธีเนื่องด้วยพระราชวงศ์ต่าง ๆ อาทิ 9 มีนาคม พ.ศ. 2528 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ทรงอัญเชิญเครื่องทองน้อย ในขบวนพระอิสริยยศ พร้อมด้วยราชสกุลสวัสดิวัตน์ พระประยูรญาติในสมเด็จฯ ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง 13 เมษายน ของทุกปี เสด็จบำเพ็ญพระกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ณ พระอุโบสถ วัดราชาธิวาสวิหาร สืบต่อจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเคยเสด็จเป็นประจำทุกปี 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ และราชสกุลสวัสดิวัตน์ เป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญพระกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง 6 มกราคม พ.ศ. 2562 เสด็จไปทรงเยี่ยมชมงานอุ่นไอรักคลายความหนาว "สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้น ณ ลานพระราชวังดุสิตและสนามเสือป่า และโดยเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ร่วมทอดพระเนตรการแสดง
เสด็จปฏิบัติกรณียกิจแทนพระองค์พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงปฏิบัติกรณียกิจแทนพระองค์อยู่บ่อยครั้ง[1] เช่น พระราชพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[8] ในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี พระราชพิธีบำเพ็ญพระกุศลถวายพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เสด็จแทนพระองค์ทรงบำเพ็ญพระกุศลครบ 150 ปี วันประสูติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ณ พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระราชพิธีบำเพ็ญพระกุศลถวายพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี 4 เมษายน พ.ศ. 2555 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานเพลิงพระบุพโพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส พระราชพิธีตรียัมปวาย ตรีปวาย เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2559[9] พระราชพิธีบำเพ็ญพระกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จแทนพระองค์ ทรงประกอบพิธีบวงสรวงงาช้างสำหรับสร้างพระราชลัญจกรในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง 22 - 23 เมษายน พ.ศ. 2562 เป็นผู้แทนพระองค์ ในการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล เป็นต้น สิ้นชีพิตักษัยหม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ได้สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สิริชันษา 94 ปี ทั้งนี้ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นเจ้านายที่มีพระชนม์อยู่เป็นองค์สุดท้ายของราชสกุลสวัสดิวัตน์[10] วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2567 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชทานดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ในโอกาสนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล โดยเสด็จในการนี้ด้วย พระเกียรติยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ยศทางทหาร
รางวัลเกียรติยศ
สถานที่เนื่องด้วยพระนาม
พงศาวลี
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia