หม่อมเจ้าทินทัต ศุขสวัสดิ์
ร้อยเอก หม่อมเจ้าทินทัต ศุขสวัสดิ (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2433 – 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463) เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ประสูติแต่หม่อมแช่ม ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา พระประวัติหม่อมเจ้าทินทัต ศุขสวัสดิ เป็นพระโอรสองค์แรกในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ประสูติแต่หม่อมแช่ม ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2433 มีโสทรขนิษฐาองค์เดียว คือ หม่อมเจ้ารัตจันทน์ ศุขสวัสดิ หม่อมเจ้าทินทัตทรงรับราชการในกรมทหารม้า และได้เสกสมรสกับหม่อมผิว ธิดาของหลวงนิธิพิมล (พลอย วสุวัต) กับนางสุ่น ขณะมีพระยศเป็นร้อยตรี มีธิดาด้วยกัน 3 คน คือ
การทรงงานด้านการทหาร[2]พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าทินทัต เปนนักเรียนกระทรวงกลาโหมออกไปศึกษาวิชาทหาร ณ ประเทศเยรมันนี ต่อมาถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2455 หม่อมเจ้าทินทัตได้เข้าสอบวิชาตามหลักสูตร์กรมทหารกรุงเบอลินสำเร็จ จึงได้เข้ารับราชการเปนฟานเมนยุงแคร์ในกรมทหารม้าที่ 6 เมืองไมนส์ ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเปนที่พอใจในความเพียรพยายาม และความอดทนของหม่อมเจ้าทินทัต จึงได้เลื่อนยศขึ้นเปนนายพวก (Gefreiter) แล้วเปนนายสิบ (Unter offizier) มีตำแหน่งผู้บังคับหมู่ จนที่สุดผู้บังคับการกรมทหารบกม้าที่ 6 ได้รายงานขอให้เข้าศึกษาวิชาในโรงเรียนรบต่อไป ครั้นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2456 ได้รับสัญญาบัตร์เปนนายร้อยตรีในกองทัพบกเยรมัน วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2457 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร์ให้หม่อมเจ้าทินทัต เปนนายร้อยตรีในกองทัพบกสยาม แต่งตัวสังกัดกรมทหารบกม้าที่ 2 แต่ยังคงให้ประจำอยู่ในกองทัพบกเยรมันต่อไป เพื่อหาความชำนาญในการฝึกหัดสั่งสอนและวิชาทหาร ในปลายปี พ.ศ. 2459 หม่อมเจ้าทินทัต ได้สำเร็จการศึกษาแล้ว กลับเข้ามารับราชการในตำแหน่งผู้บังคับหมวดในกรมทหารม้านครปฐม รับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยตรีชั้น 3 กับเงินเพิ่มพิเศษ ครั้นเดือนมีนาคมปีเดียวกัน ได้ย้ายไปประจำกรมทหารบกม้ากรุงเทพรักษาพระองค์ของพระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานยศเปนนายร้อยโท พ.ศ. 2463 ได้เลื่อนยศเปนนายร้อยเอก แลเลื่อนตำแหน่งเปนผู้รั้งผู้บังคับการม้านครปฐม กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปนราชองครักษ์เวรด้วย เมื่อ พ.ศ. 2463 ได้ย้ายกลับมาเปนผู้รั้งผู้บังคับการกรมทหารบกม้ากรุงเทพฯ รักษาพระองค์ ของพระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาได้เลื่อยศเป็นร้อยเอก ผู้รั้งผู้บังคับการกรมทหารบกม้ากรุงเทพรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463 นายร้อยเอก หม่อมเจ้าทินทัต ประชวรโรคบิดมีตัว ได้รักษาองค์อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อาการก็ทุเลาเปนลำดับมา และในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463 กำหนดว่าในวันรุ่งขึ้นจะได้กลับจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่ครั้นเวลา 5 นาฬิกา (11 ทุ่มเศษ) พระอาการกลับหนักลงไปอีก แพทย์ได้จัดการรักษาเต็มความสามารถ แต่เปนการพ้นวิสัยที่นายแพทย์จะป้องกันให้กลับคืนได้ หม่อมเจ้าทินทัต สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463 ขณะชันษา 30 ปี[3][4] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระยศและตำแหน่ง
พระอนุสรณ์ศาลาทินทัตศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2465 ตามพระประสงค์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศประทานแก่ นายร้อยเอก หม่อมเจ้าทินทัต ศุขสวัสดิ พระโอรส ตัวอาคารตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของโรงพยาบาลจุฬาลงการณ์ มีลักษณะที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมล้ำสมัยในเวลานั้น กลมกลืนกับอาคารของโรงพยาบาล ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 ศาลาทินทัต ได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นอาคารสถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยคงความงดงามของโครงสร้างเดิมไว้ เพื่อใช้ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบัน ศาลาทินทัต เป็นที่ตั้งของแผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รับอุทิศร่างกายให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia